927. เหตุไฉน หลวงปู่มั่นถึงเคยเกิดเป็นหมาขี้เรื้อนถึง 500 ชาติ

เมื่อทรงนิมิตรเห็นท่านสลดสังเวชแม้ท่านจะบำเพ็ญบารมีเพียงใดก็ยังต้องชดใช้ในกฎแห่งกรรม ก่อนเผยปริศนาธรรมแก่สรรพสัตว์ในสังสารวัฎที่ยังคงหลับไหล!?

หลวงปู่ได้พิจารณาถึงภพชาติในอดีต ปรากฏว่า ท่านเคยมีตำแหน่งเสนาบดีเมืองกุรุรัฐ (กรุงเดลฮีในปัจจุบัน)

พระพุทธเจ้าได้ไปแสดงธรรมโปรดชาวกุรุรัฐ พระองค์ทรงแสดงมหาสติปัฏฐานสูตรหลวงปู่ซึ่งเป็นเสนาบดีในชาตินั้นก็ได้เจริญสติปัฏฐาน แล้วยกจิตขึ้นอธิษฐานว่า“ขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นพระองค์เถิด”

ได้ความว่าหลวงปู่ได้ปรารภโพธิญาณมาตั้งแต่บัดนั้นและแต่นั้นเป็นต้นมา องค์ท่านก็ดำรงอยู่ในโพธิสัตว์ธรรมบำเพ็ญพระโพธิญาณมาหลายร้อยชาติ ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านต้องชะงักในการพิจารณาอริยสัจเพื่อทำจิตให้หลุดพ้นได้ต้องสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ไปอีกชั่วกัปชั่วกัลป์ถ้าไม่ปล่อยวางความปรารถนานั้น

หลวงปู่มั่นพิจารณาลำดับการเป็นพระพุทธเจ้าขององค์ท่าน

เมื่อได้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณทำให้หลวงปู่ระลึกถึงชาติภพต่างๆมาพอสมควร เห็นความน่ากลัวของสังสารวัฏและหากปรารถนาจะบรรลุพระนิพพานในชาตินี้ จะต้องละเสียจาก “พระโพธิญาณ” ก่อนที่หลวงปู่มั่นจะตั้งจิตถอนจาก “โพธิญาณ”นั้นท่านพิจารณาก่อนว่าแล้วเมื่อไรจะได้ถึงคิวเป็นพระพุทธเจ้าตามความปรารถนา”

ท่านได้เดินสมาธิเฝ้าย้อนรำลึกในอดีตชาติว่าท่าน เพิ่งจะเริ่มตั้งจิตปรารถนาต่อพุทธภูมิต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าศากยโคดมเท่านั้นเส้นทางบำเพ็ญเพียรเพียงแค่กึ่งพุทธกาล อีกทั้งในอดีตชาติที่ผ่านมาท่านระลึกได้ถึงความยากลำบากของการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎ

ท่านสลดสังเวชแม้ท่านจะบำเพ็ญบารมีเพียงใดยังเคยเกิดเป็นหมาขี้เรื้อนถึง๕๐๐ชาติ ทำให้หลวงปู่มั่นมองดูสรรพสัตว์ในสังสารวัฎที่ยังคงหลับไหลเขาเหล่านั้นยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นไรเมื่อสิ้นชีวิตลงไป

ครั้นหลวงปู่มั่นจะละถอนจาก “โพธิญาณ” ก็ให้สงสารสัตว์เหล่านั้นแต่เมื่อมองดูท่ามกลางสรรพสัตว์ทั่วไตรภพยังมีขบวนพระมหาโพธิสัตว์มีจำนวนมากที่ได้พยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่าเป็นนิตยโพธิสัตว์ (พระโพธิสัตว์ที่จักได้รับการบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต) และยังมีพระโพธิสัตว์อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการพยากรณ์อยู่ในสังสารวัฎ เพื่อบำเพ็ญบารมีช่วยขนสรรพชีวิตให้พ้นทุกข์เมื่อพิจารณาดังนี้หลวงปู่มั่นจึง “อธิษฐานจิต” ละจาก “พระโพธิญาณ”

แต่กระนั้นก็เกิดนิมิตอันน่าหวาดเสียวขึ้นมาอีกว่ามียักษ์ตนหนึ่งจะเข้ามาทำร้าย แต่ไม่สามารถทำร้ายท่านได้จนยักษ์ได้ยอมแพ้ จึงอันตรธานหายไป ในกาลเวลาต่อมาจิตท่านจึงรวมเห็นว่า โลกใบนี้ราบเรียบเตียนแล้ว เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตาเสมอกัน จิตใจของท่านก็ดำเนินเข้าสู่กระแสอริยะมรรคมาแต่ครั้งนั้น

องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จึงนับเป็นพระอริยเจ้าอีกท่านหนึ่งที่เคยปรารถนาพุทธภูมิมาแต่เดิมแล้วมาลาพุทธภูมิในภายหลัง ซึ่งการบรรลุอรหันต์ขององค์ท่านนนั้นก็บรรลุพร้อมคุณธรรมวิเศษ คือ ปฏิสัมภิทานุสรณ์ หย่อนกว่าปฏิสัมภิทาญาณอยู่หน่อยแต่เลิศยอดยิ่งกว่าอภิญญาอย่างยิ่ง จึงสมควรบันทึกประวัติท่านไว้ว่าเป็นหนึ่งในพระสาวกผู้ปรารถนาพุทธภูมิมาแต่เดิม

ข้อมูลจาก หนังสือ : สืบสายพระโพธิญาณ สานปณิธานพระโพธิสัตว์
โดย: ทิพยจักร

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: