845. ตำนานอาถรรพ์พระกระดูกผี วัดโพธิ์

อาถรรพ์พระกระดูกผี วัดโพธิ์
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ครูบาอาจารย์ต่างร่วมแรงร่วมใจช่วยบ้านเมือง แม้นช่วยทางตรงไม่ได้ก็ช่วยทางอ้อม โดยสร้างเครื่องรางของขลังแจกจ่ายแก่ทหารหาญและญาติโยมทั่วไป แทบทุกหัวระแหงสมัยนั้นได้รับผลจากภัยสงครามด้วยกันทั้งสิ้น ในพระนครมีพระเถราจารย์หลายรูปสร้างของขลังแจกทั่วไป เพื่อเป็นกำลังใจในยามคับขันเดือดร้อน สมัยนั้นครูบาอาจารย์เก่ง ๆ ยังมีมาก แต่ละท่านต่างมีความรอบรู้ในวิชาการต่างกันไป แต่มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งสร้างพระเครื่องในรู้แบบที่ไม่เหมือนใคร ท่านมีนามว่าพระอาจารย์หนู หรือขรัวตาหนู วัดโพธิ์ พระนคร ทราบว่าพื้นเพเป็นชาวเขมรจาริกธุดงค์มาจากที่อื่น มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดโพธิ์ เล่ากันว่าท่านมาพักรักษาตัวอยู่ที่วัดโพธิ์แห่งนี้ ช่วงก่อนเกิดสงครามผู้ฅนต่างรู้จักว่าท่านเป็นพระหมอดู ด้วยท่านดูฤกษ์ยามและข้าวของหายได้ ทั้งทำนายทายทักได้แม่นยำนัก

ผู้ฅนสมัยนั้นว่าท่านชอบสะสมว่านต้นยา โดยรอบกุฏิของท่านเห็นมีต้นว่าน ต้นยา ปลูกไว้มากมาย ทั้งหมดเป็นต้นว่านที่ท่านสะสมมาแต่ครั้งธุดงค์ ชาวบ้านเห็นท่านชอบ ใครมาหาท่านก็มักนำต้นว่าน ต้นยา ติดมือมาฝากท่านเสมอ หากใครต้องการต้นยา ต้นว่านใดขาดเหลือหาไม่ได้ ไปที่กุฏิขรัวตาหนูไม่รับรองผิดหวัง ฅนแถววัดโพธิ์สมัยนั้นพูดกันติดปากว่า **เรื่องว่านต้องขรัวตาหนู** จนเมื่อถึงคราวศึกสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขรัวตาหนูได้สร้างพระเครื่องเจือคุณผีขึ้นมา ด้วยท่านเห็นว่าเวลามีผู้ฅนล้มตายเป็นจำนวนมาก วิญญาณบางดวงยังไม่ถึงที่ตายก็มีมาก เรียกว่าตายก่อนกำหนดด้วยกรรมตัดรอน วิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ทันที ด้วยยังไม่ถึงกำหนดเวลาหมดอายุขัยจริง วิญญาณบางดวงยังมีความโกรธแค้นดุดัน บ้างไปเข้าสิงผู้ฅนสร้างดวามเดือดร้อนซ้ำซ้อนอีก

เมื่อเขามานิมนต์ขรัวตาหนูไปปราบ ท่านได้เรียกวิญญาณนั้นกลับมาอยู่ที่กุฏิท่าน ให้มาเฝ้าวัดเฝ้ากุฏิสิงอยู่ท่านได้แผ่กุศลให้ไป ภายหลังมากรายเข้าเพราะฅนต่างกันมากตายทุกวัน ด้วยความรอบรู้แตกฉานของขรัวตาหนูจึงใช้วิธี **หนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง** เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงต้องรบราฆ่าฟัน ท่านเห็นว่าพึงคุณผีนี้ก็เร็วแรงดี ทั้งเป็นการให้วิญญาณที่ท่านเลี้ยงไว้มากมายเหล่านี้ กับพวกที่ตายกันมากมายในเวลานั้น ดึงวิญญาณเหล่านั้นให้ได้สร้างกุศล ช่วยผู้ฅนอีกทาง หนึ่งท่านจึงคิดนำเอาผงเถ้ากระดูกผี ที่โดยมากเป็นผีตายโหงจากภัยสงคราม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผีไม่มีญาติตายกันมาก บ้างร่างแหลกเพราะแรงระเบิดจนจำไม่ได้ว่าเป็นใคร ท่านนำเถ่กระดูมาผสมกับว่านยาของอาถรรพ์

ว่านบางชนิดที่ท่านได้มาในสมัยธุดงค์เป็นว่านมีฤทธิ์ในตัว แต่มีอาถรรพ์สูงไม่อาจปลูกในเมืองในวัด เช่น ว่านโพรง บ้างเรียกว่านกระสือ ว่านชนิดนี้วันดีคืนดีจะส่องแสงวูบวาบ เห็นเป็นแสงสีเขียวอมเหลืองเรือง ๆ คล้ายแสงของผีกระสือ ซึ่งเกิดจากภูติที่สิงอยู่ในหัวว่าน บ้างว่านเป็นวิญญาณของพวกที่เรียนวิชาสมัยโบราณ แล้วทำผิดครูจนเข้าตัววิญญาณต้องอาถรรพ์ไม่อาจไปผุดเกิดได้ จึงต้องมาสิงในหัวว่านนี้พวกเขมรเรียกว่า **คะลำ** จัดเป็นวิญญาณประเภทหนึ่งที่มีฤทธิ์ เพราะเป็นผู้ที่เคยเรียนรู้วิชาอาคมมาก่อน ทำให้ว่านนี้มีจิตวิญญาณสิงจึงชอบกินของสดของคาว สังเกตว่าว่านชนิดนี้อยู่ที่ใดตกกลางคืนจะแลเห็นแสงก็หมายตาไว้ พอกลางวันเดินดูจะเห็นซากสัตว์ตายอยู่รอบกอว่าน เมื่อขรัวตาหนูสร้างพระเครื่องท่านจึงรวบรวมว่านยาและผงเถ้ากระดูกผีขี้เถ้ากองฟอน รวบรวมมาสร้างพระเครื่องแจกจ่ายแก่ญาติโยม

เขียน / เรียบเรียง โดย : ฅนขลัง คลังวิชา
รูปภาพจาก: นิตยสารพระท่าพระจันทร์

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: