555. อภินิหารมีดหมอเทพศาสตรา หลวงพ่อกวย

…”ความเดิมจากตอนที่แล้ว”…”…
ครั้งหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้านั้นบวชได้ประมาณ 1 ปี ทางวัดของที่จำพรรษาของข้าพเจ้านั้น ได้รับกิจนิมนตืให้ไปสวด”พุทธมนต์”ในงานพุทธาภิเษก ที่วัดแห่งหนึ่งในต่างอำเภอ ข้าพเจ้าก็เป็นผู้ที่ได้รับในกิจนิมนต์ให้ไปในงานนี้ด้วยเหมือนกัน ความจริงกิจนิมนต์งานนี้ ทางวัดก้ได้นิมนต์พระเถระมากอยู่ ก็ประมาณ 99 รูปเห็นจะได้

ตอนนั้น “จตุคามรามเทพ”กำลังดังมากๆ เป็นยุคทองของเทพองค์นี้เลย ความจริงข้าพเจ้าก็มิได้ใคร่ ที่อยากจะไปสักเท่าใดนักแต่ท่านเจ้าอาวาสท่านกำหนดให้ไป และอีกอย่างวัดนี้ ก็เป็นวัดพี่วัดน้องกันอยู่ กับวัดของข้าพเจ้า (อุปถัมกันอยู่)ก็เลยต้องไปตามหมายกำหนดของทาง ท่านเจ้าอาวาส สักพักหนึ่ง ท่านเจ้าอาวาสท่านก็ได้หยิบใบเปอร์ชัวมาให้อ่าน(โฆษนาของทางวัด)ข้าพเจ้าอ่านดูเห็นเขาโปรโมทว่า จะมีเกจิอาจารย์ดัง ท่านหนึ่งนั้นมานั่งปรก

นัยว่า ท่านนั้นปลุกเศกจนสามารถ ทำให้”จตุคามรามเทพ”บินกระเดนออกมาจากบาตรได้ด้วย ประวัติเดิมๆท่านนั้นเป็นเสือเก่าดัง อยู่แถวแทบ อ่างทอง สุพรรณ สิงห์บุรี ชัยนาท เมืองกาญฯ ประมาณนั้น เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านใบเปอร์ชัวนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ใคร่อยากจะรู้และที่อยากจะพบเจอคนจริงอย่างนี้ สักครั้ง ว่าที่เขาว่ากันมันจะจริงแท้ประการเช่นใด ข้าพเจ้าจึงได้เดินทางไปกับรถของทางวัด ระยะทางก็ประมาณ 30 ก.ก. …

…”บอกกล่าวหลวงพ่อว่าจะไปงานพุทธาฯ”…

ก่อนที่ข้าพเจ้าจะไปนั้น ข้าพเจ้าก็ได้เข้าไปจุดธูป บอกกล่าวแก่หลวงพ่อว่า “หลวงพ่อครับ วันนี้ลูกจะไปงานพุทธาภิเษก” ลูกขอบารมีหลวงพ่อ ให้ช่วยปกปักรักษาขณะเดินทาง ให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย ด้วยนะขอรับ แล้วยกมืออธิฐาน สาธุ (ว่าไปเรื่อย)

และเมื่อถึงเวลาเดินทาง กระนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ลืมที่จะหยิบ มีดหมออาคมของหลวงพ่อ ที่ใช้ประจำกายอยู่เป็นประจำในเวลาเดินทางไกล แต่การที่ข้าพเจ้าไปนั้น ข้าพเจ้ากลับไม่รู้สึกตื่นเต้นประการใดเลย ที่จะได้พบเจอ พระเกจิอาจารย์ดัง ก็รู้สึกเฉยๆมากกว่า ก็อาจจะเป็นเพราะเหตุที่ว่า ไม่มีเกจิอาจารย์องค์ใดเลยที่ข้าพเจ้าจะอยากเจอ เทียบเท่ากับ “หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร”พระอริยสงฆ์ผู้เป็นดั่ง “บิดา” ของพวกเราทุกคน และถ้าจะเป็น”ของดี”ก็ต้องเป็นของหลวงพ่อเท่านั้น ของครูบาร์อาจารย์ท่านอื่น ก็แล้วแต่ใครจะนับถือ ตรงนี้ก็ไม่ได้ไปลบหลู่เขา นานาจิตตัง…

พอไปถึงงาน ทางวัดก็ได้จัดอาหารหวานคาวมาให้ฉัน ครั้นเวลาประมาณ บ่ายโมงเศษๆ พระที่มาในงานจึงได้เริ่ง เจริญพุทะมนต์และแล้วจู่ๆ ฝูงชนก็ต่างพากันโกลหล แตกตื่น วุ่นวาย ก็ด้วยความที่ว่า “หลวงพ่อเกจิดัง”องค์นั้น ท่านได้เดินทางมาถึง ปะรำพิธี ข้าพเจ้าก็เห็นท่านมาแต่ไกลๆ คนงี้ ล้อมหน้าล้อมหลัง โอ้ย มองดูแล้ว สับสนมาก

สักพัก ก็ได้ยินเสียงท่านโฆษก ท่านพูดออกไมค์ประกาศว่าให้สาธุชนเปิดทางให้กับ”หลวงพ่อเกจิดัง” ด้วย เพราะไกล้จะได้ ฤกษ์งาม ยามดี แล้ว ความว่ากว่าจะได้ประกอบพิธี ก็ใช้เวลาปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆ แต่ที่เด็ด ในสายตาของข้าพเจ้านั้นนะ ไม่ใช่การมาของ”หลวงพ่อเกจิดัง”องค์นั้นหรอก

แต่เป็นแม่ชีองค์หนึ่ง ที่แต่งตัวดูเคร่งมากเห็นมากับลูกศิษย์อยู่หลายองค์ พอแกมาถึง แกก็ยกมือไหว้”หลวงพ่อเกจิดัง”องค์นั้น แล้วก็พูดกัน”โอ้!!! พระคุณเจ้า!!!!ข้าพเจ้านึกแปลกใจ ปนอารมณ์ อืมนะ!!!(ข้าพเจ้าบอกไม่ถูกเหมือนกัน) จะว่าแกเป็นหน้าม้าก็หรืออย่างไรไม่ทราบ ตรงนี้ไม่ขอปรามาส ทีนี้คุณแม่ชีแกก็พูดภาษาอะไรก้ไม่รู้”สำเนียงภาษาฟังดูคล้ายแขก”ยาวเหมือนกัน

พอพูดจบเท่านั้นล่ะ “หลวงพ่อเกจิดัง” ท่านก็พูดทักทายกับคุณแม่ชีองค์นั้นด้วยภาษาออกแขกๆด้วยเหมือนกัน” ประมาณ กู๊ดมอนี่ง “ฟาย แต่งกิ่วแอนยู” “คุณสบายดีใช่ใหม ” “ใช่ ฉันสบายดี”ข้าพเจ้าจับใจความจากปากเขา ก็เลยอุปมาเอา ว่าน่าจะเป็นอย่างนี้..เรียกว่าสนทนากันประมาณนั้น สักพักอีตาโฆษก นี่แกก็เก่งจริงๆ (ข้าพเจ้านึกในใจ) รีบประกาศออกไมค์เชียวว่าคณะนี้คุณแม่ชี กับ “หลวงพ่อเกจิดัง”นั้นได้ใช้ภาษาเทพคุยกันอยู่

เล่นเอาคนที่มาในงาน อืออึงกันใหญ่เลย ก็เป็นอันว่ายิ่งเพิ่มความดูเข้มขลังให้กับผู้ที่มาเข้าร่วมพิธี ดูแล้วคล้ายเรียก เรดติ่ง แนวนั้น แต่ข้าพเจ้าก้ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก ก็เพราะว่าไม่ใช่ของแปลกอะไร สำหรับตัวของข้าพเจ้าเลย ก็ดีเหมือนกัน เพราะวัตถุมงคลของทางวัด จะได้จำหน่ายได้มากๆ ทางวัดจะได้มีรายได้เข้าวัด เพื่อที่จะนำไป บรูณะ ปฏิสังขร ในสิ่งที่ควรต่อไป …ก็ดีเหมือนกัน …

…”ขอขมา กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ก่อน”…

หลายครั้ง ที่ข้าพเจ้าได้เคยศึกษาเรื่อวราวประวัติของพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งที่ดังมาก นั้นก็คือ”พระเดชพระคุณ หลวงปู่โต๊ะ แห่ง วัดประดู่ฉิมพลี” สรุปเป็นเนื้อหาในใจความตอนหนึ่งว่า “หลวงปู่โต๊ะ” นั้น

ถ้าแม้นท่านได้ไปกิจนิมนต์ ในงานพิธีพุทธาภิเษกในที่ใดก็ตามหากมีเกจิอาจารย์องค์ใดก็ตาม ที่เป็นผู้ที่ทรงภูมิคุณธรรมชั้นสูง หรือมีความเป็นผู้ที่ทรงวิทยาคมของจริงแล้วไซร้ “หากหลวงปู่ โต๊ะ แห่งวัดประดู่ฉิมพลี” ท่านเพียงแค่ไดจับได้สายสิญจน์ ในงานพิธีพุทธาภิเษกเท่านั้น ละก็ ท่านจะสามารถล่วงรู้ถึงคุณธรรมของภูมิจิต ของพระคณาจารย์ของแต่ละองค์ได้ทันที ว่าองค์นี้ของจริง หรือชั้นใหน

ดังจะขอกล่าวเป็นใจความย่อๆในตอนหนึ่ง เมื่อครั้งที่”หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร” พ่อ ของพวกเรานี้ ได้รับกิจนิมนต์ไปในงาน พิธีพุทธาภิเษก ในงานของวัดแห่งหนึ่ง ใน จ. สุพรรณบุรี ชื่อว่า วัด ท่าทอง ปี 2518 และพิธีนี้เอง ที่ทำให้แม้แต่”หลวงปู่ โต๊ะ แห่ง วัดประดู่ฉิมพลี”ท่านต้องถึงกับ อุทานออกมาว่า “หลวงพ่อองค์นี้เป็นใคร มาจากใหน ทำใมท่านถึงไม่รู้จัก ท่านมีวิชาอาคมที่แก่กล้ามากเหลือนเกิน”

ถึงขนาด หลวงพ่อกวย ของพวกเรานั้น ท่านได้แสดง อภิญญาสมาบัติ นั่งปรกปลุกเศก โดยที่ท่านไม่ได้หลับตา ไม่กระพิบตาเลย เพ่งวัตถุมงคล ตลอดพิธีเป็นชั่วโมงๆ ซึ่งผู้ที่สามารถจะทำได้นั้น อย่างน้อยก็จะต้อง ทรงภูมิคุณธรรมชั้นสูงมาก

เรียกว่าเกินชนิดที่ ปุถุชนอย่างข้าพเจ้าจะกล่าวพรรณนาได้(จริงๆแล้วไม่กล้าบังอาจที่จะพยากรณ์) สุดยอด เข้มขลัง สุดๆ และเรื่องราว ของหลวงพ่อกับคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมแห่งยุคองค์อื่นๆนั้น มีอยู่มากมายหลายองค์ อาทิ เช่น “หลวงปู่ เพิ่ม แห่ง วัดกลางบางแก้ว ก็ได้ยกย่องท่านว่า หลวงพ่อกวย องค์นี้นั้น ท่านเก่ง เทียบเท่ากับ หลวงปู่ของพวกเรา(ท่านหมายถึง พระพุทธวิถีนายกหลวงปู่บุญ ขันธโชติ)ต่อหน้าลูกศิษย์ของท่านเลย

ส่วน”หลวงปู่ ดู่ แห่งวัดสะแก” ท่านเป็นพระปฏิบัติ(ปรารถนาพุทธภูมิ) ท่านก็ยังยกย่องหลวงพ่อกวยของเรานี้ว่า เป็น 1 ใน เก้าคณาจารย์ที่เก่ง ของจริง และที่สุดของที่สุด ก็คือ

เมื่อครั้งที่ “หลวงพ่อ จง แห่งวัดหน้าต่างนอก”ท่านได้รับกิจนิมนต์จากเชื้อพระวงค์ท่านหนึ่งที่นับถือเกจิอาจารย์ของทางใต้มาก ให้ไปปลุกเสกพระที่เรือนของเชื้อพระวงค์ท่านนั้น แต่งานนี้”หลวงพ่อจง” ท่านกลับไม่เสกเอง แต่นิมนต์ให้หลวงพ่อกวยท่านขึ้นเสกแทนและ”หลวงพ่อจง” ท่านก็ได้พูดบอกกับ”หลวงพ่อกวย”ว่าให้เต็มที่เลยนะท่าน เพราะพวกเขารอดูเราอยู่

และเมื่อครั้น”หลวงพ่อกวย”ขึ้นนั่งปรกปลุกเสกเท่านั้นล่ะ ท่านก็ได้สำแดงอภินิหารแห่งฌาณสมาบัติของท่านให้ได้ประจักษ์ ชนิดที่เรียกว่า พระสะเทือน เรือนไทยโบราณหลังใหญ่ๆ นั้นได้สั่นไปทั้งหลัง

จนเป็นที่ยอมรับนับถือซึ่งกันและกันกับพระคณาจารย์จากทางใต้มาก แต่ตรงนี้ข้าพเจ้าขอพักไว้ก่อน จะนำมาเล่าให้ฟังในตอนต่อไป ในตอนที่เกี่ยวข้องกับ คณาจารย์ต่างๆที่ท่านนั้นได้ยืนยันว่าหลวงพ่อของพวกเรานี้ ท่านก็เป็นผู้หนึ่ง ที่สำเร็จ”อภิญญาโสฬสมงคล” 16 ประการ เฉีกเช่นเดียวกันกับปรมาจารย์ ผู้เป็นหนึ่งแห่งเมืองปากเกร็ด จ. นนทบุรี ก็ว่าด้วย บทพระเวทมหาทมื่น ที่ปรมาจารย์ผู้เป็นหนึ่ง แห่งเมืองปากเกร็ด จ. นนทบรี ท่านไประจุอาคมไว้บนวัตถุมงคลของท่านนั้น มีท่านปรารภไว้เพียงหมื่นจบเท่านั้น

แต่ของหลวงพ่อ กวยชุตินธโร”ของพวกเรานั้น ท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า ของๆท่านนั้น “นับครั้งไม่ได้”นี่คือสุดยอดแห่งความเข้มขลังแห่งพระเกจิหลังกึ่งพุทธกาล อย่างแท้จริง…

…ที่นี้ข้าพเจ้าจะกลับมากล่าวถึงในความตอนเดิมที่ว่า เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าไปงานพิธีพุธาพิเษกนั้น ข้าพเจ้าก็ได้ดำริอยู่ภายในในว่า โอ้!!!เรานี้ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า “หลวงพ่อเกจิดัง”ที่มานั่งปรกในพิธีนี้นั้นหรือไม่แระการใด ชะรอยเรานี้ก็ไม่ได้มี ตาทิพย์ตาวิเศษ เสียด้วย (ไม่ได้ลบหลู่ท่านนะ)ก็ได้ความว่า บังเอิญได้ที่นั่ง ไปอยู่นั่งอยู่ไกล้ๆกับธรรมมาส ปลุกเสกเรียกว่าอยู่ห่างกันพอสมควร

ก็นั่งมองดูท่าน แสดงอากับกิริยาสำรวมดี แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ยิ้ม ไม่มองมาก เรียกว่าไม่ ออกหน้าออกตา เหมือนคนอื่น ว่ากันประมาณนั้น สักพัก ท่าน”หลวงพ่อเกจิดัง”ท่านก็ได้ออกไปจุดเทียนชัย”ก็มีเสียง ปี่ ผ้าด ระนาก กลอง โหมกัน เป็นธรรมดา พอท่านหันมาทางข้าพเจ้า ทีนี้ ข้าพเจ้าไม่หลบสายตาท่านเลย ก็ด้วยความที่รู้สึกอยู่เสมอว่า เรานี้ก็ศิษย์มีครู อาวุโสภันเตฯ มันก็อีกเรื่อง

ข้าพเจ้าก็นึกดำริในใจว่า “ท่านหลวงพ่อ(เกจิดัง)ถ้ามีเหตุอันใดที่กระผมไปล่วงเกินหลวงพ่อ(เกจิดัง)ละก็ กระผมก็ขอขมาลาโทษในใจตรงนี้เลยนะขอรับ หากอย่างไรเสีย กระผมจะขออนุญาติ ชมบารมีของหลวงพ่อ(เกจิดัง)สักหน่อย เห็นว่าเป็นเสือเก่ากระผมอยากจะรู้แค่เพียงว่า ท่านนั้นสมคำที่เขาลือกันหรือจริงแท้ประการใดกันแน่

กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ใดๆที่ล่วงเกิน ก็ขอให้หลวงพ่อ(เกจิดัง)อย่าว่า กระผมนะขอรับ กระผมอยากจะประจักษ์แกสายตาจริงๆ ชะลอย จะได้ไม่ให้เกิดความกังขาต่อท่าน (เพราะเดี๋ยวนี้พระเกจิแนวบาม่านั้นมีเยอะ ให้ลูกศิษย์โปรโมทย์) อีกอย่างพระพุทธเจ้า ท่านก็สอนว่า อย่าพึ่งเชื่อข่างลือ ว่าแล้วก็สาธุ ในใจ…

…”มีดหมออาคมของหลวงพ่อสำแดงอิทธิ์ฤทธิ์”…
เมื่อกล่าวจบ ข้าพเจ้าจึงเห็น”หลวงพ่อเกจิดัง”องค์นั้นขึ้นนั่งปรกบนธรรมมาส ทำสมาธิสำรวมจิต ละแล้วข้าพเจ้าก็ได้เข้าเจริญภาวนา เมื่อเวลาผ่านไปได้สัก 20 นาที พุทโธ ธัมโม สังโฆ ว่าไปเรื่อย จนข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงบดี

แต่มีเรื่องแปลกอยู่เรื่อง หนึ่งไม่รู้ว่าพี่ๆน้องๆเป็นกันบ้างหรือเปล่า ก็เวลาสวดมนต์นั้นตามปรกติ ถ้าคนนั้นๆ ก็ถ้าใครมาส่งเสียงดังนิดหน่อย สมาธิมักจะแตกกัน แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเป็นยังไง ยิ่งมีเสียงดังมากกลับยิ่งสงบใจได้ไหวขึ้น เอ่อ! ก็แปลกดีเหมือนกัน เคยถาม ครูบาอาจารย์ที่สอนกรรมฐาน เห็นท่านบอกมาว่า ตรงนี้ มันขึ้นอยู่กับจริตของคนแต่ละที่มีคนไม่เหมือนกัน

เอ่อ!!!แปลกดี เอ้า เข้าเรื่องต่อดีกว่า ที่นี้พอ ขระที่ข้าพเจ้าภาวนาไปจนจิตนั้นเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเบาๆ รู้สึก สบายๆ สงบดี แล้วข้าพจเก็ค่อยลืมตาขึ้น ณ เวลานั้น พระสงฆ์ก็ต่างเจริญพุทธมนต์กันไป ไม่มีใครสนใจใครหรอก สนแต่ วัตถุมงคลกัน ประมาณนั้น และแล้วทันใดนั้นข้าพเจ้าจึงหยิบมีดหมอลงอาคมของหลวงพ่อออกมา (พอดีมุมที่ข้าพเจ้านั่งนั้นเป็นมุมหลบพอดี)

ข้าพเจ้าจึงเริ่มกล่าว องค์การอาราธนาครูบาร์อาจารย์ เริ่มด้วย ตั้งนะโม 3 จบ ตามด้วย ตะมังธัง ปะกา เสนโต ต่อด้วยพระคาถา เรียกพระแม่ธรณี มาให้มาช่วยเป็นสักขีพยาน ถ้าไม่มา อกร้อนดังเพลิงสุม มี”หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร”เป็นที่สุด

ข้าพเจ้าอาธนาบอกกล่าวหลวงพ่อ ว่าขอให้บารมีของหลวงพ่อช่วยเมตตา ให้มีดหมอประจุอาคมเล่มนี้ของหลวงพ่อ จงประสิทธิ์ประสาทความศักดิ์สิทธิ์ ให้แก่วัตถุมงคลทุกๆชิ้นที่อยู่ในปรำพิธี เพื่อปกปักรักษาคุ้มครอง พุทธบุตรทั้งหลาย ที่ได้นำไปกราบไหว้บูชา อนึ่ง ด้วยพระพุทธานุภาพ พระธัมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ จักได้ไม่เกิดรอยมลทิน ต่อพระศาสนาของทั้งหลาย ของเราสืบต่อไป พุทธังประสิทธิเมธัมมังประสิทธิเม สังฆังประสิทธิ์เม

ว่าแล้วข้าพเจ้าก็ได้ใช้ปลายมีดหมอของหลวงพ่อ แตะลงไปที่ด้ายสายสิญ พร้อมทั้งภาวนาว่า เตโชๆๆๆๆๆไปเรื่อย ทันใดนั้นเอง เมื่อข้าพเจ้าได้มองไปยัง “หลวงพ่อเกจิดัง”องค์นั้น ก็ได้พบว่าท่านได้ลืมตาขึ้นจากสมาธิ แล้วมองมายังบริเวณที่ข้าพเจ้านั้นนั่งอยู่เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นประการนั้น ก็ได้ชักมีดหมอของหลวงพ่อออกจาก ด้าย สายสิญ พร้อมกับหันไปที่ท่านแล้วยกมืออภิวาทให้ท่าน เป็นอันประจักษ์แก่สายตาว่าท่านนั้นก็มีดีเหมือนกัน แต่ท่านนั้นก็มิได้แสดงอาการมากจนเกินงาม เพียงแต่หันมามองที่ข้าพเจ้าอยู่ ครู่หนึ่งประมาณ 3 นาที

ข้าพเจ้า คิดว่า จิตนั้น ย่องต้องรับรู้ได้ด้วยกระแสแห่งจิตและการที่หลวงพ่อสร้างวัตถุมงคลของท่านขึ้นนั้น หลวงพ่อก็มิได้มีจุดประสงค์ที่จะให้วัตถุมงคลของท่าน นั้นไปประหัตประหารผู้อื่นเลย เรียกว่าถ้าใครจะใช้ของหลวงพ่อ ของพวกเราไปทำร้ายผู้อื่น เป็นอันว่า หลวงพ่อสะกด พุทธคุณทันที ดีไม่ดี โดนเองเลย อันนี้เรื่องจริง จุดประสงค์ของหลวงพ่อของพวกเรา นั้นชัดเจน ดังนั้นการที่ข้าพเจ้าใช้มีดหมอของหลวงพ่อ ในครั้งนี้ จึงมิได้เป็นการผิดวัตถุประสงค์ของหลวงพ่อแต่ประการใดๆ เพราะใจของเรา เราย่อมรู้ดีกล่าวใครๆ ….

….”เผาพิธีพุทธาภิเษก”….
….เมื่อเสร็จสิ้นพิธีพุทธาภิเษก ข้าพจเจงปลีกตัวออกทางด้านหลัง ก็เห็นผู้คนต่างพากันลายล้อม “หลวงพ่อเกจิดัง”องค์นั้น เพื่อขอวัตถุมงคลกันอยู่มาก ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ฉงนใจอะไรมาก ก็เดินกลับไปที่รถวัดของข้าพเจ้า แต่ทันใดนั้นเอง ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงของทางโฆษกวัด นั้นประกาศออกไมค์เสียงดังว่า”ขณะที่หลวงพ่อเกจิดังองค์นั้น กำลังเจริญสมาธินั่งปรกปลุกเสกอยู่นั้น อยู่ๆท่านก็ได้นิมิตไปว่า ได้มีแสงสว่างเจิดจ้าอันไม่มีประมาณ ปรากฏขึ้นอยู่ด้านซ้ายมือของปรำพิธี และทันใดนั้นเองก็ได้มีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา วิ่งลุกโชติช่วงไปทั่วทุกอณูของวงล้อมสายสิญ เปลวเพลิงนั้นร้องแรงมาก ชนิดที่เรียกว่าเผาปรำพิธีไปทั้งงานเลย ไม่เคยปรากฏเหตุการณ์ประหลาด เช่นนี้มาก่อน

เลย จนทำให้ท่านถึงกลับสะดุ้ง คลายออกจากสมาธิ แล้วหันไปมองทางด้านทิศด้านที่มาของนิมิตลำแสงนั้น ก็แลเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งท่านหันมายกมือไหว้ท่าน เข้าใจว่า ท่านคง อาราธนาครบาร์อาจารย์ของท่านมาช่วยอธิฐานจิตให้ด้วย ซึ่งนับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีงามต่อ วัตถุมงคลชุดนี้มาก

และเมื่อท่านเข้าสมาธิและลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่พบพระภิกษุองค์เสียแล้ว ” จะถามท่านสักหน่อยว่าครูอาจารย์ท่านเป็นใคร ท่านนับถือหลวงพ่อองค์ใด เสียดายจริงๆ ข้าพเจ้าเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็รีบยกมือขึ้น สาธุ เลยๆๆ เพราะรู้ดีว่า ต้องเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อ กวย ชุตินธโร” แน่ๆบารมีหลวงพ่อที่ท่านช่วยเมตตาสงเคราห์ะห์ต่อ งานพิธีพุทธาภิเษกพีธีนี้ และ เป็นบุญ ของข้าพเจ้าเหลือเกินที่หลวงพ่อท่านได้เมตตา ให้ลูกคนนี้ได้ประจักษ์ใน อานุภาพ ของ “เทพศาสตราของท่าน” สุดยอดเกินพรรณนาเหลือนเกิน สาธุ สาธุ สาธุ “หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร” …..

….ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านแล้วข้าพเจ้าจะนำประสบการณ์มามาถ่ายทอดให้
….ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง….

ขอขอบคุณ
….”คนเมืองกาญฯ…

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ศิษย์มีครู
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: