6192. สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก จากสถานที่ปฏิบัติธรรม สู่..สถานที่บำบัดผู้ติดยาเสพติด

“ถ้าใจเราพร้อม จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” กุศโลบายจากสัจจะสาบานที่ผู้ติดยาทุกคนจะต้องตระหนักและบังคับใจเมื่อตัดสินใจเข้ามาบำบัดที่ “วัดถ้ำกระบอก” หรือสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกในอดีต เพราะบ้านหลังนี้จะต้อนรับผู้เสพยาทุกคนเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต หลังจากผ่านการบำบัดครบ ๑๕ วัน ประตูบ้านหลังนี้จะปิดตาย ไม่ต้อนรับการกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เพราะการรักษาอาการติดยาเสพติด “สัจจะ” สำคัญเหนือสิ่งใด และนี่คือสิ่งที่วัดถ้ำกระบอกเน้นย้ำมาตลอดระยะเวลาการเป็นสถานที่บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดตั้งแต่ปี ๒๕๐๓

จากสถานที่ปฏิบัติธรรม สู่สถานบำบัดคนไข้ติดยาเสพติดที่มีชื่อเสียงระดับโลก “สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก” ก่อตั้งขึ้นโดย พระอาจารย์จำรูญ ปานจันทร์ ในปีพ.ศ.๒๕๐๐ โดยญาติโยมได้ถวายที่ดินให้หลวงพ่อใช้เพื่อการปฏิบัติธรรม ก่อนหน้านี้ท่านเคยเป็นตำรวจที่มุ่งมั่นในการต่อต้านยาเสพติดมาตลอด ภายหลังได้ลาออกจากราชการและบวชเป็นพระภิกษุ จึงอุทิศตนในการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ซึ่งหลวงพ่อจำรูญนับเป็นนักสังคมสงเคราะห์รายแรกๆ ของเมืองไทยที่รณรงค์ต่อต้านยาเสพติดและการบำบัดรักษาผู้ติดยา

โดยการรักษาของที่นี่ใน ๕ วันแรก คนไข้จะได้รับการบำบัดด้วยการดื่มยาสมุนไพร แล้วดื่มน้ำตามเยอะๆ จนอาเจียนออกมา ซึ่งกลายเป็นภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปแล้ว จากนั้นไปอบตัวด้วยสมุนไพร เพื่อลดความตึงเครียด และขับพิษออกจากร่างกาย อีก ๑๐ วันหลัง เป็นการพักฟื้น ปรับสภาพกายและจิตใจ ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ ด้วยการฟังธรรม ทำกิจกรรมสันทนาการ ฝึกอาชีพ เป็นต้นโดยในช่วงที่มีการระบาดของเฮโรอีนไปทั่วโลก แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถบำบัดผู้ป่วยให้หายขาดได้ แพทย์ทางเลือกอย่างสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกจึงถูกจับตามอง

โดยหน่วยงาน “อีส เวส ดีทอค” (East-West Detox) ของอังกฤษ ให้การยอมรับว่าการบำบัดรักษาของที่นี่ ทำให้ผู้ติดยาเสพติดหายขาดได้ถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ประมาณกันว่าจนถึงต้นทศวรรษที่ ๑๙๗๐ มีผู้ได้รับการบำบัดจากวัดนี้รวมทั้งสิ้น ๕๖,๐๐๐ คน โดยคนไข้ที่เข้ารับการรักษามีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้ พระอาจารย์จำรูญ ยังได้รับรางวัล “แมกไซไซ” สาขาบริการสาธารณะ ในปีพ.ศ. ๒๕๑๘ แม้ปัจจุบันท่านจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่สำนักสงฆ์แห่งนี้ก็เดินตามรอยของหลวงพ่อจำรูญอย่างมั่นคงตลอดมา

ก่อนหน้านี้เหตุที่วัดถ้ำกระบอกถูกครหาในช่วงแรกน่าจะเป็นเพราะในอดีตมีชาวม้งจากหลากหลายพื้นที่มาอาศัยอยู่ในละแวกนี้ มีบางส่วนค้ายาเสพติดและโดนจับได้ข่าวที่ออกไปทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่าชาวม้งที่ถูกจับได้เป็นชาวม้งที่วัดถ้ำกระบอก ที่นี่จึงถูกครหาว่าเป็นสถานที่ค้ายาเสพติด และตั้งสำนักสงฆ์เป็นฉากหน้า แต่ความจริงชาวม้งที่วัดถ้ำกระบอกขึ้นทะเบียนทุกคนและมีทหารเข้ามาดูแล ในยุคนั้นวัดถ้ำกระบอกจึงถูกโจมตีอย่างหนัก การยอมรับในวงกว้างทำให้ปัจจุบันวัดถ้ำกระบอก มีสภาพไม่ต่างจากบ่อน้ำแห่งความหวังกลางทุ่งทะเลทรายของผู้เสพยา

จากเหตุนี้เองทำให้พระทุกรูปในวัดยังคงแน่วแน่ต่อปณิธานเริ่มต้นของวัดถ้ำกระบอก คนจำนวนมากคิดว่าสิ่งเสพติดเป็นสิ่งเลวร้าย แต่ไม่เคยมองว่าความทุกข์ทรมานจากคนติดยามันพาลไปถึงครอบครัว สังคม ยาเสพติดมันเลวร้ายจริง แต่ไม่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนที่ใช้ยาเสพติดจะต้องเป็นคนเลวร้าย ฉะนั้นคนที่มาเลิกยาเสพติดเราก็ต้องช่วยเค้า ไม่ใช่คิดว่าที่ไหนมีคนติดยาเสพติดรวมกันที่นั่นคือสถานที่เลวร้าย ควรเข้าใจหัวอกคนหลงผิด ครอบครัวต้องให้โอกาสเขากลับไปเป็นคนดี

ในจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดไม่ได้มีแต่เพียงผู้ชนะ หากแต่บนเส้นทางแห่งการแข่งขันกับจิตใจของตนเองย่อมมีผู้แพ้ ถ้าผู้เข้ารับการบำบัดทำไม่ได้อย่างที่ให้สัจจะ เขาหรือเธอจะต้องขอคืนสัจจะ

ผู้เข้ารับการบำบัดจะต้องรับสัจจะเลิกยาเสพติดทุกชนิด เลิกแล้วไม่มีไว้ในครอบครอง ไม่มีไว้ทำการค้า ไม่ส่งเสริมให้ผู้อื่นสูบและเสพ แต่ถ้าทำไม่ได้ส่วนใหญ่จะมาขอคืนสัจจะ ทางพระจะแนะนำว่า

“สัจจะอยู่ในตัวโยม ไม่ได้หายไปไหน เราปวารณาไปแล้ว หากล้มเหลวก็ทำใหม่ ทำให้ได้ แล้วตัวเองจะเลิกได้” ยาเสพติดสารเคมีที่มนุษย์มักพ่ายแพ้ แต่หากเรามีสติ มีความมั่นใจ และความเด็ดขาด เราจะสามารถเอาชนะยาเสพติดได้เช่นเดียวกับผู้เข้ารับการบำบัดท่านนี้ที่ปัจจุบันสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ”

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : https://thai.tourismthailand.org/
news.sanook.com
เพจ วัดถ้ำกระบอก Watthamkrabok
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : TNews
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: