3618. อภินิหารยันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

ไพฑูรย์เล่าว่าการหลบหนีการจับกุมก่อให้เกิดประโยชน์ด้วยการที่ได้ไปนมัสการพระเกจิอาจารย์รูปต่างๆ หลายองค์ ซึ่งไพฑูรย์ได้บันทึกไว้ในสมองก่อนจะถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือจากปลายปากกา เมื่อไพฑูรย์หนีจากเชียงรากมาบ้านแพน ได้เผชิญอภินิหารเจ้าแม่ลานเท ดังที่ได้เคยเขียนถึงมาแล้ว ไพฑูรย์ได้เล่าถึงการได้เข้านมัสการหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.บางบาล จ.อยุธยา

เจ้าของโรงสีที่เป็นน้าของไพฑูรย์เป็นศิษย์หลวงพ่อปานวัดบางนมโค ที่ใช้พระคาถาปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ทำให้มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยเห็นหน้าเห็นหลังเช่นเดียวกับคุณประยงค์ ตั้งตรงจิต เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ วันหนึ่งน้าได้มาเอ่ยปากบอกกับไพฑูรย์ว่าจะไปนมัสการหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เพื่อจะนำข้าวสารไปถวายเข้าโรงครัวเพื่อเป็นทานแก่คนไข้ที่มารักษาตัวที่วัด

ไพฑูรย์เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงของท่านมาเป็นเวลานานจึงอยากจะเห็นองค์จริงของหลวงพ่อสักครั้ง จึงร่วมเดินทางจากบ้านแพนขึ้นไปสี่ห้าคุ้งน้ำ พอเข้าทางตรงไพฑูรย์เล่าว่า “มองไปข้างหน้าเห็นเรือนแพจอดกันเต็มไปหมดล้นออกมาเกือบครึ่งลำแม่น้ำเจ้าพระยา

น้าชายชี้มือไปข้างหน้าบอกว่าไม่ได้มีงานที่วัดแต่เป็นคนไข้ที่มาจากใกล้ไกลเพื่อมาขอบารมีหลวงพ่อปานในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและคุณไสยต่างๆ ส่วนหนึ่งนำข้าวสารอาหารแห้งมาบริจาคเข้าโรงทานเพื่อตอบแทนพระคุณที่หลวงพ่อได้รักษาโรคให้หายเป็นปกติ และเป็นทานสำหรับคนไข้ที่มาพึ่งพาหลวงพ่อต่อไป วันนี้เป็นวันสำคัญที่หลวงพ่อเป่ายันต์เกราะเพชรให้สานุศิษย์ด้วย อยากให้เปียได้เป่ายันต์เกราะเพชร”

เดินจากท่าน้ำขึ้นไปที่กุฏิหลวงพ่อปานมีผู้คนมานั่งนมัสการหลวงพ่อมากหน้าหลายตา พอหลวงพ่อเหลือบมาเห็นน้าชายของไพฑูรย์เข้าก็ร้องทักว่า “เถ้าแก่วันนี้เอาข้าวสารมาถวายโรงทานหรือ ญาติโยมทุกคน ผู้นี้เป็นเถ้าแก่โรงสี เขานำข้าวสารมาบริจาคเข้าโรงทานเดือนละ 10 กระสอบ อาตมาไม่รู้จะกล่าวว่าอย่างไรนอกจากจะบอกกับญาติโยมว่าท่านบารมีนี้สูงยิ่งนัก ญาติโยมทำทานเท่าใดก็จะมีเงินหมุนเวียนเข้ามาทนเท่าหรือมากกว่าที่ได้ทำทานไป ช้าเร็วก็จะได้เห็นผลแน่นอนที่สุด”

ไพฑูรย์เล่าว่าหลวงพ่อปานนั่งตัวตรง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสใบหน้าของหลวงพ่อสว่างสดใสเหมือนมีแสงประหลาดฉาบอยู่ ดวงตาของหลวงพ่อมีแววเมตตาเห็นได้ชัด ท่านสนทนากับญาติโยมเหมือนกับเป็นญาติจริงๆ นั่งฟังท่านพูดคุยแล้วรู้สึกเหมือนว่ากำลังคุยกับญาติผู้ใหญ่ที่มีเมตตาล้นพ้นเหลือประมาณท่านสอดแทรกธรรมะในคำสนทนาเป็นระยะๆ อาทิเช่น

“พระท่านว่ากตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นมงคลในชีวิตไม่ว่าจะเป็นบุพการีผู้ให้กำเนิดครูบาอุปัชฌาย์ ผู้ให้การอุปถัมภ์โบราณว่า ข้าวเม็ดเกลือก้อนที่เจือจานด้วยเมตตาถือว่ามีพระคุณล้นเหลือ เมื่อถึงโอกาสอันควรพึงตอบแทนพระคุณท่านวันนี้ก่อนจะมาที่นี่ญาติโยมได้กราบพระอรหันต์กันมาหรือยัง”

สิ้นคำถามเสียงผู้คนไถ่ถามกันจ้อกแจ้กว่าพระอรหันต์องค์ไหน แต่สำหรับไพฑูรย์นั้นรู้แล้วว่าคืออะไร หลวงพ่อปานจึงกล่าวต่อไปว่า

“ไม่ต้องทุ่มเถียงกันไปให้มากความ พระอรหันต์ที่อาตมาให้กราบคือบิดามารดาของญาติโยมนั่นแหละ มีชีวิตอยู่ก็กราบแทบเท้าท่าน ถ้าท่านล่วงลับแล้วก็กราบอัฐิท่าน ไม่มีอัฐิก็กราบรูปถ่ายท่าน เพราะพระอรหันต์สององค์นี้มีพระคุณต่อญาติโยมสูงที่สุดในชีวิต สูงกว่าอาตมาที่ญาติโยมมากราบเสียอีก พระท่านว่ามาตาปิตุอุปปัตถานังเอตัมมังคละมุตตมัง แปลว่าการบำรุงเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นมงคลแห่งชีวิต”

เมื่อกราบหลวงพ่อปานแล้ว ไพฑูรย์แยกกับผู้เป็นน้าเดินดูรอบวัด ก็พบว่ามีคนไข้นอนเรียงกันเป็นแถว มีโรงเรือนสำหรับต้มยาที่หลวงพ่อปานจัดให้คนไข้ได้ดื่มรักษาอาการโรคร้ายต่างๆ ถัดไปเป็นโรงทานที่ข้าวสวยหุงเรียงเม็ด มีกับข้าวใส่หม้อไว้พร้อมถ้วยชามให้ผู้คนที่ผ่านเข้ามาได้รับประทานโดยเปิดตั้งแต่ตีห้าไปจนปิดโรงทานประมาณห้าโมงเย็น มีชาวบ้านมาช่วยล้างจานชามโดยยกไปล้างที่ท่าน้ำ

ไพฑูรย์เดินไปที่ท่าน้ำพบว่าแม่ครัวขนเข่งใส่จานชามไปตั้งไว้ที่หัวสะพานท่าน้ำ แต่วันนี้มีแขกมากเพราะเป็นวันเป่ายันต์เกราะเพชร ทำให้ล้างไม่ทัน ขณะนั้นหลวงพ่อปานเดินลงมาที่ท่าน้ำท่านจึงบอกกับญาติโยมที่เป็นชายว่า

“ผู้ชายที่แข็งแรงช่วยสีกาเขาล้างชามหน่อย เอาเข่งที่ใส่จานชามไปเขย่าล้างในแม่น้ำเลยจะได้เร็วเข้าหน่อย”

เสียงใครคนหนึ่งเผลออุทานว่า

“ก็แตกหมดนะซี”

หลวงพ่อปานท่านยิ้มด้วยความเมตตา ก่อนจะกล่าวกับโยมผู้เผลออุทานด้วยน้ำเสียงอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาว่า

“ฉันบอกให้ทำก็ทำเถอะ แตกหรือไม่เดี๋ยวก็รู้”

ชายคนนั้นกับเพื่อนฉวยหูเข่งใส่จานชามคนละข้างจุ่มเข่ง
ลงไปในแม่น้ำแล้วยกสลับกับการเขย่า เสียงจานชามกระเบื้องดังกระแทกกันดังแก๊งแก๊ง ไพฑูรย์เล่าว่าคิดในใจว่าหมดกันแตกหมดแน่ แต่สรุปว่าจานชามกระเบื้องยังอยู่ดีเฉยและสะอาดด้วย พอยกเข่งขึ้นมาวางบนหัวสะพานท่าน้ำ การล้างจานชามแบบเขย่าก็รุนแรงขึ้นแต่ไม่มีจานชามแตกแม้แต่ใบเดียว

“พอลับหลังอาตมาไปแล้วอย่าทำเชียวนา เดี๋ยวสมบัติของวัดจะแตกหักเสียหายหมด”

ไพฑูรย์บอกว่าขนหัวลุกตั้งด้วยความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นกับตาว่าหลวงพ่อปานท่านมีวาจาสิทธิ์ พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น ท่านให้จุ่มเข่งใส่จานชามลงไปเขย่าในแม่น้ำอย่างรุนแรงบอกว่าไม่แตกก็ไม่แตกจริงเหมือนที่ทานพูดทุกอย่าง

บ่ายสามโมงตรงศาลาการเปรียญวัดบางนมโคก็คับคั่งไปด้วยผู้คนทั้งหญิงและชาย หลวงพ่อปานยืนอยู่หน้ากระดานดำที่หลวงพ่อเขียนยันต์เกราะเพชรเอาไว้ (ไพฑูรย์มารู้ตอนหลังว่าว่าเป็นยันต์ที่เกิดจากการโยงเส้นจากตัวอักขระบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณอิติปิโส-ภควาติ ดูคล้ายกับตาข่ายหรือเสื้อเกราะ) หลวงพ่อปานได้กล่าวว่า “ที่อาตมาพูดข้างหลังได้ยินหรือไม่ ถ้าได้ยินให้ยกมือ”

ไพฑูรย์จึงยกมือเป็นสัญญาณ หลวงพ่อจุดเทียนชัยขนาดใหญ่ขึ้นและจุดเทียนขนาดกลางขึ้นอีกเล่มหนึ่ง ท่านกล่าวเพิ่มเติมว่า

“ให้ญาติโยมทั้งหลายได้หลับตาทำสมาธิเพ่งมาข้างหน้า ขณะที่อาตมาจะภาวนาคาถาเพื่อเป่ายันต์เกราะเพชรไปให้อยู่บนกระหม่อมของญาติโยม ญาติโยมจะรู้สึกดังนี้ บางคนจะรู้สึกคันศีรษะคล้ายมีแมลงไต่ บางคนจะรู้สึกคล้ายมีอะไรเย็นๆ อุ่นๆ เกิดขึ้นที่กลางกระหม่อม บางคนอาจรู้สึกใจหวิว ร่างกายโอนเอนเหมือนเป็นลม ให้ภวนาว่าพุทโธ พุทโธ อาการจะหายไป พออาตมาให้ลืมตาได้เป็นอันเสร็จพิธี ”

ไพฑูรย์เล่าว่าพอหลับตาก็รูสึกเหมือนมีพลังบางอย่างวนรอบศีรษะ ได้ยินเสียงหลวงพ่อปานพูดลอยๆว่า

“อาตมาขอให้ครูบาอาจารย์ได้เปิดครอบออกให้ยันต์เกราะเพชรได้เข้าร่วมสถิตด้วยเถิด”

พลันพลังบางอย่างที่วนรอบศีรษะพลันหายไป เกิดเป็นอาการคันศีรษะเหมือนกับมีแมลงมาไต่วนไปวนมาเป็นทักษิณาวรรตแล้วพลันกลายเป็นพลังกดลงมากลางกระหม่อมอย่างรุนแรง จะลืมตาก็ไม่ได้จนต้องภาวนา พุทโธ พุทโธ จึงกลับเป็นปกติ เมื่อหลวงพ่อปานบอกเสร็จพิธี ไพฑูรย์จึงลุกขึ้นเดินออกจากศาลาการเปรียญ หลวงพ่อปานท่านยืนคอยอยู่ ไพฑูรย์คุกเข่าลงกราบแทบเท้าหลวงพ่อปาน หลวงพ่อให้ลุกขึ้น

“โยมมีครูบาอาจารย์คอยคุ้มครองตัวโยมอยู่ ไม่เปิดทางให้ยันต์เกราะเพชรของอาตมาลงร่วม หากจะให้ลงก็ลงได้แต่เป็นการหักหาญรานกันเป็นสิ่งที่ไม่ควร จึงได้ขอให้ได้เปิดให้ร่วมสถิตจึงสำเร็จ รักษาไว้ให้ดีเถิดให้ติดตัวไปจนตาย โยมพบอาตมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย วันหนึ่งโยมจะได้ยินข่าวมรณภาพของอาตมา”

หลวงพ่อปานกล่าวจบก็เดินไปที่กระดานดำเพื่อรอเป่ายันต์รอบสอง ไพฑูรย์เดินกลับไปร่วมทางกับน้ากลับโรงสีระหว่างที่กำลังหลบหนีก็ได้ยินข่าวมรณภาพของหลวงพ่อปานจากหนังสือพิมพ์แต่ไม่อาจมาร่วมงานได้ ไพฑูรย์จึงได้แต่จดจำอภินิหารของหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ไว้ในความทรงจำและนำมาเล่าสู่ให้บรรดาผู้เคารพนับถือในองค์หลวงพ่อปานได้เจริญศรัทธาในองค์หลวงพ่อปานตลอดไป

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอคุณรูปภาพสวยๆจาก : TNews
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: