1175. เรื่องเทวดาพาไปกราบศพพระมหากัสสปเถระ จากหลวงปู่จาม

หลวงปู่จาม เล่าเรื่องเทวดาพาไปกราบศพพระมหากัสสปเถระ ที่ตั้งในป่าหิมพาน หลวงปู่ตื้อ ก็ยืนยันว่าได้เคยไปสถานที่นั้นในญาณบารมี

เมื่อขึ้นไปอยู่ริมน้ำแม่งัด บ้านช่อแล ได้ ๔ – ๕ ปี แต่อยู่บ้านแม่แตง วันหนึ่งนึกถึงตาผ้าขาวสุกว่า เอ ตาเฒ่านี้จะไปเกิดที่ไหนแล้วหนอ เดี๋ยวนี้ พอเรานึกได้เท่านั้น ก็มีเทวดา ๒ ตนผู้ชายหนุ่มน้อยอายุ ๑๘ – ๑๙ ปี นั่งเครื่องยนต์รูปร่างคล้ายกับเรือสุพรรณหงส์มารับ นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าเถอะ จะพาไปหาตาผ้าขาวสุก อยู่ป่าหิมพานต์ จะไปนานไหม จะได้เอาผ้าครองไปด้วย ไม่นานหรอก ตี ๔ ก็กลับมาแล้วครับ เอ้า ไปก็ไป พอเราพูดอย่างนี้ กายก็นั่งอยู่ ใจก็เดินขึ้นยนต์สุพรรณหงส์ จากนั้นก็ลอยไปตามอากาศ ช้าก็ได้เร็วก็ได้เหมือนกับคนเขาขับรถ แต่ยนต์นี้ไม่ต้องขับไปได้เองตามอานุภาพของบุญ ลอยไปผ่านไปแม่ฮ่องสอน เข้าเขตพม่า เลยพม่าเข้าแคชเมียร์ เข้าเขตภูเขาหิมะ เครื่องยนต์นั้นก็ลอยต่ำลงสูงกว่าปลายไม้นิดหน่อย เมื่อเข้าใกล้ที่อยู่ของพ่อขาวสุกแล้วก็ลงจอดยนต์ไว้ เดินเท้าเข้าไป มีหมู่เทวดามาต้อนรับ แล้วเดินกันเป็นกระบวนไป ลึกเข้าไปอีกก็มีพวกสัตว์ป่าหิมพานต์ รูปร่างเป็นตัวสัตว์ต่างๆ มาต้อนรับ สัตว์ที่เหมือนกับในเมืองมนุษย์ก็มี เช่น หมูป่า กวาง เก้ง เสือ ช้าง หมี ๔ เท้า ๒ เท้า เลื้อยคลานมีหมดสัตว์ที่รูปร่างเหมือนกับรูปที่เขาเขียนว่า สัตว์หิมพานต์ อย่างนั้นก็มีอยู่มาก ต่างก็มาชื่นชมยินดีต้อนรับเป็นหมู่เป็นคณะ

ทำไม สัตว์ป่าทั้งหลายที่แถบนี้จึงมีมาก ผู้ข้าฯ ถามเทวดา
โอ พระผู้เป็นเจ้า ก็แถบถิ่นนี้ อยู่ในวงล้อมของภูเขา ๓ ลูกในนี้นั้นใต้ภูเขา ลูกกลางนี้เป็นที่ประดิษฐานพระศพของพระมหากัสสปเถรเจ้า หมู่หิมพานต์เหล่านี้ก็มากราบไหว้ ทำความยินดีต่อพระเถรเจ้า แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปกรายใกล้ได้ เพราะมีเทพเจ้าผู้ศักดิ์ใหญ่ทั้งหลายรักษาไว้อยู่ หมู่หิมพานต์ทั้งหลายก็อาศัยกระทำความยินดีนี้เองแหละที่เป็นบุญเป็นกุศลมหาศาลของตนได้

ผู้ข้าฯ รู้ทิศทางที่เขาชี้ให้ดูว่า ศพของพระมหากัสสปเถรเจ้าอยู่ทางนั้นตรงนั้น ก็ยกมือไหว้ ยืนวันทาอยู่ว่า นะโม ๓ จบ อิติปิโสฯ สฺวากฺขาโตฯ สุปฏิปนฺโนฯ แล้วก็อุกาสะฯ ไหว้พระธาตุ เจริญเมตตาไหว้จบแล้วหมู่เทวดา หมู่สัตว์ที่แห่ล้อมอยู่นั้นสร้องสาธุการ สนั่นป่า ว่า สาธุ ๓ ครั้ง

จึงถามเขาว่า ตาผ้าขาวสุกล่ะ อยู่ทางไหน

เทวดา ๒ ตนที่พาไปนั้นจึงว่า อยู่ทางนี้เดินจากนี้ไปไม่ไกลหรอกประมาณ ๑ เส้น ขอพระผู้เป็นเจ้า ไปคนเดียวเถิด พวกผมจะรออยู่ตรงนี้ เราก็เดินไปคนเดียว ไปเห็นต้นไม้มุ่นต้นใหญ่ต้นหนึ่งสูง กิ่งก้านสาขาเหมือนกับเวลาเรากางกลดออก อยู่ใกล้ๆ โคนต้น เห็นผู้หญิงสาว ๔ คน

สูเจ้ามาอยู่ทำอะไรตรงนี้
โอ้ พระผู้เป็นเจ้า มาธุระอันใดหนอ
มาหาตาพ่อขาวสุก คนเฒ่าอยู่ไหน
อยู่ในโพรงไม้ตรงใต้คาคบลงมานั่นแหละท่านพระผู้เป็นเจ้า เสวยวิบากเป็นบ่างใหญ่อยู่
แล้วสูเจ้าหล่ะมาอยู่ทำไมตรงนี้
โอ้ มารักษาพ่อผ้าขาวนี้แหละ เมื่อพ้นจากวิบากตรงนี้แล้วจะได้ออกไปเกิดในเมืองมนุษย์ แล้วจะได้เป็นผัวเมียกัน ทำความดีต่อไปได้
เดี๋ยวนี้สูเจ้าเป็นภูมิใด
เวนิมานกเปรต กลางวันเป็นผี กลางคืนเป็นเทวดา

เรารู้เท่านั้นแล้วก็ลาเขากลับออกมา ไหว้วันทาไปทางศพพระมหากัสสปเถระนั้นอีก เสร็จแล้วก็ลาพวกเทวดาและพวกหิมพานต์สัตว์เหล่านั้น เทวดาสองตนนั้นก็บันดาลเอายนต์เหาะคันเก่านั้นมารับ ยนต์เหาะก็ลงจอด เทวดาสองตนก็กราบไหว้ลาไป ตัวเราก็มองร่างกายที่นั่งอยู่ มองดูนาฬิกาพกตั้งไว้ก็ตี ๐๔.๐๐ น. พอดี เดินเข้าสวมรูปกายรู้สึกตัวก็ดูนาฬิกาก็ตี ๐๔.๐๐ น. เหมือนกับในนิมิต เป็นเรื่องแปลกมาก หากไม่ประสบด้วยตนเองก็คงไม่เชื่อ แต่ตนของตนก็เชื่อความมีกำลังของจิตที่ฝึกฝนมานานหลายภพหลายชาติ ไม่สงสัยไม่อวดตัว

เอานิมิตเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านอาจารย์ตื้อฟัง เพิ่นก็ว่า
“ผู้ข้าฯ ก็ไปมาแล้วล่ะ ท่านจามเอ๊ย ไปกราบไหว้มาแล้ว ที่ตั้งศพพระมหากัสสปเถระ วงนอกภูเขา ๗ ลูกต่อๆ กันเป็นวงภูเขา วงในมีภูเขา ๓ ลูกซ้อนเหลื่อมกัน อยู่ตรงกลางลึกใต้พื้นภูเขา ๓ ลูกนั้นแหละที่ศพพระมหากัสสปเถระตั้งอยู่ หันหัวไปตะวันออก เอาเท้าไปตะวันตก มีเทพยักษ์รักษาอยู่นอกด่าน ๑ ด่านสอง พวกเทวดากับพวกนาค ด่านสุดท้ายเป็นพวกเทพครุฑ รักษาอยู่อย่างใกล้ชิด เขาจะรักษาไว้จนกว่าศาสนายุคของพระศรีอาริย์จะมาตรัสเป็นพุทธะเจ้า แล้วเตโชธาตุของท่านจะเผาคราบของท่านเอง เรื่องพวกเทวดา พวกสัตว์ป่าหิมพานต์นั้น ท่านอาจารย์ตื้อก็ว่าอย่างที่เราไปเห็นมาแล้ว หากไม่มีพยานกับท่านอาจารย์ตื้อ ผู้ข้าฯ ก็จะไม่เล่าให้ฟังหรอก น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก แปลกแท้ๆ ในโลก

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : พระอรหันต์สายหลวงปู่มั่น
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : Nananaru
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: