934. เปิดบันทึกลับเทพเจ้าแห่งอีสานใต้ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง

หากกล่าวถึงชื่อหลวงปู่สุข ธมฺมโชโต วัดโพธิ์ทรายทอง หลายท่านอาจยังไม่รู้จัก หรืออาจแค่เพียงเคยได้ยินชื่อผ่านหู ไม่รู้ว่าท่านเก่งทางเข้มขลังอย่างไร ? หลวงปู่สุขรูปนี้ข้าพเจ้านับถือมานาน การปลุกเสกวัตถุมงคลตลอดจนปฏิปทาของท่าน ใกล้เคียงหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เชื่อมั่นเหลือเกินว่าท่านสำเร็จธรรมขั้นสูง การปลุกเสกวัตถุมงคลของท่าน ใช้เพียงมือจับ ๆ แล้วเป่าพ่วงเดียว นอกจากขอร้องท่าน ๆ จึงนั่งปรกปลุกเสกให้ การปลุกเสกทั้งสองแบบท่านว่ามีผลเท่ากัน

ว่ากันว่าพระอริยะเจ้าขั้นสูงทุกสิ่งรอบกายย่อมศักดิ์สิทธิ์ เพียงท่านสัมผัสได้รับกระแสบารมีก็ขลังวิเศษแล้ว พระเถราจารย์ผู้ปลุกเสกวัตถุมงคลด้วยวิธีดังกล่าวมี

**หลวงปู่คง วัดซำป่าง่าม
**หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค
**หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
**หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง

นอกเหนือจากนี้ข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆ ท่านผู้มีชื่อนี้ปลุกเสกของแบบไม่น่าจะขลัง ท่านเพียงหยิบ ๆ จับ ๆ เพียงเอามือซาวของไปมา แล้วเป่าพ่วงเท่านี้ แต่ปรากฏว่าขลังมากยิงไม่ออกเลย บางท่านยิงออกแต่ไม่ถูก

หลวงปู่สุข ท่านเป็นศิษย์พระอาจารย์อินทร์ เป็นพระเขมรผู้เข้มขลังวิทยาคุณมาก พระอาจารย์อินทร์มีศิษย์เอกอยู่ ๒ ท่านที่มีชื่อเสียงมาก คือ หลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่ กับหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง ทั้งสองได้วิชาไปมากพอกัน วิชาที่โดดเด่นมาก คือตะกรุดสี่มหาอำนาจ, ฝังตะกรุดทองคำในร่างกาย สมัยก่อนหลวงปู่สุขเริ่มฝังตะกรุดทองคำกับทหาร ณ วัดหนองติม ที่อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีน ปรากฏว่ามีประสบการณ์สูงมาก เมื่อจำพรรษาอยู่วัดโพธิ์ทรายทองก็ยังฝังตะกรุดอยู่

หลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่ ศิษย์ร่วมอาจารย์ท่านแม้นไม่โด่งดัง แต่ศิษย์ของท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ฝังตะกรุดทองทำให้ผู้ฅนไปนับหมื่น ผู้ฅนทั้งหลายรู้จักในนาม หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ท่านนี้เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่ และเคยมาขอเรียนวิชาจากหลวงปู่สุขด้วย หากหลวงพ่อคูณผ่านมาทางละหานทราย ต้องแวะนมัสการหลวงปู่สุขทุกคราว พูดถึงหลวงปู่สุขคราวใดหลวงพ่อคูณยกมือท่วมหัวเลย แสดงถึงเคารพนับถือเทิดทูนมาก

ในการปลุกเสกวัตถุมงคล ๒๕ พุทธศตวรรษ ณ ท้องสนามหลวงคราวนั้นพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ จากเหนือจรดใต้ทั่วฟ้าเมืองไทมารวมกัน ณ ท้องสนามหลวง เวลานั้นหลวงปู่สุขยังไม่โด่งดัง มาร่วมในงานกับศิษย์อย่างพระหลวงตาบ้านนอก ไม่มีใครมากราบมาล้อมหน้า ล้อมหลัง ขณะนั่งปรกเกิดฝนตกหนักเหมือนฟ้ารั่ว พระเถราจารย์เขามีที่คุ้มกันฝน กรรมการหรือศิษย์เขาจัดไว้ให้ ส่วนหลวงปู่สุขท่านก็มีเหมือนกัน ศิษย์ได้ไปหาทางมะพร้าวมาจากร้านค้ารอบ ๆ งาน ขอแบ่งทางมะพร้าวมาพาดเข้า พอใช้เป็นที่บังแดด แต่ไม่อาจกันฝนที่ตกหลักในเวลานั้นได้ เมื่อฝนตกหนักศิษย์เปียกปอนหนาวสั่น มองไปเห็นหลวงปู่สุขยังนั่งนิ่งไม่ไหวติง เมื่อฝนหยุดตกสังเกตเห็นจีวรท่านไม่เปียก สร้างความฉงนสนเท่ห์แก่ผู้พบเห็นอย่างมาก

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีปรากฏมีพระรูปหนึ่ง มีศิษย์เดินนำหน้าแหวกผู้ฅน เดินตรงเข้าไปกราบหลวงปู่สุขที่ตัก ท่านแนะนำตัวว่าท่านชื่อ พระอาจารย์โต๊ะ อยู่วัดประดู่ฉิมพลี ท่านทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เวลานั้นหลวงปู่โต๊ะท่านมีชื่อเสียงโด่งดังพอควร เป็นที่รู้กันว่าหลวงปู่โต๊ะมีพลังจิตกล้าแข็งมาก ได้รับพระราชทานพัดยศขาวแสดงถึงผู้เป็นเลิศในญาณวิถี การที่หลวงปู่โต๊ะมากราบพระหลวงตาแก่ ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก และกราบขอฝากตัวเป็นศิษย์ในคราวนั้น แม้นศิษย์ผู้ติดตามหลวงปู่โต๊ะยังนึกประหลาดใจ โดยหลวงปู่โต๊ะท่านกล่าวกับศิษย์ผู้ติดตามในภายหลังว่า **หลวงปู่รูปนี้พลังจิตและอาคมแก่กล้าเหลือเกิน** เข้าใจว่าเมื่อนั่งปลุกเสกท่านจับสายสิญจน์คงสัมผัสได้ถึงพลังจิตของหลวงปู่สุข ที่แสดงพลังโดดเด่นล้ำออกมาจนรับรู้ได้ น่าแปลกพระอาจารย์ในพิธีนับพันรูป แต่หลวงปู่โต๊ะท่านรับรู้สืบกันได้ จากนั้นมาทราบว่าหลวงปู่โต๊ะได้เดินทางมากราบ และร่ำเรียนวิชาถึงวัดโพธิ์ทรายทองทีเดียว

หลวงปู่สุขรูปนี้เป็นอาจารย์ของยอดเกจิอาจารย์อย่างหลวงปู่โต๊ะ ลองคิดดูเถิดว่าหลวงปู่โต๊ะรูปนี้ แม้นแต่หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ยอดเกจิอาจารย์แห่งภาคตะวันออก ยังเคยออกปากชมไว้หนักแน่นข้าพเจ้าจำได้ดี ท่านกล่าวว่าในยุคของท่านนั้น ในเขตภาคตะวันออก หรือที่พบกันในงานพุทธาภิเษกต่าง ๆ พระเกจิอาจารย์สมัยนั้น ท่านลองวิชามาหมด มีแต่เพียงเสมอกันกับด้อยกว่าท่าน มีเพียงหลวงปู่โต๊ะที่ท่านยอมรับว่า **สู้ไม่ได้เลย** ลองคิดเล่น ๆ ว่าหลวงปู่สุขรูปนี้มีภูมิจิตและอาคมระดับใด ขนาดหลวงปู่โต๊ะต้องเดินมากราบท่ามกลางสายตาผู้ฅน เรื่องก็นี้น่าคิด

อภินิหารของหลวงปู่สุขมีมากมายไปหาอ่านได้ ในวันนี้อยากนำหลักฐานยืนยันความแก่กล้าทางจิต ของหลวงปู่สุขว่ามีญาณวิดีแก่กล้าไม่น้อย เมื่อแรกได้รับข้อมูลนี้ข้าพเจ้าคิดอยู่นาน ด้วยเกี่ยวกับเบื้องสูง แต่มองอีกมุมนับว่าน่าแปลกประหลาดใจ ที่นำมาให้ชมนี้เป็นสมุดบันทึกของ หลวงปู่สุข ท่านเขียนคาถาและเลขยันต์ไว้ ตำรานี้ท่านเขียนไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐กว่า ๆ ศิษย์ผู้หนึ่งได้เก็บรักษาตำรานี้ไว้ น่าแปลกในตำรามีบันทึกเขียนไว้สั้น ๆ ดังนี้ที่เห็น เมื่อดูวันที่ – เดือน – ปี ปรากฏว่าเป็นวันสวรรคตของ
สมเด็จพระสังฆราชฯ

**หมายเหตุ : ทรงได้รับพระราชทานสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช ในราชทินนามที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒ แสดงว่าบันทึกนี้เขียนไว้ก่อนรับตำแหน่งด้วย

เมื่อดูเห็นมีเพียงเวลาที่ไม่ตรงกับบันทึก เรื่องนี้ข้าพเจ้าเกิดสงสัยได้สอบถาม นายแพทย์โรงพยาบาลศิริราชท่านหนึ่ง ได้ชี้แจงกับข้าพเจ้าว่า เมื่อมีบุคคลสำคัญสิ้นในการดูแลของแพทย์ จะนับเมื่อเวลาชีพจรหยุดเต้นสุดท้าย หากท่านผู้นั้นไม่รู้สติหรือหมดการตอบสนอง แต่ชีพจรยังมีอยู่จะพยายามยื้อจนถึงที่สุด จนสิ้นสัญญาณชีพจึงประกาศว่าสิ้นชีพ ในเหตุการณ์นี้จึงไม่กล้าฟันธงว่า เวลาระบุไว้ในบันทึกผิดหรือไม่ เพราะผู้ที่อยู่ในการรักษาดูแลพระองค์ท่านเท่านั้น จึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร พระองค์ท่านไม่รู้องค์ตั้งแต่เวลาใด หากมองแค่วัน/เดือน/ปี ยังเห็นว่าน่าแปลกประหลาดใจ แม้นภาษาที่เขียนก็สะกดอย่างโบราณ และเป็นลายมือหลวงปู่สุขด้วย ลองคิดเล่น ๆ ว่านี้เป็นเหตุบังเอิญ หรืออย่างไร ? น่าแปลกท่านเขียนไว้ล่วงหน้ากว่า ๕๐ ปี

ข้าพเจ้ามานำเสนอไม่มีเจตนาอื่นใด เพียงนำหลักฐานที่ได้รับรู้มา เห็นเป็นเรื่องอัศจรรย์ สมควรนำมาเผยแพร่แก่สาธุชนผู้เลื่อมใส่ในพระศาสนา เพื่อใดมีกำลังใจในการปฏิบัติบำเพ็ญธรรม และเชื่อมั่นในคุณแห่งสมาธิจิตว่ามีอยู่ พระสงฆ์สุปฏิปันโนมีอยู่ คุณแห่งวิปัสสนากรรมฐานมีอยู่ จริงดังนี้

ขอบคุณข้อมูลดีจาก : ฅนขลัง คลังวิชา

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: