517. บรรยากาศตอนหลวงพ่อปานพบครูผึ้ง

หลวงพ่อปาน ท่านดั้นด้นไปหาครูผึ้ง ถึงนครศรีธรรมราช เพื่อไปเรียนพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์ เพื่อมาสั่งสอนให้คนมีเงินมีโชคลาภ นับว่าท่านเล็งการไกลมาก เพราะในสมัยนั้นการดำรงชีพ ยังหากินง่าย เช่นคนเป็นชาวนา จะทำงานแค่ปีหนึ่งสี่ห้าเดือน หลังจากนั้นจะพัก แต่ก็ยังพอเลี้ยงชีพได้ ครูบาอาจารย์ทั่วไปจึงไม่ค่อยได้ฝึกวิชาโชคลาภ ตอนที่หลวงพ่อปานไปพบครูผึ้ง มีการกล่าวถึงเรื่องพลังจิตของทั้งสองท่าน ที่ท่านเอ่ยกัน ทำให้หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ถึงกับอึ้ง

ครูผึ้ง
ครูผึ้ง

หลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เรียนมาจากครูผึ้ง จังหวัดนครศรีธรรมราช (ท่านทำทานให้ขอทานครั้งละ ๑ บาท ซึ่งสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวข้าวแกงจานละห้าสตางค์เอง) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ หลวงพ่อปาน หร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทิศเหนือได้ไปถึงเชียงตุงของพม่า ทิศตะวันออกไปสุดภาคอีสาน และได้ขออนุญาตข้ามเขตไปในอินโดจีนของฝรั่งเศส ถึงประเทศญวน ทิศใต้ได้ไปถึงปีนังของอังกฤษ พบท่านครูผึ้ง เมื่อไปถึงนครศรีธรรมราช ในเย็นวันที่ได้ไปถึงนั่นเองขณะที่หลวงพ่อเข้าห้องจำวัดพักผ่อน โดยมีพระภิกษุอุปัฏฐากกับทายกคอยเฝ้าอยู่หน้าห้องพักนั้น ประมาณเวลา ๑๗.๐๐ น. ได้มีผู้มีอายุท่านหนึ่ง รูปร่างเพรียว ท่าทางสง่า ผิวขาว นุ่งห่มผ้าม่วงสีน้ำเงิน สวมเสื้อนอกราชประแตนกระดุมห้าเม็ด ถุงเท้าขาว รองเท้าคัชชูสีดำ สวมหมวกสักหลาด ถือไม้เท้าเลี่ยมทอง ได้มาหาพระอุปัฏฐาก ถามว่า “หลวงพ่อตื่นแล้วหรือยัง” ก็พอดีได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดออกมาจากห้องว่า “ไม่หลับหรอก แหมนอนคอยอยู่ คิดว่าผิดนัดเสียแล้ว” แล้วหลวงพ่อก็เดินออกมาจากห้องพัก เมื่อนั่งลงแว ผู้เฒ่าผู้มาหาพูดว่า “ผมไม่ผิดนัดหรอกครับ เห็นว่าท่านเพิ่งมาใหม่ๆ กำลังเหนื่อย และมีคนมาคอยต้อนรับกันมาก ก็เลยรอเวลาไว้ก่อน ตอนเย็นนี้คิดว่าว่างจึงเข้ามาหา” ขณะที่ท่านเห็นท่านทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น สร้างความสงสัยให้แก่คณะที่ได้ไปด้วยกันเป็นอันมาก เพราะไม่เคยเห็นว่าคนทั้งสองพบหน้ากันที่ไหนเลย ทำไมจึงพูดกันถึงเรื่องนัดหมาย ขณะที่คณะเกิดสงสัยนั่นเองหลวงพ่อได้พูดว่า “พวกเราสงสัยหรือ? ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไป โยมผู้เฒ่านี้ได้ทางใน ฉันพบกับโยมตั้งแต่เดินทางมาถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และได้นัดหมายกันไว้ว่าจะมาพบกันที่นี่ ต่อไปนี้พวกเราจะพ้นความยากจนแล้ว เพราะโยมผู้นี้มีของดี แล้วหลวงพ่อก็พูดกับพ่อเฒ่านั้นว่า “โยมมีของดี ก็เอาของดีออกมาอวดพวกนี้หน่อยสิ หรือมีอะไรขัดข้อง?”

ท่านผู้เฒ่าได้บอกว่า ท่านชื่อผึ้ง อายุ ๙๙ ปี ท่านครูผึ้งเล่าประวัติพระคาถา มองดูแล้วคนในคณะที่ไปกับหลวงพ่อ อายุ ๕๐ ปีเศษ เหมือนจะแก่กว่าท่านหรือเท่าๆกับท่าน เมื่ออายุท่านได้ประมาณ ๔๐ ปี ได้มีพระธุดงค์เดินทางมารูปเดียว ท่านเห็นพระรูปนั้นแล้วรู้สึกเลื่อมใสมาก จึงได้นิมนต์ให้พักอยู่เพื่อบำเพ็ญกุศล ๔ วัน ได้ปฏิบัติท่านอย่างดีเท่าที่จะทำได้ ได้เรียนกรรมฐานจากท่าน ท่านได้สอนให้เป็นอย่างดี เมื่อจะกลับท่านพูดว่า “โยม ฉันจะลากลับ ต่อไปจะไม่ได้มีโอกาสผ่านมาอีก หากโยมอยากพบอาตมา ก็ขอให้จุดธูปอาราธนาพระ แล้วอาตมาจะมาพบทางใน” แล้วท่านก็ได้มอบพระคาถาพระปัจเจกะโพธิ์โปรดสัตว์บทนี้ให้ พร้อมทั้งอธิบายวิธีปฏิบัติ ท่านว่าทำเพียงเท่านี้พอเลี้ยงตัวรอด เงินทองของใช้ไม่ขาดมือ ถ้าปฏิบัติเป็นกรรมฐาน ทำให้ถึงฌานแล้วจะร่ำรวยเป็นเศรษฐี โยมเอาพระคาถาบทนี้ภาวนาเป็นกรรมฐานเถิดนะ ไม่เกิน ๒ ปี โยมจะรวยใหญ่ เงินทองจะหลั่งไหลมาเอง พระคาถาบทนี้ของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ตระกูลอาตมาได้รำเรียนสืบต่อกันมาทุกคน ไม่มีใครจน อย่างต่ำสุดก็พอเลี้ยงตัวรอด ให้หลวงพ่อปานเรียนพระคาถา เมื่อพูดจบได้มอบพระคาถาให้หลวงพ่อเรียนแล้วบอกว่า ได้โปรดอย่าปิดบังพระคาถาบทนี้เลย ขอได้กรุณาแจกเป็นธรรมทานด้วย แล้วหลวงพ่อก็หลับตาเข้าสมาธิ ท่านครูผึ้งก็หลับตาเข้าสมาธิ ต่างคนต่างหลับตา ประมาณ ๕ นาที ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน ต่างคนต่างยิ้ม เสียงท่านครูผึ้งพูดว่า “ผมดีใจด้วยที่ต่อไปเบื้องหน้าท่านจะได้ศิษย์คู่ใจ” หลวงพ่อก็หัวเราะ ตอบคำถามหลวงพ่อ หลวงพ่อถามว่า “ท่านอาจารย์ทำนานนักไหมจึงจะรู้ผล” อาจารย์ตอบว่า “ไม่นานครับ ประมาณตอนแรก ผ่านไปเริ่มรู้ผล ผลระยะแรกให้ผลในทางกินก่อน เช่นหุงข้าวตามธรรมดาคนกินในบ้านก็กินเท่าเดิม เพิ่มการใส่บาตร แต่ข้าวเหลือ ผมเคยได้ถามว่า คนหุงทำไมหุงมากนัก เขาบอกว่าหุงเท่าเดิม ผมจึงสั่งให้ลดจนเหลือครึ่งจำนวนพอดี” เงินเริ่มเพิ่ม “เมื่ออาหารเริ่มลดความหมดเปลือง รายได้ก็เพิ่มขึ้นในระยะ ๑ ปีที่ผ่านไป เรื่องการเงินเริ่มไหวตัว เงินในที่เก็บเริ่มเกินบัญชี เงินจากร้านค้านับมาว่าพอดี

พอรุ่งขึ้นมาตรวจเงิน มากกว่าจำนวนทุกที ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด เดี๋ยวนี้ผมทำอะไรไม่ไหว แต่ผมก็มีรายได้ทุกวัน ใครไป ใครมา ขากลับคนนี้ให้บ้าง คนนั้นให้บ้าง คิดเฉลี่ยผมมีรายได้วันละประมาณเกือบร้อยบาท พระคาถาบทนี้ศักดิ์สิทธิ์มากครับ” ทำเป็นกรรมฐาน หลวงพ่อได้ถามว่า “ท่านอาจารย์ทำอย่างไร” อาจารย์ตอบว่า “ผมทำเป็นกรรมฐานเลยครับ ทำจนสว่าง หลับตาลงแล้วเกิดความสว่างขึ้น ได้เห็นพระพุทธรูปบ้าง พระสงฆ์บ้าง มีอยู่องค์หนึ่งครับจีวรสวยมาก ไม่เหมือนจีวรพระธรรมดา แล้วเริ่มเห็นเงิน คราวแรกๆเป็นจำนวนน้อยๆ ต่อมาก็เห็นเป็นจำนวนมากตามลำดับ จนถึงกองใหญ่ ทำอะไรนิดทำอะไรหน่อยก็ดีไปหมด คนอื่นเขาทำขาดทุน ผมลองไปบ้างก็มีกำไรดีเสียด้วย” ของเพิ่ม “มีเองแปลกอีกครับ นอกจากเงินเพิ่มแล้วของก็เพิ่มด้วย ข้าวของที่มีอยู่หรือหามาใหม่ มีบัญชีจดไว้ครบถ้วน ครั้นไปตรวจคราวใดของเกินบัญชีทุกที” เคล็ดลับ หลวงพ่อถามว่า “มีเคล็ดลับอะไรบ้างในการนำของเข้าออก และการเก็บเงินใช้เงิน” อาจารย์ตอบว่า “มีครับ แหมผมเกือบลืมบอก ดีแล้วครับ ถามดีมาก เรื่องนำข้าวของไม่ว่าเป็นอะไร จะเป็นของกินของใช้ ของขายก็ดี ผมทำน้ำมนต์ด้วยพระคาถาบทนี้ เมื่อนำข้าวของเข้าบ้าน ผมเอาใบพลู ๓ ใบ จุ่มน้ำมนต์พรมของนั้น ๓ หน พรม ๑ หน ว่าพระคาถาหนึ่งบท” การนำเงินเข้าเก็บและการนำออกใช้ “เมื่อนำเงินเข้าเก็บ และนำเงินออกใช้ ให้ว่าพระคาถานี้เท่ากับจำนวนที่สวดบูชาพระ เช่นปกติสวด ๗ จบเมื่อเงินเข้าเก็บก็ว่าพระคาถานี้ ๗ จบนะลูก”

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ศิษย์สายวัดสะพานสูง
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: