1113. ยอนรอยตำนานเกจิดังเมืองชุมพร “หลวงพ่อจอน” ที่เสด็จเตี่ยไปชุมพรทุกครั้งต้องเสด็จเยี่ยม

หลวงปู่จอน พระอาจารย์เสด็จกรมหลวงชุมพร

ในจังหวัดชุมพรมีหมู่บ้านพวกลาวโซ่งกลุ่มหนึ่ง อยู่นอกเมืองแถวกลางนาแถบ วัดดอนรวบ มีชื่อเสียงลือลั่นนักว่าในหมู่บ้านนี้ดุร้ายมาก คนถิ่นอื่นพลัดเข้าไปจะต้องโดนยาสั่งถึงตาย ทำให้คนในตลาดไม่กล้ามาเที่ยว แต่เสด็จฯทรงมาด้วยพระองค์เอง

หนุ่มๆในตัวเมืองชุมพรชวนมาเที่ยวในหมู่บ้านอันสงบนี้เพื่อหาจีบสาวเพราะสาวๆลาวโซ่งนั้นสวยน่ารัก เป็นที่หมายปองของหนุ่มทั้งหลาย ที่มีทั้งรักจริง และรักเล่นๆ ด้วยเหตุนี้ พวกหนุ่มๆชุมพร จึงถูกยาสั่งกลับบ้านตายและล้มเจ็บกันเกือบทุกคน

เมื่อเสด็จฯขึ้นจากเรือกลไฟ เจนทะเล มาสู่หาดทรายรี แล้วพระองค์ก็รับสั่งบรรดามหาดเล็กที่ติดตามทั้งหลายว่า “ข้าอยากไปเที่ยวหมู่บ้านพวกลาวโซ่ง” รับสั่งนี้ทำให้พวกมหาดเล็กผวาไปตามๆกัน เพราะเรื่องราวของพวกลาวโซ่งในชุมพรนั้นน่าหวาดหวั่นอย่างมาก แต่ไม่มีใครกล้าขัดขวางในเมื่อมีพระทัยจะเสด็จก็ต้องยอมกัน

คุณลุงลัพย์ พุ่มแก้ว หรือ ลุงลุย เจ้าของร้านอาหารลุย ปากน้ำชุมพร ที่คนชุมพรรู้จักชื่อเสียงดี ก็เลยขอเล่าเรื่องของลุงลุย สักนิดเพื่อเป็นแนวทางต่อไป

ลุงลุยอายุประมาณ 60-70 ปี ร่างกายยังแข็งแรง เป็นตังเกที่ทรหดมาก เคยลุยในน่านน้ำแถบชุมพรมาจนหลับตาบอกได้ว่าตรงไหนเป็นอย่างไร เกาะแก่งต่างๆอยู่ในสมองหมด นอกจากร้านอาหาร ลุงลุยยังดำเนินการทำรีสอร์ทแบบง่ายๆไม่ใหญ่โตอะไร ที่เกาะพัตราอันสวยงามอีกด้วย ก่อนหน้าที่จะมีถนนทอดไปหาดทรายรี ลุงลุย เป็นผู้มีส่วนให้มีถนนขึ้นด้วย การจัดหาคนงานมาระเบิดหิน ทำถนนเลียบชายฝั่งมาครึ่งทางก่อนจะถึงหาดทรายรี อันเป็นบ้านของลุงลุย นอกจากในเมืองชุมพรเลยไปถึงระนอง ลุยมาเกือบทั่วเหมือนกัน รู้เรื่องราวของท้องถิ่น ธรรมชาติ และทั่วไปอย่างดี

ลุง ของลุงลุย ชื่อตาแดง เคยรับใช้ติดตามเสด็จฯ เป็นที่โปรดปรานประทานพระรูปถ่ายให้เป็นที่ระลึก และยังเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีทุกวันนี้ ลุงลุยทบทวนความหลัง สมัยเป็นเด็ก จากคำบอกเล่าของตาแดง ที่ถ่ายทอดให้ฟังมาพอประติดประต่อ เรื่องราวของหมู่บ้านลาวโซ่ง และ เกจิอาจารย์ชื่อดังของหมู่บ้านแห่งนั้น คือ หลวงพ่อจอน วัดดอนรวบ ชุมพร

กลางดงลาวโซ่ง
เหตุผลอีกประการหนึ่งที่บรรดาพวกหนุ่มๆ ทั้งหลายในตัวเมืองชุมพร เข้าไปเที่ยวหมู่บ้านลาวโซ่งก็เพราะว่า ผู้หญิงในหมู่บ้านนี้ไม่ว่าแก่หรือสาว ไม่นิยมใส่เสื้อ เปลือยอกอยู่กลางนาในบ้าน ก็เลยทำให้พวกหนุ่มๆ คึกคัก ไม่กลัวตายเดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนี้ และกลับมาด้วยยาสั่งจากลาวโซ่ง

ตาแดง (ลุงของลุงลุย) ขึ้นม้าติดตามเสด็จออกมาแต่เช้าตรู่ ลัดเลาะผ่านเขา ผ่านทุ่งนา บ่ายหน้าเข้าดอนรวบ กับบรรดามหาดเล็กที่ติดตามมาด้วยใจคอไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะกิตติศัพท์เรื่องยาสั่งของลาวโซ่งดังมาก จนเข็ดขยาดไม่กล้าเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้

เมื่อชักม้าเข้าในเขตหมู่บ้านที่มีป่าไผ่ล้อมรอบ พ้นจากป่าโผล่เข้าเขตบ้าน ทันใดพระองค์ก็ทรงชงักม้านิ่ง เบื้องหน้ามีคนยืนเรียงราย แต่งกายเรียบร้อย สองฝั่งทางเหมือนรอรับ การมาของใครคนหนึ่ง
พระองค์เสด็จมาที่นี่ไม่มีใครรู้ นอกจากมหาดเล็กที่ติดตามมาด้านหลังเท่านั้น หรือเขาจะมารับใครกัน

พอขบวนผ่านเข้ามา หัวหน้าลาวโซ่ง ก็ก้าวออกมาพร้อมกับก้มลงกราบพร้อมลูกบ้าน พระองค์ชงักม้ามองดูคนเหล่านั้น เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเงยหน้าขึ้นก็รับสั่งถามว่า

“ใครสั่งให้มารับ”
“หลวงพ่อ”

เท่าที่รู้ในหมู่บ้านนี้ มีวัด แต่ไม่รู้เจ้าอาวาส เป็นใครมาจากไหน รับสั่งถามต่อไปว่า

“หลวงพ่อท่านสั่งอย่างไร”
“ท่านสั่งให้มาคอยรับเสด็จฯ”

เสด็จทรงสรวลเบาๆ หันมาทางตาแดง ที่ยืนม้าอยู่ด้านหลัง

“เขาเก่งโว้ย แดง”

หัวหน้าหมู่บ้านจูงเชือกม้านำไปที่วัดทันที พวกชาวบ้านก็หลีกทางให้ขบวนม้า แล้วตามหลังมาเงียบๆ มุ่งหน้าไปวัดดอนรวบในหมู่บ้าน ผ่านพ้นมาอึดใจใหญ่ๆ ก็มองเห็นที่ราบโล่ง ลานวัดมีกุฏิสองหลังกับศาลาใหญ่อยู่หลังหนึ่งตรงกลาง มองเข้าไปเห็นมีคนเดินกันขวักไขว่ อยู่ทางด้านหลังของกุฏิพระ

หยุดม้าประทับ พนมมือสักครู่ ก็ชักม้าเดินตามไปช้าๆ มุ่งหน้าตามที่หัวหน้าหมู่บ้านจูงม้าไป รับสั่งมาทางด้าน ตาแดงที่ติดตามอยู่ด้านหลัง

“แดงโว้ย ข้าต้องกราบพระองค์นี้เสียแล้ว ท่านเก่งว่ะ”

ตาแดงไม่เข้าใจว่าพระองค์ รับสั่งถึงเรื่องอะไร ต่อมาจึงทราบว่า พระองค์ทรงลองของกับหลวงพ่อเสียแล้ว ก็ตอนที่หยุดม้าพนมมือก็นึกว่า เป็นการไหว้พระทั่วไปที่ไหนได้พระองค์ปล่อยของออกไปลองกับพระเข้าแล้ว

ก้าวขึ้นกุฏิ ชาวบ้านพากันนั่งเฝ้าอยู่รายทางก่อนจะถึงกุฏิ จึงรู้ว่า ชาวบ้านกำลังมาช่วยกัน หุงหาอาหารเลี้ยงนั่นเอง ตาแดงเองยอมรับว่าการเสด็จมาครั้งนี้ไม่มีใครรู้ แต่หลวงพ่อท่านรู้ และเตรียมรับเสด็จเสียด้วย เสื่อใหม่เอี่ยมปูอยู่ตรงหน้า พระภิกษุผิวดำรูปหนึ่งนั่งอยู่บนอาสนะแบบง่ายๆ ใบหน้ายิ้มละมัย ตรงหน้าของหลวงพ่อมีใบไม้สองสามใบวางอยู่ตรงหน้า เมื่อประทับเรียบร้อยก้มลงกราบ หลวงพ่อที่ยิ้มอย่างเมตตาไม่พูดไม่จาอะไรกัน เสด็จก็ทรงยิ้มพระสรวล หลวงพ่อก็ยิ้มต่างฝ่ายต่างยิ้ม

เสด็จฯรับสั่งภายหลังว่าที่ยิ้มเพราะรู้ฝีมือกันอยู่ ใบไม้ที่กองอยู่ตรงหน้านั้นเสด็จฯเสกให้เป็นต่อแตนมารบกวนหลวงพ่อ ท่านก็เลยสลายมนต์ลงกลายเป็นใบไม้เหมือนเดิม จึงรู้ทันกันไม่พูดไม่จาพระองค์เก่งมาก อาตมาเกือบสู้ไม่ได้ทีเดียว พระองค์คงจะหยอกล้อถ้าเอาจริงๆอาตมาคงแย่ พูดยิ้มๆ พระองค์ก็ยิ้มให้แก่กัน

“พระคุณเจ้ามาจากไหน”
“อาตมาเป็นคนเมืองไชยา ธุดงค์มาถึงที่นี่ก็ถูกนิมนต์เอาไว้จนเป็นเจ้าอาวาส รู้ว่าจะเสด็จมาเมื่อคืนเลยจัดการถวายต้อนรับไม่พร้อมเพรียง”

หลวงพ่อท่านรู้ระหว่างที่นั่งทำสมาธิอยู่ แต่กระนั้นก็ยังมีเวลาจัดข้าวของมาต้อนรับได้ นั่นแสดงว่า ชาวบ้านแถบนี้มีศรัทธาท่านมาก สั่งอะไรก็ยินดีทำในทันที

พวกผู้หญิงทั้งหลายอยู่ในครัว มหาดเล็กที่ติดตามมาด้วยก็พลอยสนุกด้วยการเข้าครัวช่วยพวกผู้หญิง บนกุฏิมีเสด็จฯ ตาแดง และมหาดเล็กอีก สองคนกับหลวงพ่อ

จากคำบอกเล่าของลุงลุย เรื่องหลวงพ่อองค์นี้ทำให้ผมต้องเดินทางไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหลวงพ่อที่วัดดอนรวบด้วยตนเอง พรรคพวกในตลาดชุมพรอันมีคุณเสือ-คุณธนู (ไทยรัฐ) ได้ฟังว่าผมจะไปดอนรวบ ก็เล่าเสริมว่า อย่าไปทำอะไรสาวๆเขานะระวังยาสั่ง แสดงว่าจนบัดนี้คนในตลาดชุมพรเอง ยังหวั่นๆเรื่องยาสั่งของชาวดอนรวบ หรือลาวโซ่งพวกนี้อยู่ ผมเดินทางเข้าหมู่บ้านด้วยมอเตอร์ไซรับจ้างที่โชคดีเป็นคนบ้านดอนรวบ จึงพาลัดเลาะออกทางหลังตลาด ผ่านทุ่งนาประมาณ 20 กว่านาทีก็มาถึงวัดดอนรวบ

น่าเสียดายที่ประวัติของหลวงพ่อจอนนั้น สมภารองค์ปัจจุบัน(พระครูวิธานนิติธรรม)ท่านบอกว่ามีแต่ไม่รู้เอาประวัติไปเก็บที่ไหน หาไม่เจอ กองหนังสือเต็มห้องก็จนปัญญาจะหาเจอได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงพอสรุปได้จากท่านพระครูเท่าที่พอจะจำได้

หลวงพ่อเป็นคนสุราษฎร์ธานี เมืองไชยา โน้น ท่านธุดงค์มาปักกลดที่ดอนรวบ ชาวบ้านเห็นว่าท่านเป็นพระที่มีการปฏิบัติธรรม ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาจึงนิมนต์ให้มาสร้างวัดดอนรวบ เมื่อหลวงพ่อมาอยู่ก็มีชาวบ้าน ชื่อนายหอม ย้อยพลรบ ช่วยบริจาคที่ดิน นำชาวบ้านมาช่วยกันสร้างกุฏิ ศาลาซึ่งในการจัดสร้างครั้งแรก เป็นสำนักสงฆ์ และต่อมามีความเจริญขึ้นเป็นลำดับ ระหว่างที่หลวงพ่อมาอยู่ใหม่ๆนั้น เจอพวกลาวโซ่งอยากลองดี ปล่อยของคุณไสยมาให้ท่าน ท่านก็สามารถรับไว้ได้ แต่ไม่ตอบโต้ จนทำให้พวกลาวโซ่งที่แก่วิชายอมรับนับถือ วัดดอนรวบก็เป็นรูปเป็นร่างเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นพระรูปเดียวที่มาจากต่างถิ่นอยู่ดอนรวบได้ ส่วนมากเป็นคนในพื้นที่บวชเท่านั้นเอง

หลวงพ่อจอนขมังเวทย์ด้านการสักหมึก สักน้ำมัน เชื่อกันว่าเสด็จฯ สักจากหลวงพ่อจอนนี่เอง เพราะในประวัติของพระคณาจาย์หลายรูปที่เสด็จไปศึกษาไสยเวทย์ไม่มีพระคณาจารย์รูปใดชำนาญด้านสัก เช่น หลวงปู่สุข มะขามเฒ่า หลวงพ่อเงิน บางคลาน หลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ นอกจากหลวงพ่อจอนวัดดอนรวบ และจะเสด็จมาชุมพรบ่อยๆด้วย

รอยสักสำคัญของหลวงพ่อจอน คือรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวยอดมีอุณาโลมและอักขระอื่นๆ ผมโชคดีที่ได้ก๊อปปี้รูปหลวงพ่อจอนเอาไว้ จากรูปเก่ามีใบเดียวใส่กรอบมัวๆต้องเอาออกมาเช็ดเสียก่อนถ่ายจึงพอได้รูปชัดเจนอยู่บ้าง

หลวงพ่อจอนกับเสด็จฯ เลยมีความสนิทสนม ผูกพันกันมากมาหาดทรายรีครั้งใดจะต้องเสด็จมาหมู่บ้านลาวโซ่ง หรือบางทีก็ให้มหาดเล็กมารับหลวงพ่อไปที่หาดทรายรี บนเรือเจนทะเลหลวงพ่อก็เคยขึ้นไปร่วมสนทนากับเสด็จฯในเรือพระเทียบมาแล้ว มหาดเล็กคนหนึ่งเกิดรักใคร่ชอบพอกับสาวลาวโซ่ง พระองค์ก็ทำหน้าที่สู่ขอให้อยู่ร่วมกันตามประเพณีได้ เสด็จฯทรงซื้อที่ดินปากน้ำเอาไว้แปลงหนึ่ง ต่อมากลายเป็นห้องเย็นเก็บปลา โดยเจ้าของห้องเย็นซื้อจากทายาทของพระองค์อีกต่อหนึ่งที่ดินในเมืองชุมพรจึงไม่มีเหลือแล้ว
ที่วัดหลวงพ่อจอนยังมีพระรูป และร่องรอยการเดินทางของเสด็จฯโดยเฉพาะคำบอกเล่าจากคนเก่าคนแก่ของที่นี่พอสรุปได้ว่า เคยเสด็จมาที่นี่จริงและสนิทกับหลวงพ่อจอนอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : loungpujorn.blogspot.com
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : TNews
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: