1020. ตำนานแพะโพธิสัตย์ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก

ตำนานแพะโพธิสัตย์ วัดหนองกระบอก

ตำแหน่งที่ตั้งวัด
เลขที่ 109/1 บ้านเลขที่หนองละลอก ถนนสายหนองสะพาน-ละหารไร่หมู่4ตำบลหนองละลอกอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง21120

มีเจ้าอาวาสบริหารและการปกครอง

ตั่งแต่ พ.ศ.2400-2547 มีดังนี้

รูปที่ 1 หลวงพ่อคำ พ.ศ.2400-2405
รูปที่ 2 พระค้อม พ.ศ.2406-2409
รูปที่ 3 หลวงพ่อจัน พ.ศ.2410-2419
รูปที่ 4 หลวงพ่อห่วง พ.ศ.2420-2434
รูปที่ 5 หลวงพ่อยอด พ.ศ.2435-2439
รูปที่ 6 พระครูเทพสิทธิการ(อ่ำ) พ.ศ.2439-2495
รูปที่ 7 พระครูวิจิตรธรรมานุวัต(ลัด) พ.ศ.2495-2431
รูปที่ 8 พระครูสังวรกิจจาภิรมย์(ผ่อน) พ.ศ.2531

ประวัติความเป็นมาของวัด

วัดหนองกระบอก ที่ได้ชื่อว่า วัดหนองกระบอกก็เพราะในหนองน้ำริมวัด มีกระบอกตาผี(หัวกระโหลกคนสมัยโบราณ)ซึ่งมีกระบอกตาเท่ากำปั้น

วัดนี้สร้างขึ้นมาเมือ พ.ศ.2348 เดิมหลวงพ่อตาล เจ้าอาวาสวัด กะซัง พร้อมด้วยนายกลั่น ได้ให้หลวงพ่อคำมาสร้างกุฎิขึ้น ที่วัดหนองกระบอกปัจจุบัน ส่วนที่ดินเป็นมรดกของหลวงพ่อคำ เนื้อที่สมัยนั้น 14 ไร่ได้สร้างกุฎิ2หลัง หอสวดมนตรื1หลัง พออาศัยทำศาสนกิจได้เท่านั้น จุดประสงค์และจุดมุ่งหมายของหลวงพ่อตาลนั้นตามคนโบราณเล่ามาว่า

หลวงพ่อตาลมีจุดประสงค์ จะย้ายจากวัดกะซัง เพราะสมัยนั้นสภาพของวัดกระวัง ซึ่งตั้งอยู๋หมู่ที่3 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง อยู่ริมแม่น้ำ ถูกคลองเซาะพัง หลวงพ่อจึงมาสร้างวัดหนองกระบอก ยังไม่ทันเสร็จ หลวงพ่อก็มามรณภาพเสียก่อน จากนั้น หลวงพ่อคำจึงย้ายของจากวัดกะซังมายังวัดหนองกระบอก วึ่งมีพระพุทธรูปสลักหินสมัยโบราณอายุ กว่า2000ปีและพระพุทธรูปสลักด้วยหินหยกจีนอายุกว่า2000ปี คัมภีร์สมัยขอม หนังสือขอม หนังสือไทยโบราณและตำรายา อีกมากมาย

ในสมัยก่อนเล่ากันต่อๆ กันว่า วัดในจังหวัดระยอง ที่เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ มีเพียง 4 วัดเท่านั้น คือ

1. วัดละหารใหญ่

2. วัดกะซัง(ปัจจุบันได้ร้างว่างเปล่า)

3. วัดบ้านค่าย

4. วัดบ้านเก่า

คนสมัยโบราณ เล่ากันมาว่า 4 วัดนี้ เวลามีศึกสงครามรบรากันครั้งไหน ทั้งพระทั้งคนถูกต้อน ต้องหนีไปจากถิ่นเดิม จนกลายเป็นที่รกร้าง ภายหลังมีคนมาถาง ทำไร่นา จนได้พบสถานที่ ทั้ง 4 วัด ยังมีซากปรากฎอยู่มี อิฐ เนินโบราณ มีสภาพเจดีย์ และ พระพุทธรูปสลักด้วยหิน (คาดว่าเป็นสมัยขอมเรืองอำนาจ ในแถบนี้) คนที่มาภายหลังนี้ได้พบ สิ่งที่เป็นวัตถุโบราณ ในที่ทำมาหากินของตน จึงได้ชวนกันมาสร้างวัดขึ้น ในซากเดิมของ ทั้ง 4 วัด

ต่อไปนี้จะกล่าวถึง ตำนานแพะโพธิสัตย์

ตำนานแพะโพธิสัตย์ แบ่งออกเป็น 3 ยุค คือ

1.ยุคพระครูเทพสิทธิการ(อ่ำ) พ.ศ.2439-2495
2.ยุคพระครูวิจิตรธรรมานุวัต(ลัด) พ.ศ.2495-2431
3.ยุคพระครูสังวรกิจจาภิรมย์(หลวงพ่อผ่อนหรือหน๋อย) พ.ศ.2531

ยุคพระครูเทพสิทธิการ(หลวงพ่ออ่ำ)

ฉายา เกสโร สมณสักดิ์ครั้งสุดท้าย พระครูเทพสิทธิการ เจ้าคณะตำบลหนอลละลอก

นามเดิม ชื่อ อ่ำ คงจำรูญ

ชะตา เกิดเมือ 20 พฤษภาคม 2408 (716 ค่ำปีฉลู)

มรณะ เมือ 1 สิงหาคม 2494

รวมอายุได้ 89ปี 66 พรรษา

บวชเมือ พ.ศ. 2429 ที่วัดหนองกระบอก

เกิดที่ ตำบล หนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง

วิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียน จากตำราบ้าง จากอาจารย์ดังๆที่อื่นบ้างวิชาต่างๆที่ปรากฎให้ชาวบ้านได้รู้ได้เห็น ได้แก่

1. วิชาแพะ โพะธิสัตย์ ร้องได้ กระโดดได้
2. วิชากระสุนคต ยิงออกทางหน้าต่างจะให้ไปถูกอะไรก็ได้
3. วิชากระสุนลูกปืนคต ยิงที่โคนต้นไม้ใบไม้จะล่วงลงมามีรอยลูกปืนทุกใบ
4.วิชาเรียกปลา เรียกปลาจากในหนองน้ำหรือในสระให้แถกขึ้นมาหา

วิชาแพะ

ได้มีลูกสิษย์คู่ใจคนหนึ่งชื่อนายพลับ ประดิษศิรฺผล(ซึ่งจะกล่าวประวัติภายหลัง)แพะที่หลวงพ่ออ่ำสร่างขึ้นมานี้เรียกว่า แพะโพธิสัตย์ นายพลับ ประดิษศิริผล ได้บวชเมือพ.ศ.2444 และศึกออกมาตอน พ.ศ.2445 หลวงพ่ออ่ำรู้ด้วยญาณของท่างเองว่า นายพลับ นี่แหละจะเป็นคู่บุญคูาบารมีของท่านตอนศึกจากพระเป็นฆารวาส หลวงพ่อ่ำได้ครอบครูมาให้ด้วย และได้เริ่มแกะแพะตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ตลอดชีวิตของท่าน แพะที่แกะนั้น ต้องใช้เขาควายที่ตายโหง ถูกฟ้าผ่า พอดีในช่วงที่นายพลับศึกออกมามีควายเผือกตัวหนึ่งใหญ่มาก มีเขาข้างละประมาณ1เมตร ถูกฟ้าผ่ากลางทุ่งนาตาย หลวงพ่ออ่ำจึงขอไว้ให้นายพลับ ไว้แกะแพะ ถวาย เขาคู่นั้นเป็นเขาเผือกสีดำ ยังเหลืออยู่ประมาณ 1 ฟุต หลวงพ่อลัดได้ปลุกเสกแล้วคืนไว้ให้ลูกสาวนายพลับ ไว้แกะ ต่อไป ลูกสาว ชื่อ ทองสุข ประดิษศิรฺผล ตอนนั้นอายุได้84ปีแล้วได้แกะเพียงขึ้นโครงเป็นรูปร่างเท่านั้น

กล่าวกันว่า ผู้ใดได้ครอบครองแพะโพธิสัตย์หลวงพ่ออ่ำ ทำให้ถูกต้อง จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขึ้น เป็นเมตามหานิยม ชื่อเสียงแพะหลวงพ่ออ่ำ แกะโดยนายพลับเป็นที่รู้จักและต้องการไปทั่วประเทศและต่างประเทศ จะหาได้ยากเต็มทน หลังจากที่นายพลับหมดบุญ ก็มีผู้มาเลียนแบบการแกะแพะ แต่แกะอย่างไรก็ไม่เหมือน เพราะแพะที่นายพลับแกะนั้นดูมีชีวิตชีวา ดูไม่เบื่อ น่าดุบ้าง หน้ายิ้มบ้าง ซึ่งมาจากจิตวิญญาณ ของผู้แกะเอง ผู้แกะเป็นคนที่มีศิลป์โดยแท้ ต้องการแกะให้ยิ้ม ให้ดุได้ดังใจคิด

หลวงพ่ออ่ำนั้นเก่งทางด้านสักยันต์ อยู่ยงคงกระพัน เมตามหานิยม แคล้วคลาดหลวงพ่อ อี๋เป็นรุ่นน้องหลวงพ่ออ่ำ 4ปี แต่หลวงพ่ออ่ำเรียกหลวงพ่ออี๋ว่า ท่านอี๋

สงครามอินโดจีน หลวงพ่ออ่ำ ทำผ้ายันต์ตระกรุดและมงคล ให้ทหาร 80 คนที่อำเภอบ้านค่ายและเป็นผู้ประพรมน้ำมนต์ แจกเสื้อยันต์ ตระกรุดคาดเอว มงคลคล้องคอ ปรากฎว่าทหารที่เกณฑ์ไปจากบ้านค่าย ได้กลับมาทั้งหมด 80 คนเหมือนเดิมไม่มีใครเสียชีวิตเลย

วิชากระสุนคต วิชากระสุนลูกปืนคต และ วิชาเรียกปลา

หลวงพ่ออ่ำได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ วัดคมบาง ปัจจุบันเป็น อ.แหลมสิงห์ สมัยฝรั่งเศษเข้ายึดเมืองจันทบุรี ได้นำเรือมาจอดที่ปากอ่าวอำเภอแหลมสิงห์ แล้วยิงปืนใหญ่เข้ามาที่คมบาง แต่ท่านอาจารย์ที่วัดคมบางได้นั่งสมาธิ ปัดลูกปืนไปตกหลังวัดหมด นายทหารฝรั่งขึ้นจากเรือรบได้ให้ล่ามมาหาหลวงพ่อว่ามีอะไรดี ทำไมถึงยิงไม่ถูก หลวงพ่อนั่งสมาธิอยู่ตอบว่า อาตมาไม่มีอะไรดีดอก ท่านยิงไม่ถูกเอง ท่านจะยิงวัดไปทำไม วัดไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน

ภายหลังบ้านเมืองสงบลงดีแล้วหลวงพ่ออ่ำได้ธุดงค์ไปที่วัดคมบางเพื่อขอร่ำเรียนวิชากระสุนคตและวิชากระสุนลูกปืนคต ขณะนั้นหลวงพ่อที่วัดคมบาง กำลังนั่งถากไม้อยู่ หลวงพ่ออ่ำได้เข้าไปกราบ หลวงพ่อวัดคมบางก็ได้ถามว่า มาจากไหน มาทำไม หลวงพ่ออ่ำตอบตรงๆว่า มาขอ เรียนวิชากระสุนคนและกระสุนลูกปืนคต หลวงพ่อวัดคมบางถามว่า เอางั้นเรอะ หลวงพ่ออ่ำตอบว่า ครับท่าน หลวงพ่อวัดคมบางเลยบอกว่า อ่าวงั้นเรียนตรงนี้ เดียวนี้เลย หลวงพ่ออ่ำก็ได้ร่ำเรียนและท่องจำวิชากระสุนคตและกระสุนลูกปืนคตจากตรงนั้นมา (คนแถวหนองสะพานสมัยก่อนเรียกฉายาหลวงพ่ออ่ำว่า(อ่ำปืนคต)

นอกจากนั้นยังมีหลวงพ่อสอด วัดปากน้ำระยอง อีกรูปหนึ่ง ที่ยิงกระสุนคตและลูบคมดาบได้เช่นเดียวกัน

ทุกครั้งที่หลวงพ่ออ่ำท่านออกของมา ท่านจะไม่ขายแต่จะทำแจก มีครั้งหนึ่งหม่อมเจ้าเฉลิมพลซึ่งยศขณะนั้น ยศ ร.ต.อ.มจ.เฉลิมพล ได้ยินกิตติศัพท์ทางอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด จึงเดินทางมาหาหลวงพ่ออ่ำ หลวงพ่อก็ได้ให้เสื้อยันต์ ตระกรุดและมงคลไป ร.ต.อ.มจ.เฉลิมพลถวายปัจใจให้ 200 บาท หลวงพ่ออ่ำบอกว่า ถวายอะไรให้มากมายนัก ฉันใช้เงินไม่เป็น มจ.เฉลิมพล ก็บอกว่า เอาไว้สร้างวัดวาก็ได้จะได้เจริญขึ้นเร็วๆหลวงพ่ออ่ำจึงรับปัจจัยนั้นเอาไว้

หมอปิ่น ประทุมชาติ ซึ่งเป็นทั้งศิษย์และเด็กวัดใกล้ชิดทั้งหลวงพ่ออ่ำและหลวงพ่อลัดเป็นผู้เก็บและดูแลตำราต่างๆไว้ที่วัดได้เล่าว่า ( ไปกรุงเทพหลวงพ่อฉันท์หมาก คายออกมาใส่กระโถนชาวบ้านก็มาแย้งกันไม่รู้เอาไปทำอะไร กระสุนคตก็แสดงให้เห็นบ่อยๆ โดยไม่บอกให้ใครรู้

เช่น หลวงพ่ออ่ำจำวัดอยู่ ถ้าเด็กวัดมาเล่นเล่นไต้ถุนส่งเสียงดัง หลวงพ่อจะยิงกระสุนออกทางหน้าต่างไม่ให้ถูกเด็กวัดแต่จะให้เฉียดๆให้รู้ตัว ว่าหลวงพ่อไม่ให้ส่งเสียงดัง เด็กวัดก็จะเงียบ หลวงพ่ออ่ำ ท่านพูดบอกโยมปิ่นว่า จะเอาไรให้เรียนเอง ถ้ากูตายไปจะได้มีวิชาติดตัว หมอปิ่นขอเรียนวิชาเรียกปลาขึ้นจากบ่อ หลวงพ่ออ่ำจึงให้เทน้ำให้ใหลไปทางร่องน้ำ นั่งอยู่สักพักปลาในบ่อก็แถกขึ้นมาตามร่องน้ำมาให้จับได้ แต่วิชานี้หลวงพ่อไม่สอนให้เพราะมันเป็นบาป

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : uamulet.com โดยคุณ ar2550
ขอขอบคุณรูปภาพสวยจาก : พระเครื่องตั้มศรีวิชัย
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: