1085. อภินิหารพระผงพิมพ์ขุดสระ หลวงปู่ผือก ปัญญาธโร วัดกิ่งแก้ว

เรื่องราวที่หยิบยกมานำเสนอต่อไปจากนี้ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อราว พ.ศ. ๒๕๐๐ เศษ หรือกว่า ๕๐ ปีล่วงมาแล้ว โดยท่านผู้เป็นเจ้าของประสบการณ์นี้ คือ คุณสุวิทย์ สุขะกาลนันท์ หรือ อดีตพระอาจารย์เล็ก ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราษฎร์บำรุง (วัดตาเจี่ย) บางปู จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาท่านได้ลาสิกขาออกมาประกอบสัมมาอาชีพอยู่แถว วัดครุนอก ลุงเล็กเล่าเรื่องราวอันเป็นปฐมบท ที่ทำให้ท่านเกิดความศรัทธา หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว อย่างสุดใจและเริ่มเก็บสะสมพระเครื่องต่าง ๆ ของท่านมาตลอด

ขอเล่าย้อนกลับไปถึงสมัยลุงเล็กยังเป็นพระภิกษุหนุ่ม สมัยนั้นชาวบ้านเขามักเรียกท่านว่า หลวงพี่เล็ก หรือพระอาจารย์เล็ก ในบ่ายวันหนึ่งภายหลังจากปฏิบัติกิจสงฆ์ต่าง ๆ แล้ว หลวงพี่เล็กจะออกเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยต่าง ๆ และดูเสนาสนะภายในวัดอยู่เป็นกิจวัตร เมื่อเดินมาถึงศาลาการเปรียญ (หลังเก่าปัจจุบันลื้อถอนไปแล้ว) หลวงพี่เล็กเดินเข้าไปถึงก็ยืนกวาดสายตาตรวจดูภายในศาลา แล้วสายก็ไปสะดุดอยู่ที่โต๊ะหมู่ซึ่งมีพระพุทธรูปวางเรียงรายอยู่นับสิบองค์ เมื่อเดินเข้าไปสังเกตใกล้ ๆ จึงเห็นว่านอกจากพระพุทธรูปแล้ว ยังเห็นมีแก้วน้ำเก่า ๆ อยู่ใบหนึ่งดูเก่าคร่ำไม่เจริญตา แล้งจึงคิดตำหนิในใจว่า

#หลวงพี่เล็ก : **ใครหนอช่างมาทำให้รกแบบนี้**
แล้วหยิบแก้วขึ้นมาพิจารณาดู เห็นในนั้นมีพระแก้บนเนื้อตะกั่วใส่อยู่จนเกือบเต็ม แต่ส่วนมากเป็นพระที่ชำรุดแตกหัก แต่ในใจท่านก็คิดเห็นว่า

#หลวงพี่เล็ก : **รูปพระพุทธจะมาวางเรี่ยราดกับพื้นเช่นนี้ไม่ได้**
หลวงพี่เล็กจึงหยิบแก้วใส่พระนั้นมาที่กุฏิท่าน แล้วนำขึ้นมาวางไว้บนที่บนโต๊ะหมู่ในกุฏิให้เหมาะสม

เมื่อหลวงพี่เล็กหยิบแก้วใส่พระนั้นขึ้นมานั่งพิจารณาดูดี ๆ จึงเห็นว่า ในแก้วนั้นยังมีพระเนื้อผงสีนวล ๆ รวมอยู่ด้วยองค์หนึ่ง พระนี้มีสภาพสมบูรณ์ดีแต่ไม่ทราบว่าเป็นของวัดใด หลวงพี่เล็กจึงหยิบพระนั้นวางพิงได้กับพระบูชาแล้วก็ไม่ได้สนใจพระองค์นั้นอีกเลย เวลาล่วงเลยผ่านไปนานพอควร ต่อมาได้มีนายล้ง เป็นชาวบ้านบางโฉลง อำเภอบางพลี มาบวชอยู่ที่วัดตาเจี่ย พระล้งรูปนี้เป็นฅนคุยเก่งชอบเฮฮา มักมาพูดคุยกับหลวงพี่เล็กเป็นประจำ วันหนึ่ง พระล้ง เดินมาหาหลวงพี่เล็กที่กุฎิ ชวนคุยเรื่องต่าง ๆ จนมาถึงเรื่องพระเครื่องของขลัง พระล้ง ถามหลวงพี่เล็กว่า

#พระล้ง : **ท่านเล็กชอบพระอะไร ?**

#หลวงพี่เล็ก : **ผมชอบทุกอย่างแต่ผมดูไม่เป็น เป็นรูปพระผมเก็บทั้งนั้น ที่กุฎินี้ก็พอมีบ้าง แต่ที่บ้านผมยังมีอีกมาก ผมยังไม่ได้ไปขนมา**

#พระล้ง ได้ฟังดังนั้นก็ขอชมพระเครื่องต่าง ๆ ของหลวงพี่เล็กที่เก็บไว้ในกุฎิ หลวงพี่เล็กก็ค้นหาพระต่าง ๆ แล้วหยิบส่งให้พระล้งดู ครู่ต่อมา พระล้ง จึงถามขึ้นว่า

#พระล้ง : **ท่านหยิบพระมาหมดหรือยัง ?**

#หลวงพี่เล็ก : **เหลืออยู่หน่อยหนึ่งผมพึ่งได้มา**
พูดจบ หลวงพี่เล็ก ก็เอื้อมหยิบแก้วใส่พระแก้บนเนื้อตะกั่วที่โต๊ะหมู่ส่งให้ดู พระล้ง รับมามองดูแล้วก็ส่งคืนแบบไม่สนใจ แล้วก็ชวนคุยเรื่องพระเครื่องของขลัง เรื่องหลวงพ่อองค์โน้นองค์นี้ไปเรื่อย โดยก่อนที่ พระล้ง จะเดินกลับไป ได้พูดทิ้งท้ายว่า

#พระล้ง : **ที่บ้านผมที่บางโฉลงมีพระเครื่องมากมายหลายหลวงพ่อ พระกรุก็มี พระสมเด็จก็เยอะแยะ วันไหนว่าง ๆ ผมนิมนต์หลวงพี่ไปฉันเพลที่บ้าน ผมจะได้นำพระของผมออกมาให้ชมบ้าง หากท่านชอบอะไรเผื่อจะได้แลกกันไปบูชาบ้าง**

#หลวงพี่เล็ก : **เอ่อ.. ท่านล้ง แล้ววันนี้ท่านชอบพระองค์ไหนของผมล่ะ**

#พระล้ง : **เอาอย่างนี้ท่านเล็ก ท่านไปดูพระที่บ้านผมก่อน หากท่านดูแล้วนึกชอบองค์ไหนเราค่อยมาคุยกันก็ได้**

ผ่านไปราว ๓-๔ วัน พระล้ง จึงได้ชักชวน หลวงพี่เล็ก ไปที่บ้านของตนที่บางโฉลง เมื่อฉันเพลเสร็จแล้ว พระล้ง ได้ขึ้นไปค้นหยิบเอาพระเครื่องต่าง ๆ มาให้ดู เป็นจริงอย่างที่ท่านพูดไว้ พระเครื่องของขลังของ พระล้ง ท่านมีมากจริง ๆ ดูไปคุยไปเป็นที่เพลิดเพลิน หยิบดูมาดูไป หลวงพี่เล็ก นึกชอบพระสมเด็จปรกโพธิ์องค์หนึ่งเห็นเนื้อหาเก่าดี ด้านหลังเป็นยันต์ตรีนิสิงเห หลวงพี่เล็ก จึงถามว่าเป็นพระของวัดใด พระล้ง ตอบว่า

#พระล้ง : **เป็นพระเก่าแก่สมัย ร.๖ เรียกว่า สมเด็จมฤคทายวัน พิมพ์ปรกโพธิ์ของวัดมฤคทายวัน จังหวัดประจวบ ฯ ความจริงพระนี้เป็นของเก่าที่บ้านผม ๆ รักและหวงมาก เพราะมีประสบการณ์ทางเมตตาแล้วแคล้วคลาดมากับตัวเองหลายครั้ง แต่หากว่าท่านเล็กชอบผมก็ยินดีให้ท่านไปบูชาก่อน เมื่อกลับไปถึงวัดแล้วเราค่อยว่ากันก็ได้**
พระล้ง พูดแบบนักเลงดูจริงใจน่าเชื่อว่าท่านยอมตัดใจ มอบของดีให้ หลวงพี่เล็ก ไปบูชาสมใจ หลวงพี่เล็ก นึกชมน้ำใจว่า พระล้ง นี้ใจคอกว้างขวางและใจจริง เมื่อนั่งคุยกันเวลาพอควรแล้วจากนั้นทั้งสองจึงลาญาติโยมกลับวัดด้วยกัน

เมื่อถึงวัดแล้ว หลวงพี่เล็ก ที่นึกถึงน้ำใจ พระล้ง จึงเอ่ยปากกับ พระล้ง ทันทีเมื่อถึงวัดว่า

#หลวงพี่เล็ก : **ท่านล้ง ชอบพระของผมองค์ไหนบอกมาได้เลย ท่านไม่ต้องเกรงใจบอกมาได้เลย**
พระล้ง ได้ฟังดังนี้สีหน้าก็เปลี่ยนออกอาการดีใจจนเห็นชัด รีบตอบกลับในทันทีว่า

#พระล้ง : **ผมชอบพระองค์เล็ก ๆ ที่ท่านเล็กวางพิงไว้ที่ฐานพระบูชาที่โต๊ะหมู่ท่านองค์นั้น หาก ท่านเล็ก ตกลงเรามาแลกกันองค์ต่อองค์ผมไม่เอาเปรียบท่าน**

#หลวงพี่เล็ก : **ได้สิถ้าหากท่าอยากได้ผมก็ต้องให้ท่าน**
ท่านเล็กกล่าวตอบตกลงแสดงน้ำใจไมตรีต่อ พระล้ง ในทันที เพราะซาบซึ้งในน้ำใจของ พระล้ง อีกอย่างตัวท่านก็ไม่ทราบว่าพระองค์นั้นเป็นพระอะไร จึงเดินไปหยิบพระองค์นั้นส่งให้ พระล้ง ไปในวันนั้น

เวลาต่อมา พระล้ง ก็ได้ลาสิกขาไป เวลาผ่านมานานพอควร วันหนึ่ง หลวงพี่เล็ก ไปทำธุระที่ตลาดปากน้ำ เดินผ่านกลุ่มเซียนพระที่กำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ ใจคิดสนใจปนสังหรณ์ในใจลึก ๆ พิกล จึงเดินเข้าไปดูแล้วพูดคุยสอบกับชายกลุ่มนั้น ในใจคิดว่าเผื่อได้พระอะไรดี ๆ ที่รู้จักหรือเคยผ่านตาบ้าง เมื่อมองไปก็ได้เจอพระที่คุ้นตาจริง ๆ ก็พระเนื้อผงที่ท่านเคยให้ พระล้ง ไปนั่นล่ะ เมื่อมองดูใกล้ ๆ เห็นรูปแบบพิมพ์ทรงก็มั่นใจ ในใจนึกอยากรู้ทันทีว่าพระนี้เป็นของวัดใด และหลวงพ่อองค์ไหนสร้างเอาไว้ จึงถามเซียนพระฅนหนึ่งที่พอคุ้นเคยในที่นั้นชื่อ **ตี๋ หน้าบาก** เป็นเซียนใหญ่ฅนหนึ่งของเมืองปากน้ำสมัยนั้น (ปัจจุบันเสียชิตแล้วด้วยโรคหัวใจ) หลวงพี่เล็ก ถามด้วยความสนใจว่า

#หลวงพี่เล็ก : **โยมรบกวนถามหน่อยสิ พระองค์นี้เขาเรียกว่าพระอะไร ของหลวงพ่อใดสร้างไว้**

#ตี๋หน้าบาก : **อ๋อ.. พระนี้เขาเรียกว่า พระพิมพ์ขุดสระใหญ่ เป็นพระเครื่องรุ่นแรกของ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ตอนนี้กำลังดังมาก ๆ ท่านมีไหมหากมีผมรับซื้อ**
หลวงพี่เล็กได้ฟังคำตอบถึงกับหน้าชาแขนขาอ่อน นึกไม่ออกเลยว่าตนจะเสียท่าเขาซะแล้ว เพราะตัวเองเป็นลูกหลานชาวปากน้ำโดยกำเนิด รับรู้กิตติคุณ หลวงปู่เผือก มาแต่เล็ก ๆ ไม่รู้ว่าจะมาพลาดเสียของดีของท่านไปให้ฅนอื่นเขาไปเสียได้ นึกในใจว่า **เราเสียรู้เขาเข้าแล้ว** ยืนทำใจอยู่พักใหญ่พอคลายความเสียดายได้บ้างแล้ว จึงถามเซียน ตี๋ หน้าบาก ฅนเดิมอีกครั้งว่า

#หลวงพี่เล็ก : **โยมพระแบบนี้ท่านราคาองค์ละเท่าไร พอจะหาพระแบบนี้ให้อาตมาสักองค์ได้ไหม ?**

#ตี๋หน้าบาก : **เวลานี้องค์หนึ่งก็ต้องมีราคาสองร้อยห้าสิบละครับ (ราคาสมัยนั้น)**
เวลานั้นทองบาทหนึ่งราวสามร้อยกว่าบาท พอรู้ว่าพระนี้ราคาสูงเช่นนี้ หลวงพี่เล็ก ยิ่งช้ำใจขนาดหนัก ที่ทำใจได้เมื่อครู่กลายเป็นความเสียดาย และโทษตนเองว่าเสียรู้เขา ดันเอาของดีให้ฅนอื่นไปเสียได้ นึกในใจว่าเวลานั้นกว่าตนจะเก็บปัจจัยจากที่ไปสวดมนต์ งานหนึ่ง ๆ ได้ห้าบาทสิบบาท แล้วเมื่อไรจะเก็บเงินได้พอบูชาพระนี้ได้ อย่างไรคงต้องตัดใจเสียดีกว่า นึกทำใจได้ก็บอกลาเซียนพระกลุ่มนั้นกลับวัด

เย็นวันนั้นเมื่อกลับถึงกุฎิและด้วยความที่ยังนึกผูกใจถึงเรื่องพระของหลวงปู่เผือก จึงได้จุดธูปเทียนอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธที่โต๊ะหมู่ในกุฏิ ตั้งจิตนึกถึง หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ว่า

#หลวงพี่เล็ก : **แม้นว่าตัวข้าพเจ้าพอมีบุญบารมีจะได้พระเครื่อง พิมพ์ขุดสระใหญ่ ของหลวงปู่เผือกมาไว้บูชาสักองค์หนึ่ง ก็ขอให้ได้พระของท่านพิมพ์นี้อีกภายในสามวันด้วยเถิด คราวนี้หากได้จริงจะรักษาไว้ไปตลอดจนหมดอายุขัย**

อีกสองวันต่อมา ทิดล้ง ที่ได้พระไปก็บังเอิญมาเยี่ยม หลวงพี่เล็ก ที่วัดตาเจี่ย เมื่อพบท่านเล็กดีใจว่า จู่ จู่ ทิดล้ง มาเยี่ยมหาท่าน จึงเอ่ยปากถามถึงพระที่แลกกันไปองค์นั้น ว่าเวลานี้ท่านอยากจะแลกเอาพระองค์นั้นคืน ทิดล้ง ได้ฟังก็ตอบว่า

#ทิดล้ง : **พระที่ผมแลกกับท่านไปนั้น เมื่อผมกลับบ้านไปก็นำใส่พานรองด้วยสำลีอย่างดี แต่มาวันนี้ก่อนจะออกจากบ้าน ผมเข้าไปไหว้พระมองดูเห็นพระองค์นี้หายไปจากพาน จู่ จู่ พระก็หายไป ไม่รู้ไปทางไหนเมื่อใดก็สุดคาดเดา ผมจึงนึกถึงท่านรีบมาที่วัดว่ามีเหตุใด เพราะนึกถึงท่านขึ้นมาด้วยเหตุผลนี้**
หลวงพี่เล็ก ได้ฟังดังนี้ จิตใจที่ชุ่มชื่นใจมีหวังเมื่อครู่ก็ห่อเหี่ยวทันที ความหวังพังทลายลงทันที ว่าแล้วจากนี้จะไปหาได้จากที่ไหน ชาตินี้คงสิ้นหวังได้ครอบครองบูชา ชะรอยว่าบุญวาสนาชาตินี้คงมีไม่ถึง

ในคืนนั้น หลวงพี่เล็ก กลับเข้ากุฎิ จุดธูปเทียนบูชาพระสวดมนต์ภาวนาตามปกติ เสร็จแล้วขอพรจากหลวงปู่เผือกอีกครั้ง ใจยังคงนึกถึงพระองค์เดิมนั้นตลอดเวลา สายตาก็เหลือบไปเห็นแก้วใส่พระแก้บนใบเดิม นึกอย่างไรไม่ทราบใจคิดอยากหยิบขึ้นมาดู พอเทพระแก้บนเนื้อตะกั่วแตกหักออกจากแก้ว พลันก็เห็นพระพิมพ์ขุดสระใหญ่องค์เดิมที่แลกกับ ทิดล้ง ไปองค์นั้น ที่เมื่อกลางวัน ทิดล้ง มาบอกว่าพระนั้นหายไปจากหิ้งบูชาของเขา แต่นัดนี้พระองค์เดิมเดียวกันนั้น ท่านได้กลับคืนมาอยู่ที่แก้วใบเดิมนี้ได้อย่างไร ?

เมื่อหยิบขึ้นมาพิจารณาดูอย่างไรพระองค์เดิม ทั้งรอยคราบตำหนิต่าง ๆ เหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีเหตุผลใดมาอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้ หลวงพี่เล็ก ดีใจอย่างที่สุดปีติน้ำตาไหลขนลุกชันพูดอะไรไม่ออก รุ่งขึ้นหลวงพี่เล็กรีบนำพระองค์นี้ไปเข้ากรอบ นำมาเหน็บติดตัวไม่ห่างจนเมื่อลาสิกขาแล้วก็นำไปเลี่ยมทอง และแขวนบูชากับตัวมาตลอดไม่เคยห่างกายตามคำอธิษฐาน ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่ ลุงเล็ก หรือ อดีตหลวงพี่เล็กเคยเล่าไว้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีใครตอบได้ เพราะความศรัทธากับความอัศจรรย์ทั้งหลาย บางครั้งก็หาคำใดมาตอบหรือหาเหตุผลใดมายืนยันจัดแจงได้ สวัสดี..

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ฅนขลัง คลังวิชา
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : ท่าพระจันทร์
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: