881. หลวงปู่ทอง เสกกะลาครอบวัว

ตำนานเล่าขาน ฤทธิ์อภิญญาหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา (วัดลาดบัวขาว) พระเถราจารย์ผู้มีตบะบารมีแก่กล้า กิตติคุณความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทอง เป็นที่เล่าขานกันมาช้านาน วันนี้ “ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญาครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม” จะขอนำเอาเรื่องเล่าขานถึงฤทธิ์อภิญญาของหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา มาเล่าสู้กันฟัง……(อ่านจบแล้ว…อย่าลืมแชร์ต่อด้วยครับ…เพื่อให้กำลังใจทีมงาน…และที่สำคัญ คือ เพื่อเผยแผ่บารมีของหลวงปู่ ซึ่งท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้ทรงฤทธิ์อภิญญาแก่กล้า ยากที่จะหาผู้ทัดเทียม จัดได้ว่า “ เป็นราชสีห์ท่ามกลางหมู่เสือ” ที่ให้สมญานามอย่างนั้น ก็เพราะว่า วัดราชโยธา นั้นแต่ก่อน คือในยุคของหลวงปู่ท่านเป็นสมภารเจ้าอาวาส เป็นวัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางกลุ่มหมู่บ้านชาวมุสลิม คือ มีบ้านชาวมุสลิมอยู่ล้อมรอบวัด (พูดให้เขาใจง่ายๆ คือ ถ้าไม่แน่จริง ไม่เก่งจริง!! อยู่ยากแน่นอน !!) นี้แหละครับ “ราชสีห์ท่ามกลางหมู่เสือ”

เข้าเรื่องเลยแล้วกัน….วันนี้ “ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญาฯ” จะมาเล่าเรื่อง ( หลวงปู่ทอง เสกกะลาครอบวัว!! เพื่อสั่งสอนชาวมุสลิม ) แต่ก่อนนั้น รอบๆๆ วัดราชโยธา เป็นทุ่งนา เหมือนวัดตามบ้านนอกในปัจจุบัน คือวัดอยู่ติดกับทุ่งนา อะไรประมาณนั้น !

ชาวมุสลิมที่มีบ้านอยู่ใกล้ละแวกวัด พอตื่นเช้ามาก็ปล่อยวัวควยของตนออกไปหากิน ตามทองทุ่ง แต่ก็มีวัวควายหลายสิบตัว เข้ามาหากินหญ้าภายในวัด กินแล้วก็ขี้เยี่ยวตามประสาสัตว์ นานวันเข้า ตามลานวัดราชโยธา ก็มีแต่ขี้วัวขี้ควายของชาวบ้าน

หลวงปู่ทอง ท่านก็ทราบเรื่องดี แต่ด้วยเมตตาธรรม และเพื่อความสามัคคีของผู้คนถึงแม้จะอยู่ต่างศาสนากัน ท่านก็ทนดูอยู่หลายวัน จนขี้วัวขี้ควายเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะวัวควายมันเข้ามาภายในวัดทุกวันๆ แรกๆท่านก็มีว่ากล่าวตักเตือน เจ้าของวัวควายไปบ้าง โดยท่านบอกว่า

“ วัดเป็นศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ของชาวพุทธ จึง ไม่อยากให้นำวัวควายเข้ามาหากิน และปล่อยให้มันขี้เยี่ยวภายในวัด “

แต่คำกล่าวตักเตือนของหลวงปู่ทองก็หาได้เป็นผลไม่ !! เขาเหล่านั้นก็ยังปล่อยให้วัวควายของตนเข้ามากินหญ้าภายในวัดดังเดิม จนมีอยู่วันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาปล่อยวัวควายออกจากคอก ชาวบ้านก็ปล่อยวัวควายเข้ามาหากินหญ้าภายในวัดตามเดิม แล้วพวกตนก็พากันกลับเข้าบ้าน พอตกเย็นได้เวลาต้อนเอาวัวควายเข้าคอก ชาวบ้านก็มุ่งหน้ามาวัด ตามปกติเช่นทุกวัน

แต่เรื่องที่ต้องทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นตกใจ!! คือ ฝูงวัวควายของตนหายไปจากลานวัด ต่างก็พากันเดินเที่ยวหาจนรอบทั้งภายในวัดและนอกวัด ตามท้องทุ่งนา ไม่ว่าจะหาอย่างไรก็หาไม่เจอ!! ต่างพากันร้อนใจ จึงพากันเข้าไปหาหลวงปู่ทองที่กุฏิของท่าน แล้วถามหาวัวควายของตน “ว่าไปไหน หลวงปู่เห็นรึเปล่า

“หลวงปู่ทอง ท่านก็เอ๋ยขึ้นว่า เห็น ! แต่ต้องรับปากก่อนว่า ต่อไปนี้จะไม่นำวัวควายเข้ามาหากินและปล่อยให้มันขี้เยี่ยวภายในวัด เพราะมันไม่สมควร วัดเป็นพุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์ “

ชาวบ้าน ก็รีบรับปากทันที “ ครับผมๆ “ เพราะอยากเจอวัวควายของตน
หลวงปู่ทองท่านก็เลยบอกว่า “ลงกฏิไปแล้ว พวกโยมไปเปิดกะลาที่ใต้ถุนดู”

พวกชาวบ้าน ก็พากันรีบลงจากกุฏิ แล้วเปิดกะลาตามที่หลวงปู่ทองบอก และก็ตะโกนขึ้นไปบอกหลวงปู่ว่า ไม่เห็นจะมีวัวควายเลยครับ
เสียงจากหลวงปู่ทองตอบกลับมาว่า เห็นสิ! จะไม่เห็นได้ยังไง !! มองไปที่ทุ่งนาโน้น !! ( เป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง วัวควายนับสิบตัวก็เดินกินหญ้าอยู่ตามที่หลวงปู่ท่านตะโกนบอก ) นี้แห่ละฤทธิ์อภิญญาอันแก่กล้าของพระผู้ทรงคุณวิเศษ หลังจากที่ชาวบ้านเจอวัวของตนแล้ว ต่างก็อัศจรรย์ใจ และยำเกรงในตบะบารมีของหลวงปู่ทอง พากันเก็บกวาดขี้วัวขี้ควายภายในวัดราชโยธาจนหมดเกลี้ยง แล้วนำวัวควายของตนกลับเข้าหมู่บ้าน นับแต่นั้นมา ก็ไม่มีใครกล้านำวัวควายเข้าไปเลี้ยงภายในวัดราชโยธาอีกเลย

เรื่องหลวงปู่ทอง เสกกะลาครอบวัว แพร่สะพัดไปในหมู่ชาวมุสลิม ชาวบ้านต่างยำเกรงในหลวงปู่ทองมาก หลายคนก็เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน ถึงขนาดพอวัดมีการมีงานก็มาช่วยขวนขวายทำความสะอาด หลวงปู่ทองท่านก็มีเมตตาถึงแม้จะต่างศาสนา แต่ท่านก็ต้อนรับด้วยความไมตรีจิต และเรื่องเล่ากิตติคุณความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทองวัดราชโยธา กับชาวมุสลิมนั้นมีมากมาย อย่างเรื่องหลวงปู่ทอง รักษาชาวมุสลิมโดยคุณไสย์มนต์ดำ เป็นต้น ชาวมุสลิมในละแวกนั้นจึงรักและย่ำเกรงในตบะบารมีของหลวงปู่ทองท่านมาก ฯ วันนี้ “ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญาครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม” เล่ามาพอสมควร เอาไว้วันหน้าจะนำเรื่องราวกิตติคุณความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทองมาเล่าสู่กันฟังต่อ

ขอบคุณขอมูลดีๆจาก : ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม
รูปภาพจาก TNews
แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: