1128. ย้อนรอยตำนาน หลวงปู่สี วัดสะแก

หลวงปู่สี พินทสุวัณโณ

มีอยู่คราวหนึ่ง ทางวัดสะแกประสงค์จะสร้างพระโดยการทำพิธีกันที่กลางลานวัด โดยมี หลวงปู่สี พินทสุวัณโณ เป็นประธานในการทำพิธีพุทธาภิเษกพร้อมด้วยคณาจารย์อีกหลายท่าน อาทิ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ เป็นต้น หลวงปู่สี ท่านเป็นคณาจารย์ซึ่งมีพลังจิตสูง แต่ในการศึกษาเบื้องแรกของท่านจะทำไปในลักษณะของทางพราหมณ์ เนื่องจากการร่ำเรียนของท่าน ท่านคิดว่าพรหม นั้นน่าจะเป็นอมตะสูงสุด

หลวงพ่อดู่ท่านเล่าว่า “เราก็มาคำนึงว่าของที่ออกไปให้ญาติโยมบูชานี้ต้องให้ดีจริง มิเช่นนั้นจะมีผลเสียกับวัดสะแก”

คือเจตนาของท่านเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของวัดสะแกในฐานะที่หลวงพ่ออาศัยอยู่ที่วัดสะแกด้วย ดังนั้นท่านจึงคิดวิธีที่จะช่วยเหลือพิธีครั้งนี้ ท่านเล่าว่า “ฉันก็ตั้งจิตอธิษฐานให้สายไฟที่ออกไปจากกุฎินี้เป็นสายสิญจน์ เพราะสมัยก่อนกุฎิของฉันเป็นศูนย์รวมจ่ายไฟออกไปยังที่ต่างๆในวัด”

เมื่อพิธีพุทธาภิเษกผ่านไปอีกวันหนึ่ง หลวงปู่สีเดินมาที่หน้ากุฎิหลวงพ่อดู่ แล้วท่านพูดขึ้นว่า “ยวง ไปถามหลวงปู่ทวดทีว่า ใครเอาอะไรไปครอบให้พระของข้า” (ยวงมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงพ่อดู่) หลวงพ่อจึงยกมือขึ้นไหว้หลวงปู่สีแล้วกล่าวขึ้นว่า “หลวงพี่ครับ ผมเองเป็นคนเอาวิมานแก้วพระพุทธเจ้าไปครอบให้”

หลวงปู่สีไม่พูดอะไรแล้วจึงเดินกลับกุฎิ หลวงพ่อดู่บอกว่า “ผู้ที่เขามีความรู้แล้วเขามาเห็นในสิ่งที่เราอธิษฐานลงไป เขาย่อมที่จะมีไหวพริบที่จะศึกษาต่อไป” แสดงว่านักปราชญ์ย่อมที่จะศึกษาจากผู้ที่มีคุณธรรมสูงกว่า และผู้เขียนจึงเรียนถามว่า “หลวงปู่สีได้ศึกษาจากไหนมาศึกษาจากหลวงพ่อหรืออย่างไร” ท่านบอกว่า “ท่านก็ศึกษาจาก(พระ)ที่ท่านอธิษฐานไปให้นั้นเอง” ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่สีได้บอกกับคณะศิษย์ของท่านว่า “ให้ปฎิบัติตามอาจารย์ดู่ เพราะท่านดำเนินมาถูกทางแล้ว รู้วิธีการ” หลวงปู่สีนับเป็นเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อกลั่น

เมื่อพิธีพุทธาภิเษกเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่สี ต้องมาศึกษาพระอีกครั้งหนึ่งว่าการปลุกเสกมีสิ่งใดขาดตกบกพร่องตรงไหนหรือไม่ จะได้พิจารณาแก้ไข เมื่อมาทราบสิ่งที่ท่านเองไม่เคยศึกษามาก่อน จึงเกิดความสงสัย และเพื่อให้แน่ใจยิ่งขึ้น ท่านจึงมาถามที่กุฎิหลวงพ่อโดยตรง แต่มีข้อชวนให้สะกิดใจว่า ทำไมหลวงปู่สี จึงมีความแน่ใจอย่างมากว่าหลวงพ่อเป็นผู้ช่วยทำ คงจะเป็นเพราะบารมีที่ท่านอธิษฐานให้นั้น มีหลวงพ่อดู่อยู่ในวัตถุมงคลด้วยแน่นอน

หลวงพ่อดู่ท่านเล่าต่ออีกว่า “เมื่อบวชมาก็มีหลวงปู่สีกับฉันเท่านั้นที่ภาวนา องค์อื่นๆไม่ได้ทำเวลาฉันจะภาวนาต้องแอบไปทำในโบสถ์กลัวคนจะเห็น ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนมาล้อฉันเลยว่ากำลังทำเสน่ห์อยู่หรือไง สมัยก่อนครูบาอาจารย์ก็หายากเย็น เมื่อเรานำผลการปฎิบัติไปเล่าให้อุปัชฌาย์ฟัง ท่านก็พูดอยู่อย่างเดียวว่า บุญ นิมนต์ทำต่อเถิด” ไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้เลย

ผู้เขียนเลยเรียนถามว่า “สงสัยหลวงปู่กลั่นคงมีอนาคตังสญาณล่วงรู้ล่วงหน้าว่าหลวงพ่อคงจะพบวิธีการปฎิบัติต่อไปในภายภาคหน้าด้วยตัวเองกระมังครับ ท่านเลยไม่สอนอะไรมาก” หลวงพ่อยิ้มแล้วไม่ตอบว่ากระไร

จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผู้เขียนไปนมัสการหลวงพ่อ ท่านได้พูดว่า “หลวงปู่สีท่านเป็นชั้นอาจารย์ ข้าจะไปสอนพระสังฆราชได้อย่างไร ก็ต้องให้หลวงปู่ทวดท่านสอน แต่เป็นการสอนทางใน คนที่เขาเก่งเมื่อเขารู้ว่ายังมีการปฎิบัติที่สูงกว่านี้ ท่านก็ศึกษาจากพระที่ท่านทำ ถ้าคนเราลองมีทิฐิว่าข้าแน่ ก็จะไม่เจอของดี”

ในสมัยที่หลวงปู่สีท่านยังมีชีวิตอยู่ ในแต่ละปีก่อนเข้าพรรษาหลวงปู่ท่านจะไปทำวัตร คือการไปถวายเครื่องสักการะบูชา จวบจนกระทั่งหลวงปู่มรณภาพ ซึ่งการมรณภาพของท่านก็เป็นไปอย่างอาจหาญ โดยท่านบอกว่า เขาเอาเราแน่แล้ว ว่าแล้วท่านก็นั่งสมาธิดับสังขาร แสดงถึงการปฎิบัติของท่านที่ทำมาโดยตลอด ทำให้ท่านไม่หวาดกลัวกับอันตรายใดๆทั้งสิ้น

จากหนังสือ กายสิทธิ์ 2 โดย อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : TNews
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: