1146. ย้อนรอยตำนาน หลวงพ่อตัด วัดชายนา

“พระพุทธวิริยากร ” หรือ หลวงพ่อตัด ชื่อที่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้คนทั่วประเทศ ต่างขนานนามให้ท่าน เป็นสุดยอดเกจิอาจารย์แห่งยุค โดยเฉพาะสุดยอดเครื่องราง อย่างปลัดและตะกรุดของสำนักวัดชายนา ประสบการณ์เป็นที่ยอมรับ จนชื่อเสียงของหลวงพ่อตัดขจรกระจายไปทั่วประเทศ ยอดเยี่ยมไม่แพ้สำนักใด แม้ว่าปัจจุบันท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่ชื่อเสียง เกียรติคุณ และประสบการณ์ในวัตถุมงคลที่หลวงพ่อได้ปลุกเสกไว้ ยังจารึกอยู่ในใจ ลูกศิษย์ลูกหา และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ

หลวงพ่อตัด ปวโร อดีตเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดชายนา จังหวัดเพชรบุรี นามเดิมของท่านชื่อ นายตัด นามสกุล คำใส เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ ที่ หมู่บ้านกระจิว หมู่ ๖ ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี บิดาของท่านชื่อ นายตอย คำใส มารดาท่านชื่อ นางเย็น คำใส หลวงพ่อตัดเป็นลูกคนโต มีพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดาทั้งหมด ๕ คน

ชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงพ่อตัด ท่านมีอุปนิสัยที่ขยันขันแข็ง และมีความเพียรตั้งแต่เด็กๆ ท่านได้ศึกษาที่โรงเรียนวัดเขากระจิว จนจบประถมศึกษาปีที่ ๔ หลังจบการศึกษาท่านก็ช่วยงานบิดา มารดา อยู่ที่บ้านเกิดนี้เอง จนกระทั่งอายุได้ ๒๐ ปี ท่านก็มีความประสงค์จะอุปสมบท ณ วัดเขากระจิว เพื่อสืบทอดพุทธศาสนาตามทำเนียมปฏิบัติ และอุทิศบุญกุศลให้ยายและมารดาของท่าน เมื่อเดือน พฤษภาคม ปี พ.ศ.๒๔๙๔ โดยมี

พระครูมหาสมณวงศ์ ( เล็ก ) วัดเขาวัง เป็นพระอุปัชฌาย์

พระสมุห์ ล้อม วัดเขาวัง เป็นกรรมวาจาจารย์

พระอธิการ ทอง วัดเขากระจิว เป็นอนุสาวนาจารย์

พระภิกษุตัด ได้รับฉายาทางพุทธศาสนาว่า ” ปวโร ” แปลว่า ผู้ประเสริฐ เมื่อบวชแล้ว ท่านได้จำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อทองที่วัดเขากระจิว หลวงพ่อตัดท่านเป็นพระที่ใฝ่ในการศึกษาหาความรู้ ตั้งใจเรียนทั้งปริยัติ และปฏิบัติ มีความขยันขันแข็ง ช่วยเหลืองานในวัดทุกอย่างด้วยความอุตสาหะ ทั้งงานทุบหินสร้างโบสถ์ใหม่ ทำถนนทางเดิน และทำงานทุกอย่างสุดแต่หลวงพ่อทองท่านจะมอบหมายให้ หลวงพ่อตัดท่านมีความอุตสาหะพากเพียร เรียนจนสอบนักธรรมเอกได้ ในปี ๒๕๐๓ หลวงพ่อตัดท่านเป็นพระที่มีตบะมาก ตั้งแต่ยังหนุ่ม

ญาติของผู้เขียนเองในสมัยยังเด็กนั้น ตอนที่หลวงพ่อยังอยู่ที่วัดเขากระจิว ได้เห็นหลวงพ่อตัดถือไม้กระบองมาคุมงานสร้างถนนเข้าวัดเขากระจิว เพียงแค่เห็นหลวงพ่อ ก็รู้สึกเกรงกลัวท่านมาก ต่อมาได้มีชาวบ้านจากหมู่บ้านในดง มาหาหลวงพ่อทองเพื่อมานิมนต์พระไปสร้างวัด หลวงพ่อทอง ก็เรียกประชุมพระลูกวัดรวมทั้งหลวงพ่อตัดด้วย เพื่อถามความสมัครใจ แต่ก็ไม่มีผู้ใดออกไปอยู่

เพราะเป็นถิ่นกันดาร ห่างไกลความเจริญสู้วัดเขากระจิวไม่ได้เพราะใกล้ อ.ท่ายาง เมื่อเป็นเช่นนั้น หลวงพ่อตัด ท่านก็เลยรับนิมนต์เอง เพื่อไปสร้างวัดและอยู่จำพรรษา ณ ที่ว่าง ซึ่งเดิมทีเป็นป่าช้าเก่าของหมู่บ้านในดง ได้รับการ บุกเบิก โดยหลวงพ่อตัด ปวโร พร้อมด้วยชาวบ้าน ต.บ้านในดง และญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ พื้นที่แปลงนี้อยู่ในความดูแลของอดีตกำนัน คำ ทองทา ถวายไว้เพื่อให้สร้างวัด เนื่องด้วยหมู่บ้านในดงยังเป็นที่ห่างไกลความเจริญ ยังไม่มีไฟฟ้าและประปาใช้ ถนนหนทางก็ไม่ดี เดินทางไปไหนก็ลำบาก

ตั้งแต่ท่านสร้างวัดและจำพรรษาอยู่นั้น แม้จะมีปัญหาและอุปสรรคมากมาย แต่ด้วยความเพียรอย่างอุตสาหะ และปฏิปทาอันดีงามของท่าน วัดชายนาจึงเจริญรุ่งเรือง สวยงาม เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สืบทอดพุทธศาสนาอย่างมั่นคงเข้มแข็ง อย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ก็เพราะบารมีของหลวงพ่อตัดโดยแท้

วัตรปฏิบัติ และปฏิปทาของหลวงพ่อตัด

หลวงพ่อตัดนั้นท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัย และมีเมตตาสูง ไม่ยึดติดกับลาภสักการะ ความเมตตาของหลวงพ่อตัดนั้นไม่เลือกที่รักมักที่ชังเด็กหรือผู้ใหญ่ คนรวยคนจน ท่านเมตตาเสมอภาคกันหมดสังเกตได้ตอนท่านมีชีวิตอยู่ เมื่อมีญาติ โยมนำของกินของใช้มาถวายท่าน

ท่านก็จะเดินแจกเณรและศิษย์วัดโดยเสมอภาคกันกับการไม่ยึดติดและสะสมนั้น หากท่านใดเคยเข้าไปในกุฎิของหลวงพ่อ ท่านก็จะเห็นที่นอนจำวัดของหลวงพ่อว่า

มีแค่เพียงจีวรหมอน และพื้นที่แค่เพียงซุกตัวนอนได้ท่ามกลางกระป๋อง และลังที่ใส่วัตถุมงคลที่พร้อมปลุกเสกเมื่อยามท่านตื่นจากจำวัดในยามดึกสงัด (หลวงพ่อชอบปลุกเสกตอนดึกๆ เงียบสงบ) กับการปฏิบัติอย่างสมถะเรียบง่ายของท่าน จึงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พระภิกษุสามเณรภายใต้การปกครองของท่าน

ว่าเมื่อมาบวชแล้วควรปฏิบัติตนให้สมกับสมณะเพศ ในกุฏิของท่านนั้นไม่มีเครื่อง อำนวยความสะดวกความสบาย เช่น แอร์ ทีวี เครื่องเสียง ส่วนตู้เย็นนั้นมามีเมื่อปี ๒๕๕๑ ที่มีได้ก็เพราะมีผู้มีจิตศรัทธานำมาถวาย สำหรับแช่เครื่องดื่ม เพื่อรับญาติโยมที่มากราบหลวงพ่อและและทำบุญภายในวัด

และสิ่งยืนยันอีกอย่าง คือ เมื่อครั้งเปิดห้องหลวงพ่อหลังจากงานศพท่านลุล่วงแล้ว เพื่อสำรวจทรัพย์สินของมีค่าของท่าน ปรากฏว่าภายในกุฎิของท่าน นอกจากวัตถุมงคลของทางวัดแล้ว ก็มีเพียงสมุดบัญชีธนาคารที่มีเงินฝากสะสม เพียง ๔๐,๐๐๐ บาท เท่านั้นที่เป็นของท่าน ซึ่งก็เป็นเงินเดือนประจำตำแหน่งเจ้าอาวาสของท่าน เท่านั้นเอง

ดังที่กล่าวมาแล้วว่า หลวงพ่อตัดนั้น ท่านเป็นผู้มีเมตตาสูง และไม่ยึดติดกับลาภสักการะ ปัจจัยที่ได้มาจากการทำบุญ กฐิน ผ้าป่า วัตถุมงคล หรือจากญาติโยมและ ผู้มีจิตศรัทธา ท่านจะนำไปสร้างถาวรวัตถุเสนาสนะภายในวัด เช่น สร้างโบสถ์ สร้างกุฎิสงฆ์ สร้างหอฉัน สร้างศาลาเอนกประสงค์ สร้างเมรุ สร้างโรงอาหาร และอื่นๆอีกมากมาย ภายในวัด ไม่เพียงแต่ในวัดชายนาของท่านเท่านั้น

ท่านยังบริจาคทรัพย์เพื่อสังคมและชุมชน อันมีโรงเรียน หมู่บ้าน วัดทั่วไป หรือแม้กระทั่งหน่วยงานของราชการ สถานพยาบาล ถ้ามีผู้มาร้องขอท่าน ถ้าท่านมีท่านไม่เคยขัดให้ได้ตามความเหมาะสม ดังเช่น บูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถ วัดเขากระจิว บริจาคปัจจัยสร้างโบสถ์และกุฎิสงฆ์ วัดหนองหงส์พัฒนา อ.ชะ อำ ร่วมสร้างก่อตั้งมูลนิธิคณะสงฆ์ธรรมยุติเพชรบุรี ณ วัดสนามพราหมณ์ และยังมีอีกหลายวัดที่ท่านร่วมสร้างบริจาคปัจจัยเพื่อการ นั้นๆ จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี ผู้เขียนเคยได้ยินหลวงพ่อท่านพูดว่า
” เงินทำให้คนต้องเสียคนพระเสียพระ เมื่อมีเงินจึงต้องใช้ให้หมด ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ”

ด้วยคุณงานความดีที่หลวงพ่อเพียรทำมาตลอดชีวิตของท่าน และวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดในพระธรรมวินัย อีกทั้งผลงานด้านพัฒนาและการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา อันมีคุณต่อสาธารณประโยชน์ต่อส่วนรวมมากมายที่ท่านได้มอบไว้ให้ ด้วยความดีดัง กล่าวจึงทำให้ท่านเจริญด้วยสมณศักดิ์ ดังนี้ – พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดชายนา อย่างเป็นทางการโดย เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติ – ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูบวรกิจโกศล – พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้รับการแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์ โดยเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติ – เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์พัดยศในพระราชทินนามเดิม – และวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์พัดยศเทียบเท่าเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอาราม หลวงชั้นพิเศษ – วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ในพระราชินนามว่า “พระพุทธวิริยากร” อันเป็นสมณศักดิ์ครั้งสุดท้าย ของท่าน…

การศึกษาพุทธาคม

หลวงพ่อตัด ท่านสนใจใคร่รู้ในเรื่องวิชาอาคม เครื่องราง ของขลังต่างๆ เมื่อท่านบวชแล้ว ท่านก็เพียรพยายาม ไปเล่าเรียนวิชาต่างๆ ใครว่าที่ไหนมีวิชาดี อาจารย์ที่ไหนดัง ท่านดั้นด้นไปขอเรียนมาจนหมด ดังรายนามอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาของหลวงพ่อ ตามที่มีการสอบถามและบันทึกไว้ได้มีดังนี้

– หลวงพ่อทอง วัดเขากระจิว อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

หลวงพ่อทองท่านก็สืบทอดวิชามาจากหลวงพ่อกริช เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดเขากระจิว หากกล่าวถึงหลวงพ่อกริชนั้น ท่านก็ได้สืบทอดวิชามาจาก หลวงพ่อกุน วัดพระนอน จ.เพชรบุรี เจ้าของตำนานตะกรุดไมยราพสะกดทัพอันโด่งดังอันดับต้นๆของเมืองไทย นอกจากวิชาทำตะกรุดของวัดเขากระจิว หลวงพ่อตัดท่านยังได้ศึกษาวิปัสสนา กัมมัฏฐานกับหลวงพ่อทอง ซึ่งหลวงพ่อทองท่านมีความสนิมสนมกับท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส ในฐานะเคารพเป็นครูบาอาจารย์ อีกทั้งตำราเก่าๆที่รวบรวมสรรพวิชาต่างๆมากมาย ที่ตกทอดสืบมาจากหลวงพ่อกริช หลวงพ่อก็ได้ศึกษาจนแตกฉานหมดสิ้น

– หลวงพ่อชุ่ม วัดกุฏิ บางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี

พระอาจารย์องค์สำคัญอีกองค์หนึ่ง หลวงพ่อท่านมีความศรัทธาหลวงพ่อชุ่มมาก หลังจากที่ได้เห็นปาฏิหาริย์กับตาท่านเอง เมื่อครั้งที่หลวงพ่อชุ่มท่านได้มาพุทธาภิเษก วัตถุมงคลที่วัดเขากระจิว เมื่อปี ๒๔๙๖ หลวงพ่อตัดจึงตามไปขอเรียนวิชาทำปลัดขิกจากหลวงพ่อชุ่มจนสำเร็จ

– พระเทพวงศาจารย์หลวงพ่ออินทร์ วัดยาง

หลวงพ่ออินทร์ ช่วงวัยเด็กท่านศึกษาวิชาอยู่กับหลวงพ่อกุน วัดพระนอน และเคยจำพรรษาเพื่อเล่าเรียนวิชากับหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม หลวงพ่อตัดท่านได้ไปกราบท่านเจ้าคุณอินทร์เพื่อปรึกษาเรื่องการสร้างวัด และขอเรียนวิชาทำตะกรุดไร้โรคา วิชาโภคทรัพย์และเคล็ดวิชาอีกบางประการ

– หลวงพ่อเทพ วัดถ้ำรงค์

หลวงพ่อเทพท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่คนในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีนับถือมาก โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีน ท่านเชี่ยวชาญเรื่องการดูฤกษ์ยาม การเจิมรถ วิชาเกี่ยวกับการค้าขายเรียกคนเรียกทรัพย์ หลวงพ่อตัดท่านได้ไปเรียนวิชา นะเมตตา วิชาประสบเนตรและเกร็ดวิชาอื่นๆเกี่ยวกับเมตตามหานิยม

– หลวงพ่อบุศย์ วัดพรหมวิหาร

ท่านเป็นเกจิยุคเก่าที่เชี่ยวชาญเรื่องการปลุกเสกปลัดขิกมาก เวลาท่านทำปลัดเสร็จ ท่านจะให้ลูกศิษย์ยกไปเทใส่กองไฟ ตัวไหนไม่ไหม้ไฟจึงจะใช้ได้ หลวงพ่อตัดท่านได้ไปเรียนวิชาทำปลัดขิกเพิ่มเติมจากศิษย์หลวงพ่อบุศย์ ที่เป็นฆารวาสที่สืบทอดวิชา รวมทั้งตำราเก่าต่างๆ

– หลวงพ่อเทียบ วัดมาบปลาเค้า

ท่านเป็นศิษย์อธิการชัน เกจิยุคเก่าอีกองค์ที่ไม่ธรรมดา สายวิชาหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว หลวงพ่อตัดได้เรียนวิชาตะกรุดทองคำและเคล็ดวิชาอื่นๆ

ในที่นี้ผู้เขียนขอเล่าถึงหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อทองศุขท่านถือได้ว่าเป็นเกจิอาจารย์ใหญ่แห่งยุคในจังหวัด เพชรบุรี ผู้เขียนได้เรียนถามกับหลวงพ่อตัดท่านโดยตรงว่าท่านได้ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อ ทองศุขหรือไม่ หลวงพ่อตัดท่านเล่าว่าท่านไม่ได้ศึกษากับหลวงพ่อทองศุขโดยตรง เพียงแต่ได้ไปกราบนมัสการ และสอบถามเคล็ดวิชาบางประการเท่านั้น ซึ่งหลวงพ่อทองศุขก็เมตตาบอกเคล็ดวิชาบางประการให้ พร้อมพูดกับหลวงพ่อตัดด้วยประโยค ซึ่งหลวงพ่อท่านจำได้ดี

หลวงพ่อทองศุข ท่านพูดว่า ” ถ้ามึงทำได้จริงเมื่อไหร่ มึงจะเดือดร้อน ” ซึ่งในภายหลังก็ตรงกับกับพูดของหลวงพ่อทองศุขจริงๆ เพราะช่วงหลังในบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อตัด ท่านก็มีลูกศิษย์มากราบนมัสการมากมายตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันดึกดื่น แทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย

– โยมพุฒ บ้านบางเก่า อ.ชะอำ

หลวงพ่อได้เรียนวิชามนต์จินดามณี หรือมนต์พระสังข์เรียกเนื้อเรียกปลา และวิชาการทำพระขรรค์ ได้รับ การถ่ายทอดจากโยมพุฒ เป็นอาจารย์ฆราวาส บ้านอยู่เขต อ.ชะอำ วิชามนต์จินดามณีวิชานี้เด่นทางเรียกคน เรียกทรัพย์ วิชานี้เป็นวิชาอาถรรพ์ สืบทอดกันได้แค่คนต่อคนเท่านั้น คือเมื่อเจ้าของเดิมเลือกที่จะถ่ายทอดให้ใครไปแล้ว ก็ต้องเสียชีวิตลงภายในเวลาไม่นานนัก และโยมพุฒ ก็เสียชีวิตลงภายใน ๓ วัน หลังจากมอบให้กับหลวงพ่อตัด

– อาจารย์พงษ์ บ้านหนองจอก

เป็นอาจารย์ฆราวาสที่มีชื่อเสียงทางด้านการสักยันต์ บ้านอยู่ที่ ต.หนองจอก วิชานางโลมของอ.พงษ์นี้เป็นสรรพวิชาที่รวมเอาทั้งคงกระพัน มหาอำนาจ แคล้วคลาด และเมตตาอยู่ในหนึ่งเดียว ซึ่งอาจารย์พงษ์ หวงวิชานี้มาก แต่ถ่ายทอดให้กับหลวงพ่อตัดมา อาจารย์พงษ์ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง และลูกศิษย์หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ก่อนที่อาจารย์พงษ์จะเสีย ท่านได้ให้คนไปตามหลวงพ่อเพื่อจะถ่ายทอดวิชาฝังเข็มทอง แต่หลวงพ่อท่านไม่ขอไปเรียน ตำราฝังเข็มทองในเพชรบุรีจึงขาดการถ่ายทอดไป

– โยมมอญ

เรียนวิชานะมหาอ่อนใจ ซึ่งโยมมอญท่านหวงมาก หลวงพ่อตัดใช้ความพยายามเรียนอยู่ถึง ๓ ปี จึงจะสำเร็จ โยมมอญเป็นอาจารย์ฆราวาสและท่านเป็นอาจารย์หญิงท่านเดียว ที่หลวงพ่อตัดไปขอเรียนวิชาด้วย ซึ่งวิชานี้หลวงพ่อตัด ท่านใช้สร้างและปลุกเสกสีผึ้งเมตตาค้าขายของท่าน

– อาจารย์หวั่น บ้านปราณบุรี

หลวงพ่อท่านไปเรียนวิชาขุนแผนชมตลาด ทั้งบทย่อและบทเต็ม วิชานี้เด่นทางมหาเสน่ห์กับเพศตรงข้าม มหานิยม เมตตาค้าขาย และหลวงพ่อตัดท่านได้ใช้วิชานี้ มาสร้างและปลุกเสกพระขุนแผนของท่านด้วย

– หมอพรหม บ้านเขากระจิว

ท่านเป็นอาจารย์ฆราวาสที่มีเชื้อสายลาวโซ่ง ซึ่งมีวิถีชีวิต วัฒนธรรมเกี่ยวกับภูตผี หลวงพ่อท่านได้เรียนวิชา กันคูณไสย ลมเพลมพัด วิชาขับไล่ผี

อันวิชาที่ท่านเรียนมานี้ ยังมีอีกมากที่เราไม่ทราบว่าท่านเรียนมา จากที่ใด อาจารย์องค์ไหน และรวมไปถึงการไปขอต่อวิชาเพิ่มเติมกับอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกแต่คิดว่ามีแน่ เพราะหลวงพ่อท่านชอบศึกษาเรียนรู้ในทางนี้มาก ตำรับตำราเก่าๆสายเพชรบุรีทั้งหลวงพ่อกุน วัดพระนอน หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวงและอื่นๆท่านก็ศึกษามาหมด แต่ท่านไม่ชอบพูดคุยหรือโอ้อวดให้ใครฟัง ทำให้เรารู้แต่เพียงคร่าวๆ เท่านี้ครับผม

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : palungjit โพสโดยคุณ น้ำหนาว
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : ท่าพระจันทร์
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: