529. อาจารย์สุวัฒน์ผู้เชิญหลวงปู่เดินหน

เรื่องเล่าและอภินิหารบางประการ

หลายท่านที่ได้อ่านเรื่องราวของ หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ไปแล้วหลายตอนก่อนนี้ เชื่อว่าหลายท่านคงอยากทราบเรื่องราวของผู้เชิญหลวงปู่มาผ่านร่าง ท่านที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้ คือ ท่านอาจารย์สุวัฒน์ ศิษย์เอกผู้เป็นทั้งร่างผ่านและเรียนวิชาจากหลวงปู่เดินหนภายในถ้ำลี้ลับ ศิษย์รุ่นเก่าต่างทราบดีว่าท่านอาจารย์มีอภินิหาร และมีพลังอำนาจจิตที่อัศจรรย์มาก ท่านเคยเข้าร่วมปรกปลุกเสกพระเครื่องในพิธี ๒๕ พุทธศตวรรษด้วย (มีภาพจะนำมาให้ชมภายหน้า) เรื่องราวอำนาจจิตของท่านอาจารย์นั้นมีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งจะขอนำมาเผยแพร่ต่อสังคมให้ได้ทราบในโอกาสหน้า ให้รู้ว่าการเป็นอาจารย์ของจริง ๆ ใช่แค่ใส่ชุดขาวนั่งหลับตาเห็นแค่มืด ๆ แล้วอวดตัวว่าเข้มขลัง เช่นนั้นเรียกว่าหลอกลวงชาวบ้านเขา ของจริงต้องแสดงผลแห่งการฝึกฝนจิตจนเกิดพลังนั้นได้แจ้งประจักษ์จริง

สำหรับอาจารย์สุวัฒน์ท่านเคยแสดงอำนาจจิตหลายครั้ง การแสดงที่ว่านี้เกิดจากจิตของท่านเองหาใช้ฤทธิ์ของหลวงปู่ ท่านอาจารย์สุวัฒน์เคยอยู่และฝึกฝนวิชาและพลังจิตกับหลวงปู่เดินหนโดยตรง ตั้งแต่สมัยท่านยังเด็กตามที่เคยเล่าเกริ่นไปบ้างแล้วว่า ท่านเคยพบหลวงปู่มาก่อน ได้ฝึกฝนวิชาและพลังจิตจากหลวงปู่โดยตรง ซึ่งในรายละเอียดประวัติของท่านนั้นต่อไปจะนำเสนอให้ทราบ ข้าพเจ้าและศิษย์หลายฅนเคยเห็นมาด้วยตาตนเอง เช่นการเสกสะเดาะลูกกุญแจหรือกลอนประตู ท่านอาจารย์เคยเป่าลูกกุญแจหลุดกระเด็นต่อหน้าหลายครั้ง โดยท่านไม่ได้ใช้มือสัมผัสเลยก็เคยเห็นมา สมัยที่อยู่วัดตาเจี่ยท่านเคยใช้นิ้วชี้เสกแล้วชี้ใส่รถยนต์ที่วิ่งมาจดบนถนนจนฝากระโปรงท้ายเปิดได้ ท่านทำซ้ำให้ศิษย์ดู ๒-๓ ครั้งจนมั่นใจว่าขอจริง

อภินิหารบางประการ
เรื่องการได้ยินผู้อื่นพูดในระยะไกลก็รู้ได้ คราวหนึ่งครูมะลิ แนวตานาค อดีตครูใหญ่โรงเรียนวัดทุ่งสมอ เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านอาจารย์มาบวชที่วัดทุ่งสมอ (บวชแก้บน) ช่วงแรก ๆ ชาวบ้านไม่ใคร่จะนับถือนัก เห็นเป็นพระหนุ่ม ๆ แต่เห็นมีพวกกรุงเทพ ฯ มากราบ จึงเกิดการวิจารณ์ไปต่าง ๆ ว่าเก่งจริงหรือไม่อย่างไร ? ในวันหนึ่งครูมะลิเล่าว่า วันนั้นอาจารย์สุวัฒน์กำลังฉันข้าวอยู่ที่กุฏิจำได้ว่าท่านพึ่งบวชได้ไม่เกิน ๓ วัน โดยครูมะลิกับภรรยาท่านเป็นโยมอุปถัมภ์ รับเป็นเจ้าภาพในทุกสิ่งทุกอย่างทั้งดูแลอย่างดี วันนั้นขณะฉันข้าวอยู่อาจารย์กวักมือเรียกครูมาละแล้วพูดว่า

**โยมมะลิช่วยอะไรหน่อย โยมช่วยเขียนใส่กระดาษตามที่อาตมาพูดที แล้วช่วยนำข้อความที่เขียนนี้ไปบอกพวกที่นั่งอยู่บนศาลาทีนะ**

แล้วท่านอาจารย์ก็บอกให้ครูจดตามที่บอก โดยอาจารย์บอกชื่อฅนที่กำลังนินทาท่านอยู่บนศาลาไล่เลียงไปทีละฅน บอกเลยว่านายนั้นนางฅนนี้ชื่ออะไรนินทาว่าอะไรบ้าง จดแยกไปทีละฅน แต่ละฅนใส่เสื้อผ้าสีอะไร เอาของอะไรมาถวายเพลพระบ้าง ในตัวมีเงินติดตัวมาเท่าไร ท่านอาจารย์บอกให้เขียนละเอียดหมดทุกฅน

เมื่อจดเสร็จครูมะลิก็รีบเดินขึ้นไปบนศาลาวัด แล้วพูดดัง ๆ ประกาศเรียกชื่อบุคคลตามที่ท่านอาจารย์ให้จดมา แล้วบอกตามข้อความว่าใครอย่างไรบอกเป็นฉาก ๆ ครบทุกฅน แล้วบอกทิ้งท้ายว่าอาจารย์สั่งมาให้บอก และท่านยังบอกฝากมาอีกว่า

**ไม่ว่าจะไปนินทาที่ไหน หากพูดถึงตัวอาจารย์ท่านรู้ และบอกว่าหากจะด่าจะว่าให้มาด่ามาว่าต่อหน้าได้เลย ท่านติดว่าเป็นพระอยู่หากไม่เป็นพระจะทำให้ปดท้องเสียเวลานี้เลย มีอย่างที่ไหนแม้นพระเจ้ายังมานินทาบาปกรรม ของจริงไม่จริงเก่งไม่เก่งใช่เพียงแค่ดูจากอายุกายภายนอก**

ครูมะลิเล่าว่าพอพูดจบแต่ละฅนหน้าถอดสี ต่างรีบพากันมากราบอาจารย์ที่กุฏิ แต่อาจารย์ท่านรู้ก่อนปิดกุฏิเงียบอยู่อย่างนั้น พวกที่มารอขอขมาก็พากันกลัวทั่วหมดทุกฅน เพราะเกรงว่าตัวจะเกิดปวดท้องเพราะฤทธิ์อาจารย์ สุดท้ายท่านเห็นเวลาพอควรท่านจะเปิดประตูเดินออกมา
เรื่องทำให้ปวดท้องนี้ศิษย์รุ่นเก่าหลายฅนพูดไว้ตรงกัน และครูมะลิก็เคยเห็นกับตาเรื่องว่า หากใครด่าว่าหรือนินทาอาจารย์ไม่ว่าที่ไหน หากท่านรู้ท่านจะพูดเลยว่าเดียวพลบค่ำมันต้องมาขอขมา แล้วก้น่าแปลกที่พอเวลาราวหกโมงเย็นล่วงแล้ว พวกที่ด่าว่าท่านอาจารย์จะพากันปวดท้องนอนดิ้นร้องครางฮือ ๆ กันหมด บางบ้านเป็นกันยกครัวเรือนเลย ต้องรีบพาตัวมาขอขมาหรือต้องลุกขึ้นไหว้มาทางวัดทุ่งสมอถึงจะหาย ซึ่งน่าแปลกว่าเวลาที่ผู้ฅนตัวท้องนั้น ไม่เห็นท่านอาจารย์ทำอะไร บางทีท่านก็นั่งรับแขกอยู่ บางครั้งก็ทำกิจส่วนตัว ไม่เห็นท่านลุกขึ้นมาเสกเป่าทำอาคมอย่างไร ไม่ทราบว่าผู้ฅนเหล่านั้นปวดท้องได้อย่างไร เคยมีศิษย์ถามท่านก็เห็นท่านหัวเราะไม่ตอบอะไร

เรื่องอำนาจจิตของท่านอาจารย์และการแสดงพลังจิตแบบแปลก ๆ เกิดขึ้นหลายครั้ง ต่อไปภายหน้าจะนำมาบอกเล่าให้ทราบกัน แต่ในวาระนี้อยากให้ท่านได้รับรู้ถึงเรื่องสังขาร และการล่วงรู้มรณกาลล่วงหน้าถึงหนึ่งปี โดยท่านอาจารย์ได้บอกล่วงหน้าไว้ในวันที่ ๖ พ.ย. ๒๕๓๘ ว่าจากนี้ไปอีกราว ๑ ปีเศษ ตัวท่านจะหมดอายุขัย ได้บอกแก่ลูกหลานและฅนรอบข้างในวันนั้น ทั้งยังได้สั่งภรรยาและลูกหลานว่า **เมื่อท่านถึงแก่กรรมแล้วอย่าฉีดยาร่าง ท่านว่าธรรมะจะรักษาร่างท่านให้ผู้ฅนเห็นประจักษ์** เมื่อท่านถึงแก่กรรมแล้ว ๑๐ วันร่างเหมือนฅนนอนหลับ แขนยังงอได้นิ้วมือขยับได้ไม่มีแข็งตึงเลย เมื่อได้ ๓๐ วันแขนก็ยังขยับได้ไม่มีน้ำเหลืองหรือกลิ่นเลย ร่างของท่านถูกบรรจุในโลงแก้ว แล้วจัดให้มีการทำบุญเลี้ยงพระทุกวัน ๆ ละ ๑๐ รูป เป็นติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา ๑๐ ปี ตามคำสั่งท่าน เชื่อว่าในประเทศไทคงไม่มีที่ใดทำบุญเลี้ยงพระทุกวันเช่นนี้

อภินิหารสังขารอมตะ

ร่างของท่านอาจารย์เก็บรักษามานานกว่า ๑๗ ปี ภาพที่นำมาให้ชมนี้เป็นร่างของท่านที่อยู่ในโลงแก้วมายาวนาน แต่เส้นผม ขนคิ้วยังไม่หลุดร่วง ผิวหนังเพียงแห้งลงไปเท่านั้น สังเกตดูเส้นผมบนศีรษะที่ถ่ายภาพมานั้นว่าแทบไม่มีการหลุดร่วงเลย ร่างไม่มีการทาน้ำมันหรือทำสิ่งใดเลย โลงแก้วก็ไม่ได้ปิดสนิท คงเปิดช่องระบายอากาศไว้ตลอด ไม่ใช้โลงปรับอากาศแต่อย่างใด ผู้ที่เคยไปกราบร่างท่านที่สำนัก หรือได้ร่วมงานพระราชทานเพลิงของท่านคงจะเห็นกันแล้ว นี่คือสิ่งที่แสดงให้ลูกหลานเบื้องหลังและสาธุชนทั้งหลายได้ยึดมั่นในความดีงาม เหมือนที่ท่านอาจารย์บอกกับพวกเราเสมอว่า

**ธรรมะและบุญกุศลทั้งหลายมีจริง บุญไม่ส่งผลวันนี้ก็วันหน้า ไม่ส่งผลชาตินี้ก็ชาติหน้าอย่าได้ท้อแต่ส่งผลแน่นอน จงก้มหน้าทำดีต่อไปอย่าทิ้งความดี ฟ้ารู้ ดินรู้ เทพเทวดา ครูบาอาจารย์รับรู้ ความดีจะรักษาเรา คอยดูร่างฉันขอแสดงให้ลูกหลานได้เห็น เมื่อฉันตายฉันจะเป็นอมตะ เพราะธรรมะจะรักษาร่างฉันไว้ให้ลูกหลานได้ดู ให้รู้ว่าผู้ปฏิบัติจริงไม่ว่าสงฆ์หรือฆราวาส หากเข้าถึงธรรมได้ธรรมนั้นย่อมแสดงผลรักษาเราได้จริงทุกผู้ทุกนาม**

ข้าพเจ้าไม่เคยลืมคำพร่ำสอนของท่านที่สอนให้ตั้งใจทำดี เหมือนเรือสำเภาที่ล่องลอยกลางทะเล เมื่อตั้งใจมั่นเดินทางแล้วต้องไปให้ถึงจุดหมาย แม้นเจอลม เจอฝน เจอคลื่นถาโถม เรือน้อยยังมุ่งมั่นเดินทางไป ฝ่าอุปสรรคทั้งหลายไปด้วยใจมั่นคง วันหนึ่งต้องถึงจุดหมายปลายทางได้ แม้นยามนั้นจะไม่เห็นแม้นจุดหลายปลายทาง ขอมีเพียงศรัทธาและมุ่งมั่น สุดท้ายผลสำเร็จย่อมเกิดได้ด้วยความพยายาม ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนก่อน อย่าไปรอฟ้ามาโปรด ท่านสอนเสมอในเรื่องคุณความดีและความตั้งใจมั่นและใช้สติในการใช้ชีวิต ท่านสอนเสมอว่าไม่มีเทพเทวดาองค์ใด จะมาโปรดฅนขี้เกียจ ฅนขี้แพ้ ท้อแท้ใจไม่สู้รอแต่โชคชะตาไม่มี ทุกอย่างจะเกิดขึ้นจนสำเร็จได้ด้วยตนเอง ครูบาอาจารย์อาจช่วยเพียงอำนวยผลและหนทางในบางช่วงเท่านั้น ไม่มีใครมาช่วยเราหดทุกเรื่องโดยที่ตัวเราไม่คิดขยับทำอะไรเลย

ข้าพเจ้าระลึกถึงหลวงปู่เดินหน และท่านอาจารย์สุวัฒน์ไม่เคยลืมเลือน

หมายเหตุ :
สังขารท่านอาจารย์ได้รับพระราชทานเพลิงไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๒ มิ.ย. ๕๗ โดยมีคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานในพิธี
**หลวงปู่เชย อิเกสาโร ไม่มีจริง !!
มีเพียงนามที่รู้มาช้านาน หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร
หลวงปู่เชย อิเกสาโร เป็นเพียงนิทานที่แต่งขึ้นกันเอง
หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ของจริง เรื่องจริง
มีข้อมูลสถานที่และพยานบุคคลชัดเจน
ข้าพเจ้าขอต่อต้านพวกลวงโลกหากิน
ขอท้าพวกลวงโลก ให้พิสูจน์กัน ข้าพเจ้าพร้อมเสมอ**

…………
เขียน / เรียบเรียง โดย : ฅนขลัง คลังวิชา

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ฅนขลัง คลังวิชา
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: