701. ควายธนูและอำนาจพลังจิต หลวงพ่อรุ่ง ติสสโร วัดท่ากระบือ

ควายธนูและอำนาจพลังจิต
หลวงพ่อรุ่ง ติสสโร วัดท่ากระบือ
ขอกล่าวถึงหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ อาจารย์ผู้อยู่ทรงภูมิจิตและอิทธิฤทธิ์มาก เรื่องราวที่รวบรวมนำมาบอกเล่าให้ทราบนี้ จดจำคำบอกเล่าของ คุณสุรศักดิ์ พฤกษณ์กานนท์ อาจารย์ผู้ชี้แนะสั่งสอนเรื่องราวทางเข้มขลัง ให้ข้าพเจ้าได้ทราบมากมาย เรื่องนี้คุณสุรศักดิ์ ได้ฟังจากพระอาจารย์ฮ้อ วัดประสาทบุญญาวาส พระลูกวัดผู้ชอบทางอาคมเข้มขลัง เคยธุดงค์เดี่ยวไปเกือบทั่วประเทศ เพื่อขอเรียนวิชาจากอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ พระอาจารย์ฮ้อ รูปนี้เป็นชาวไทเชื้อสายจีน แต่ใจชอบทางขลังอย่างที่สุด ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดประสาทบุญญาวาส ในช่วงเวลานั้นเพื่อมาช่วย พระสมุห์อำพล บูรณะวัด ด้วยทั้งสองคุ้นเคยและชอบทางขลังเหมือนกัน พระอาจารย์ฮ้อ เล่าเรื่องราวคราวได้พบ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ได้ว่าสนใจดังนี้

หลวงพ่อรุ่ง ติสสโร วัดท่ากระบือ

ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลายปี ตัวท่านยังแข็งแรงเดินเท้าไปทั่ว เมื่อได้ยินข่าวหลวงพ่อรุ่ง วัดท่าควาย (สมัยนั้นเรียกแบบนี้) ว่าท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า มีวิชาอาคมขลังแสดงฤทธิ์ได้ต่าง ๆ ไม่แพ้อาจารย์ จึงสนใจอยากพบ รีบทางจากราชบุรีมาวัดท่าควาย เวลานั้นเดินทางมาด้วยเรือโดยสาร กว่าจะมาถึงใช้เวลาเป็นวัน เมื่อมาถึงวัดท่ากระบือสอบถามพระลูกวัดได้ความว่า หลวงพ่อรุ่งท่านอยู่ในกุฏิ และสั่งห้ามใครรบกวนเด็ดขาด พระลูกวัดห้ามปรามท่านว่าหลวงพ่อรุ่งท่านดุ สั่งคำใดแล้วต้องตามคำ ไม่มีลดหย่อนผ่อนผัน หากใครขัดคำท่านเป็นอันได้เห็นดี ไม่รู้ตัวอะไรต่อมิอะไรปลิวให้ว่อน ทั้งของลับของแจ้งท่านให้หมด หากโมโหแล้วไม่สนใจใคร ท่านด่าแหลกลาญไม่เหลือดี

พระลูกวัดแนะนำให้ท่านกลับไปก่อน เพราะยังไงเสียวันนี้หลวงพ่อรุ่งท่านคงไม่รับแขก ไม่ยอมพบใครเป็นแน่ พระอาจารย์ฮ้อ เมื่อได้ฟังคำเตือนจากพระลูกวัดเกิดยำเกรง แต่ใจก็อยากเรียนอยากพบขอวิชาจากท่าน คิดว่ายังไงเสียวันนี้ต้องพบให้ได้ ตัดสินใจรออยู่หน้ากุฏิหลวงพ่อรุ่งเสียเลยดีกว่า เรียกว่าจะเป็นตายอย่างไรไม่ถอยกลับ พระอาจารย์ฮ้อนั่งรออยู่จนเผลอหลับไปเมื่อใดไม่ทราบ มารู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงสลักกลอนประตูดังจากด้านในกุฏิ ดัง แก๊ก ! แก๊ก ! บานประตูกุฏิถูกผลักออกจากด้านใน บานประตูเมื่อผลักออกก็ชนเข้ากับร่างพระอาจารย์ฮ้อ ที่เวลานั้นม่อยหลับอยู่ข้างประตูกุฏิ พระอาจารย์ฮ้อรู้สึกตัวว่าหลวงพ่อรุ่งออกมาก็รีบผลุดขึ้นนั่งพรมไหว้มือแต้โดยทันที

หลวงพ่อรุ่งเหลือบมองเห็นพระแปลกหน้ามาคอยอยู่ ท่านหันมาพูดเบา ๆ ในมือท่านถือตะเกียงเพื่อส่องทาง สั่งให้พระอาจารย์ฮ้อเดินตามท่านมาทางท่าน้ำ แล้วท่านชี้มือชี้ไม้ทำภาษาใบ้ โบกมือชี้สั่งให้พระอาจารย์ฮ้อปีนขึ้นไปบนต้นไม้ให้สูงขึ้นไป สูงขึ้นไป มากที่สุด เวลานั้นพระอาจารย์ฮ้อเล่าว่าตัวท่านเองก็งง ใจสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อรุ่งถึงให้ปีนต้นไม้ แต่เมื่อท่านสั่งแล้วต้องทำตาม ถึงไม่รู้ก็ต้องทำ จึงปีนป่ายขึ้นต้นไม้ไปจนเกือบสุดยอดสูง ช่วงที่กำลังจะปีนได้ยินท่านพูดเบา ๆ พร้อมใช้นิ้วชี้ จุ๊ ๆ จุ๊ ๆ ที่ปาก แล้วสั่งว่าให้ท่านเงียบไว้อย่าส่งเสียงเด็ดขาด ไม่ว่าเห็นอะไรให้เงียบไว้ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตราย สั่งจบหลวงพ่อรุ่งท่านก็เดินตรงไปที่ท่าน้ำ แล้วล่วงหยิบอะไรบางอย่างจากย่ามขึ้นมา ท่านนำมาเสกเป่าครู่หนึ่งแล้วเขวี้ยงไปในแม่น้ำ

ควายธนูอาคม
หลวงพ่อรุ่งเขวี้ยงวัตถุบางอย่างลงน้ำแล้ว เห็นท่านรีบดับแสงตะเกียงแล้วรีบปีนขึ้นต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด ท่านปีนขึ้นจนสูงสุดแล้วส่งเสียง จุ๊ จุ๊ จุ๊ !! คล้ายสั่งสำทับพระอาจารย์ฮ้อให้เงียบที่สุด จากนั้นได้ยินเสียงหลวงพ่อรุ่งภาวนาคาถาเบา ๆ เสียงนั้นได้ยินชัดในคืนอันเงียบสนิท ในคืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย แม้นดับแสงตะเกียงลงแล้ว แต่แสงจันทร์ส่องสว่างทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ รอบข้างได้ชัดพอสมควร อึดใจหนึ่งได้ยินเสียงคล้ายมีอะไรบางอย่างขึ้นมาที่ท่าน้ำ เสียงโครมคราม ขึ้นมาจากแม่น้ำ แล้วมีเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ย่ำเหยียบขึ้นมาที่ท่าน้ำ มองไปเห็นสัตว์ตัวดำร่างใหญ่ทะมึน ดวงตามันแดงเลืองคล้ายถ่านไฟในเตา เสียงฝืดฝาด !! ฝืดฝาด !! คล้ายเสียงวัวกระทิงดุหายใจ เจ้าสัตว์ตัวดำนั้นเมื่อขึ้นมาได้ก็จะโจนพรวดขึ้นฝั่ง ใช่แล้วมันคือ ควายตัวใหญ่ แต่แปลกที่ดวงตามันแดงฉานเหมือนถ่านไฟ

เจ้าควายใหญ่มันไม่สนใจอะไร นอกจากวิ่งในลานวัดแล้วเห็นมันพุ่งเข้าชนต้นไม้อย่างบ้าคลั่ง ชนต้นนั้นทีต้นนี้หน่อยทั่วไปหมดไม่มีหยุดหรือเหนื่อยอ่อน ควายตัวดำวิ่งวนไปมาครู่ใหญ่ เข้าใจว่าหลวงพ่อรุ่งท่านเห็นสมควรพอแล้ว ท่านก็ไต่ลงมาจากต้นไม้แล้วลงมาหยุดยืนที่ลานวัด พอเจ้าควายใหญ่เห็นหลวงพ่อรุ่งเท่านั้น มันรีบวิ่งเข้าใส่อย่าบ้าคลั่งทันที หลวงพ่อรุ่งยืนสงบนิ่งภาวนาคาถาพึมพำ ดูท่านไม่สะทกสะท้านเกรงถึงภัยเบื้องหน้าที่กำลังจะถึง พอเจ้าควายดำตาแดงพุ่งเข้าใกล้จวนจะจึงถึงร่าง เห็นหลวงพ่อรุ่งท่านเป่าลมดังเพี้ยง !! ใส่ร่างควายดำ น่าอัศจรรย์เจ้าควายดำใหญ่บัดนี้กลายเป็นเพียง หุ่นดินปั้นเล็ก ๆ ไร้พิษสงยืนนึ่งอยู่ที่พื้นเบื้องหน้าหลวงพ่อรุ่ง ได้ยินเสียงท่านหัวเราะชอบใจ แล้วตะโกนสั่งให้พระอาจารย์ฮ้อลงจากต้นไม้ได้ พระอาจารย์ฮ้อรีบลงจากต้นไม้ตรงเข้ากราบหลวงพ่อรุ่ง

หลวงพ่อรุ่งท่านพูดขึ้นว่า
**ควายธนูนี่มันจำใครไม่ได้ แม้นเจ้าของผู้ปล่อยมันก็ไม่จำ พวกนี้อันตรายหากใจไม่มั่นจริงอาจถึงตาย อยากแค่ลองทำดูให้รู้ว่าทำได้จริงตามตำราก็เท่านั้น เอาเป็นว่าหากคุณมีธุระอะไรพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกัน คืนนี้ไปจำวัดที่บนศาลาก่อน**

พูดจบหลวงพ่อรุ่งท่านก้มลงหยิบหุ่นรูปควายใส่ยาม แล้วเดินกลับกุฏิไม่สนใจพระอาจารย์ฮ้อที่ยืน งง กับเหตุการณ์ที่พบเห็น ในคืนนั้นพระอาจารย์ฮ้อท่านว่านอนแทบไม่หลับ จำวัดไม่ได้ เพราะเกิดมายังไม่เคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อน หากใครมาเล่าให้ฟังท่านว่าคงไม่มีทางเชื่อ แต่นี้เห็นกับตาตัวเองจะว่าฝันคงไม่ได้ เพราะตัวท่านเองปีนอยู่เกาะอยู่บนต้นไม้ พอถึงเวลาเช้าก้รีบตรงไปรอหลวงพ่อรุ่งที่หน้ากุฏิ กราบเรียนท่านว่ามาขอเรียนวิชา เมื่อหลวงพ่อรุ่งได้ยินดังนั้นท่านก็พูดด้วยเสียงดังว่า **วิชงวิชาอะไรไม่มีให้ ไม่มีอะไรจะสอน** พูดจบท่านก็นิ่งเงียบไม่พูดด้วยอีกเลย พระอาจารย์ฮ้ออยู่วัดท่ากระบือต่ออีกระยะหนึ่ง เพื่ออ้อนวอนขอวิชา สุดท้ายท่านก็ไม่สอนให้ แต่ได้มอบตะกรุดให้เป็นที่ระลึก กับเรื่องราวที่พระอาจารย์ฮ้อได้เห็นในคืนนั้น

เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ พระอาจารย์ฮ้อท่านยืนยันหนักแน่นว่าท่านเป็นพระสงฆ์ จะมาพูดเท็จก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด ท่านยืนยันในสิ่งที่ท่านเห็นมา ทั้งยกย่องว่าหลวงพ่อรุ่งรูปนี้คือของจริง ณ วันนี้คุณสุรศักดิ์ผู้เล่าได้ล่วงลับไปแล้วด้วยวัยเจ็บสิบกว่าปี ข้าพเจ้าฟังเรื่องราวนี้มาโดยตรงจากคุณสุรศักดิ์ เห็นเป็นเรื่องราวน่าสนใจสมควรบันทึกและนำมาเผยแพร่บอกต่อสังคม และสาธุชนทั่วไปให้ได้ทราบ ถึงเรื่องราวของอำนาจจิตที่ผ่านการฝึกฝนมาดีแล้ว เป็นเรื่องน่าสนใจศึกษาดังนี้

ขอบคุณเนื้อหาจาก

ฅนขลัง คลังวิชา

TNEWS – ทีนิวส์

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่
แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji
Web Sit: www.appgeji.com
App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: