ถนนสีดำ ตอนที่ 3 เมืองสองแคว (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ถนนสีดำ ตอนที่ 3 เมืองสองแคว (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

แก้วที่คิดถึง

แต่เดิมความประสงค์พี่ใคร่เห็นพฤติกรรมชุมชน บ้านท่าเสายามวิกาลอันลือว่าหมู่บ้านผีดิบก็คงเป็นความคิด เพราะไม่มีเหตุหรือข้ออ้างการเข้าไปในพื้นที่อันตรายอย่าง เหมาะสมจวบพาหนะจ่าคอนทะยานเข้าเขตอังหวัดกาญจน บุรีพื้นที่ชายแดนไทย-พม่าด้านตะวันตก เป้าหมายแรก

แหล่งพำนักจ่าพูนอยู่ในตัวเมือง ตั้งอยู่เกือบสุดซอย มีบ้านเรือนปลูกเรียงรายทั้ง ๒ ฝังบอกฐานะชนชั้นกลาง ต่างพักผ่อนหลับนอนกันทุกครัวเรือน ยกเว้นบ้านครึ่งตึก ครึ่งไม้ชั้นเดียวดุจบ้านจ่าคอนเปิดไฟเปิดประตูไม้ทิ้งไว้

“บ้านหลังนี้แหละครับ”

จ่าคอนบอกขณะเลี้ยวรถเขาไปจอดยังลานกว้าง

หน้าบ้านซึ่งเปิดไฟนีออนไว้เฉพาะด้านหน้าประตูเปิดกว้างอยู่แล้วจึงเดา เอาว่า ยามวิกาลเช่นนี้คงไม่มีเคหสถานใดเปิดอ้าซ่ารอรับโจรหรือผู้ไม่ ประสงค์เซ่นเบื้องหน้า

พอโชเฟอร์ดับเครื่องยนต์รถ ปรากฏชายฉกรรจ์ผมสันเกรียนร่าง ใหญ่ผลักประตูเปิดออกมาทักทายสนิทสนม อันบ่งถึงได้มีการติดต่อ กินล่วงหน้าแล้ว

“หวัดดีครับพี่ ผมนึกว่าอาจารย์ซะอีก เชิญครับ”

แปลก…ตูเหมือนคุณจ่ารู้จักมักคุ้นพี่เป็นอย่างดี เปิดยิ้มกว้างก้าว เข้าเมาสัมผัสมือ กล่าวเสียงนุ่ม

“ดีใจที่มีพี่ร่วมงาน…เชิญครับ”

แก้วจ๊ะ สิ่งที่เจ้าบ้านสำแดงออกหาใช่พฤติกรรมแต่อดีตในด้าน ลบ การได้รับเกียรติจนเป็นที่วางใจทั้งหลายทั้งปวงล้วนมาจากสื่อทาง อักษร, วิทยุและทีวี แต่ละซ่องให้โอกาสพี่เปิดตัวต่อสังคม ได้แสดง ความจริง ความคิดอ่านอย่างปุถุชนผู้สำนึกได้อย่างแน่นอน

ณ โถงกว้างอันมีโต๊ะเก้าอี้พร้อมสรรพได้กลายเป็นมุมสนทนา แทงชาย ๓ คน โดยมีเบียร์กับแหนมบำรุงกระเพาะพร้อมการพาทีถึงกรณี ยาอุบาทว์ถูกลำเลียงเข้าประเทศตามรอยตะเข็บชายแดนที’ขยายเครือข่าย ผลผลิตรวดเร็วจรดปัจจุบันจากชนกลุ่มน้อยแม้ “ชุนส่า” จะถูกลดบทบาท ลง แต่ยังคงคัวแทนไว้ตามข้อตกลงลับกับสล็อกซึ่งตีบท “๒ หน้า” จาก เหนือจรดใต้

จ่าทูนเกรื่นกล่าวด้วยสีหน้าเครียดขรึม พลางเสริมถึงภารกิจที่ได้ รับรายงานจาก “สาย” เสียงเบาลง

“ผมได้รับรายงานทีเชื่อถือได้ถึงแหล่งพักยาคราวนี้ คิดไม่ถึงว่ามัน จะเป็นไปได้เพราะอยู่ใกล้คัว ทว่าเป็นเขตบ้านพักทหารพล.๙ จึงหา จึงหวะที่ตรงวันเกิดจ่าแหวงเพื่อนเก่าเข้าไปร่วมอวยพรกับสอบถามก็ได้รับ คำยืนยันภายในพื้นที่มีการซื้อขายกันจริง แต่ส่วนใหญ่ลำเลียงเข้า กรุงเทพฯ กับจำหน่ายในพื้นที่ ๓ จังหวัด มีราชบุรี, นครปฐม, ลพบุรี และที่บ้านท่าเสา…ผมมีแผนผังสังเขปทางเข้า-ออกที่ทำ ไว้ครับ”

จบคำ จ่าพูนอดีตคนดังเมืองกาญจน์ลุกไปเปิดลิ้นชักโต๊ะ ทำงานหยิบเอากระดาษอาร์ตสีขาวกลับมาคลี่ออกพร้อมอรรถา

“พื้นที่บ้านท่าเสาแผ่นนี้กำหนดเฉพาะพื้นที่เป้าหมายที่ “สาย” รายงานมีทางเข้าออกสามเสันทางครับ สองเส้นทางที่ผม ทาสีแดงไว้เป็นทางเข้า-ออกประจำของคนในหมู่บ้าน ส่วนทาง เข้าออกที่ขีดเป็นเส้นสีตำจะมีปาไผ่หนาทึบไปถึงลำห้วย ไหลลง แควน้อยที่ชาวบ้านตัดไม้ไผ่ล่องไปขายท่าเขาหินมู่น เพื่อส่งต่อ พ่อค้าคนกลาง”

จ่าคอนชักถามกลางคัน “คุณพูนไม่สงสัยว่าอาจมีการลำ

เสียงหรือผลิตยาล่องไปขึ้นยังจุดใดจุดหนึ่งบ้างหรือ”

คุณจ่าเจ้าบ้านกล่าวปนยิ้ม “ผมวางสายไว้แล้ว คาดว่า

ราวสองสามวันคงได้รับรายงาน”

“แล้วเป้าหมายล่อซื้อล่ะ พี่พูนกำหนดที่ไหน”

“พวกมันกำหนดเอง เป็นเขตบ้านพักทหาร ตำรวจ นปพ. ยังไม่กล้าเข้าไป ผมถึงรายงานอาจารย์ให้ติดต่อ เสธ.วิชิตรอง ผบ.ค่าย เพื่อขอการสนับสนุนจากฝ่ายทหาร โดยไม่แจ้งให้ฝ่าย ท้องที่รู้ ส่วนการผลิตเฮโรอีนหรือยาบ้าบริเวณแหล่งผลิตคงห่าง ชุมชน ต้องเป็นพื้นที่โล่งกว้างเนื่องจากบรรดาสารเคมีที่ใซ้ผสมทั้ง หลายมีฤทธิ้เป็นกรด กลิ่นฉุนจมูก ส่วนมากนอกจากอาศัยแรงลม พัดผ่านแล้ว ยังใช้พัดลมดูดอากาศช่วยระบายสารเคมีซึ่งหากเรา ใช้ข้อสงเกตจะพบว่า โดยรอบโรงงานบรรดาใบไม้มักเปลี่ยนสีจาก เขียวเป็นสีเหลือง ประกอบกับเครื่องจักรอุปกรณ์อัดเม็ดยามักเกิดเสียง

ดังเป็นระยะๆ ฯลฯ”

โอ…นับเป็นความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ถ้าหน่วยงานหลัก ประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงประชาชนทุกอาชีพ ไม่ว่าชาวป่า ชาวเขา หรือ ชาวเราร่วมช่วยกันสอดส่องน่าจะเกิดคุณ

ในส่วนของผู้เสพยาก็เหมือนกัน จ่าพูนแจง ถ้าตกอยู่ในภาวะขาด ยามักเปิดปากหาวคล้ายคนอดนอน ไอจามบ่อยครั้ง น้ำมูกน้าตาไหล ออกอาการกระสับกระส่าย หายใจถี่ บางรายมีอาการคลื่นไล้อาเจียน เหงื่อออกมากถึงขั้นมือเท้าเป็นตะคริว ไม่หลับนอน เพ้อคลุ้มคลั่ง อาละวาด ควบคุมตัวเองไม่ได้ มีความหวาดระแวง เกิดความหลอนทาง ความคิด เกรงถูกฆ่าถูกทำร้ายโดยผู้อื่นสิ่งอื่น ดังที่ปรากฏเป็นภาพข่าว ทางทีวีกับลื่อต่างๆ เกือบจะรายวัน จนถึงขั้นประพฤติต่อครอบครัวดุจ ฆาตกรอำมหิตกระทำปิตุฆาต-มาตุฆาตสารพัน

แก้วจ๊ะ…นับเป็นส่วนเสริมแก่ประสบการณ์จ้ะ

การได้รับรู้ถึงขบวนการผลิตยาบ้าที่ทะลักเข้ามาตามชายแดนรั้ว บ้านของเรา พี่จึงไม่ถือว่าเป็นความล้มเหลวของ ป.ป.ส.กับ บช.ปราบ ปรามยาเสพติด ด้วยเข้าใจถึงกรณีพิพาทหลากหลายตามรั้วบ้านของเรา ระหว่างไทยกับพม่า และชนกลุ่มน้อยซึ่งมีพื้นที่โดยรวมถึง ,๕๐๐  ก.ม. ท้นสลับซับซ้อน เฉพาะจังหวัดกาญจนบุรีที่เรากำลังคุยกันยามวิกาลนี้ นับเป็นรั้วบ้านอันล่อแหลม เพราะพื้นที่เชื่อมต่อกับจังหวัดตากตามแนว เทือกเขาตะนาวศรีทอดยาวไปถึงด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จรด เกาะสอง จังหวัดระนอง

กาญจนบุรีมีกองกำลังรักษาอธิปไตยของตำรวจตระเวนชายแดน กทงร้อยที่ ๑๓๔ กับกองพลทหารราบที่ ๙ ค่ายสุรสีห์เป็นกำลังหลัก มี การเปิดด่านถาวร ที่ อ.สังขละบุรี ทำมาค้าขายกับพม่า รวมทั้งชนกลุ่ม น้อย มีจุดผ่อนปรน ๓ แห่ง ที่บ้านแม่ธามี่ บ้านบ้องตี้ และบ้านหินกอง ล้วนหาใช่พื้นที่ที่น่าวางใจ แม้จะมีหน่วยงานรัฐคอยกำกับดูแลก็ไม่วาย ปรากฏไม้เถื่อน แร่เถื่อน วัวควายเถื่อน สินค้าหนีภาษี อัญมณี กัญชา ‘ฝืน เฮโรอีน รวมไปถึงยาอุบาทว์ไหลเวียนยังตลาดมืดจนได้

เฉพาะอย่างยิงนักธุรกิจไทยกับคนของรัฐส่วนหนึ่งเข้าไปร่วม ขบวนการ ซึ่งคงไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธผลประโยชน์มหาศาลละแวกรั้วบ้าน เรานี้มีกลุ่มทรงอิทธิพลอยู่เหนือกฏหมายไทยมาทุกยุค

แนวชายแดนไทย-พม่า จึงมิพ้นไฟสงครามกับยาเสพติด อัน

ประหนึ่ง “ฝันร้าย” ของราษฎรไทย

กลางการพาทีกันอย่างออกรสผสานการต้อนรับอันอบอุ่นค่อน ราตรี ก็ปรากฏสัญญาณโทร.ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างตู้เย็นระรัวขึ้น เรา ๓ คน ต่างมองหน้ากัน จ่าเจ้าบ้านลุกไปยกกระบอกหูโทร. ขึ้นกรอกคำ

“ฮัลโหล…”

เสียงจากต้นสายดังแว่วๆ จับใจความไม่ได้ นอกจากคำตอบโต้กับ สีหน้าเจ้าบ้านอันบ่งถึงความสำคัญ

“เฮ้ย…เรายังไม่ได้บอกกับใครเลย แม้กระทั่งต้นสังกัด นายมั่นใจ หรือว่า มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่เป้าหมายผิดปกติ”

จ่าวัยเกือบครึ่งศตวรรษเหลือบมองมาที่เรา ๒ คน ขณะที่ต้นสาย

กล่าวต่อฟังอู้อี้ก็ถามอีกประโยค

“นายรายงานเสธ.ท่านทราบหรือยัง”

การตอบโต้ของคนทั้งคู่ดำเนินต่ออีกครู่เดียว คุณจ่าคนดังก็วาง กระบอกหูโทร. คืนแท่น สีหน้าหมองกลับมาร่วมวงบนเก้าอี้ตัวเดิม หล่น คำปานนํ้ารืน

“จ่าแหวงโทร.บอกมีกลุ่มคนราวหกเจ็ดคนขับรถปีกอัพสองคัน

เข้าไปที่ป่ายูคาฯ หลังบ้านพักตอนตีสองซึ่งห่างจากอาคารที่พักแก ประมาณสองร้อยเมตร พักใหญ่ก็กลับออกมา บนกระบะรถทั้งสองคันมี

ผ้าปิดคลุมสิ่งของที่บรรทุกอยู่บนรถ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกับเป็นใคร”

“ปายูคาฯ นั่นอยู่ในเขตทหารหรือเปล่า” จ่าพูนซักเสริม

“อยู่นอกเขต เอกชนมาเช่าปลูกยูคาฯ ส่งโรงงานผลิตกระดาษ ที่

นั่นแหละเป็นพื้นที่เป้าหมาย จ่าแหวงแกสงสัยถ้าเป็นรถของทางโรงงาน ทำกระดาษ ทำไมถึงไม่ใช้ทางเข้าออกของโรงงานที่ใช้ลำเลียงไม้ที่ตัด แล้วป้อนโรงงาน”

พี่ร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย

“เป็นไปได้ไหมถ้าพวกนั่นโยกย้ายยาหรืออุปกรณ์การผลิตยา”

“ผมก็คิดอย่างพี่ รอจ่าแหวงรายงานเสธ.แล้วถึงจะเข้าไปตรวจ แต่คงต้องคอยให้สว่าง ตอนนี้ห่วงลูกน้อง ‘สาย’ ล่อซื้อของผม ถ้าข่าว รั่วมันอาจถูก‘เก็บ’ เพราะเดือนก่อนมีผู้ชายถูกเผา ‘นั่งยาง’ แต่ แทงเมืองยังพิสูจน์ไม่ได้เป็นใคร ถูกฆ่าด้วยเหตุใด ศพเหลือเศษกระดูก บางส่วน”

“จ่าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ไหม”

“คงยาก ต้องรอฟ้าแจ้ง เราไม่มีหมาย”

คำตอบจ่าร่างใหญ่ทำเอาพลร่มค่ายนเรศวรหนุ่มถึงกับอึ้งจน เปลี่ยนให้ความเงียบเข้ามาแทนยามใกล้รุ่ง ซึ่งในความรู็สึกพี่กลับสับสน ต่อเรื่องที่จ่าพูนคาดการณ์ผิดหรือถูก จวบคุณจ่ากล่าวเหมือนตัดใจแล้ว

“เราเข้าไปหาจ่าแหวงที่บ้านพักกันเถอะ”

จ่าหนุ่มขอความเห็น “โทร. บอกอาจารย์ก่อนไหม”

“ให้พบจ่าแหวงก่อนจะดีกว่า เรายังไม่รู้ข้อเท็จจริงเลย ขอเวลา

เปลี่ยนชุดก่อนนะ”

พอจ่าพูนละจากไปเปิดประดูห้องซ้ายมือผลุบหายเข้าไป จ่าหนุ่ม หันมามองพี่ด้วยใบหน้ามันปลาบ คิ้วหนาเข้มขมวดมุ่น กะพริบตาปริบๆ กล่าวกับพี่ส้มเสียงจริงจัง

“ผมไม่ทราบจะพูดอย่างไร ทุกอย่างมันเปลี่ยนเร็วมาก ดูๆ แล้ว พวกเราทำงานตามก้นโจร ทั้งๆ ที่เราพร้อม แต่การข่าวของเราขาดการ สนับสนุนจากหลายหน่วยงาน เหมือนถูกโดดเดี่ยวให้อยู่แนวหน้า ไม่มี หลักประกัน ไม่ทราบจะถูกลู่โจมตอนไหน ตัดสินใจทันควันไม่ได้ ขน ตอนทางกฎหมายมันบังคับ คนร้ายชักปืนเมื่อไหร่นั่นแหละเราจึงตัดสิน ใจได้”

“อาเข้าใจว่าพวกคุณพร้อมชนกับมัน ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งสิ้น ถ้าอาไม่เป็นอุปสรรคการทำงานของพวกคุณ”

นักรบกล้าคล้ายปืนยิ้ม ๒ ดวงตาดำคมกริบจ้องเขม็ง หล่นคำที ท่าเกรงใจ

“ผมกำลังจะบอกอาอยู่พอดีเรื่องอันตราย งานนี้ไม่ต่างเราเข้าไป ในที่มืด ไม่มีเป้าหมาย ไม่รู้ว่าใครคือคนร้าย ส่วนอามีลูกเมียรออยู่ ครับ”

“แล้วคุณล่ะ เป็นโสดหรือ…ที่พูดแบบนี้อย่าโกรธอาละ”

“ลูกเมียผมอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วครับ จำเป็นต้องแยกกับครอบ ครัวไว้ต่างหาก ผมตายลูกเมียยังได้บำเหน็จจากทางราชการ”

พี่ค้านเต็มเหนี่ยวดุจดื้อด้านเจตนาดีของเรา “ให้อาเป็นพลเมือง ดีบ้างเถอะ”

การสนทนาของเราสะดุดลงเมื่อจ่าทูนกลับออกจากห้องห่อร่างอยู่ ในชุดสนามครึ่งท่อนสวมทับด้วยแจ๊กเก็ตฟิลล์สีเขียว แต่ฉากไปเปิดสิ้น ชักโต๊ะทำงานหยิบปืนสิ้นขนาด ๑๑ ม.ม.ออกยัดแม็กกาซีนตบเข้าที่เสียบ เข้าซอกเอวซ้าย

จ่าคอนลุกขึ้นยืน จ่าเจ้าบ้านหันมาบอกล้มเสียงดุจจ่าคอน

“พี่นอนพักผ่อนในห้องผมนะครับ ตามสบายเลย มีเหล้าอยู่ใน ตู้เย็นเกือบค่อนขวด”

“อ้าว…” แอะได้คำเดียว พลางผินหน้าไปทางอีกจ่า

“ผมต้องขอโทษพี่ด้วย แต่เป็นเจตนาดีครับ ไม่ใช่ผมไม่นับถือ พี่ดู บนโต๊ะทำงานผมก็ได้ว่าผมรู้จักพี่ทั้งหนังสือกับทีวีแค่ไหน”

ครานี้ พี่มิอาจสำแดงอะไรได้อีก เมื่อวัยวุฒิกำกับให้กำหนดตน ยอมรับความปรารถนาดีจ่าทูนจึงทิ้งกันลงนั่ง พอจะเอ่ยคำอวยชัยให้ พรจ่าคอนชิงบอก

“อาจารย์อนุญาตให้อาไปกับผม าพี่ทูนเห็นว่าไม่ปลอดภัยก็ จำเป็นครับ…อาต้องเข้าใจนะครับ”

“ขอให้คุณสองคนกลับมาโดยสวัสดิภาพครับ อาจะรอ คิดว่าคง นอนไม่หลับหรอก ดีห้ากว่าแล้ว”

“ฝากอาบอกทีมงานที่จะตามมาให้รอพวกผมที่นึ่ด้วยนะครับ”

จ่าหนุ่มกล่าวระคนยิ้ม พลางบีบแขนพี่เชิงปลอบก็ยิ้มให้ด้วยใจนิยม แก่ ๒ ป.ป.ส. จวบเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มรับอรุณแล้วเงียบหายไปกลับ ปรากฏเสียงไก่บ้านซึ่งแทบไม่ค่อยสัมผัสโสตขับขานรับกันจากที่หนึ่งตู้ อีกที่หนึ่ง

แก้วที่คิดถึง ยามท่องมาไกลบ้านอย่างนี้ พออยู่เพียงลำพังอดคิด ถึงครอบครัวไม่ได้ มองทะลุกระจกหน้าต่างออกไปเห็นฟ้ากว้างเปลี่ยนสี ดาวลาดวงทำเอาเหงา ป่านนี้เมียสาวคงเข้าครัวหุงต้มข้าวปลาให้ลูกกิน ก่อนรถโรงเรียนมารับตามวัตร

ลูกพ่อเอ่ย จงตั้งหน้าศึกษาหาความรู้ไว้เถิด วิชาความรู้นั้นหนุ ไม่ต้องแบกหาม มันไม่ขอข้าวหรือขนมหนุกินหรอก ไม่นานพ่อจะกลับ ไปเนอนกอด ให้หนุขี่หลังเหมือนทุกๆ คืน ขอพ่อได้ทำประโยชน์ล้างบาป ทางใจเถอะ เวลาของพ่อเหลือน้อยลงทุกที-อาจจะเป็นอย่างที่หนูพูด

“กอล์ฟไม่ทันรับปริญญา พ่อก็รับดอกไม้จันทน์”

อ้อ…หมูจำเย็นวันนั้นได้ไหม วันที่พ่อซื้อหมูปิ้งให้หนู คนขายเขา พูดกับหมูว่าอย่างไร ถ้าหมูลืมไปแล้วพ่อต้องขอพูดอีกครั้งนะ

หมูต้องเรียนหนังสือเก่งๆ อย่าดื้อ ต้องเป็นเด็กดี ปู่เขาจะซื้อให้กิน ทุกวัน

น่าขำนะ               ไปถากทาง          สร้างชื่อเสียง

ถอดใจเคียง          อยู่กับเจ้า            อย่าเหงาหงอย

ถึงตัวไกล             ใจอยู่หลัง           มีคนคอย

โอ…หนูน้อย         ใช่ลอยลับ           จะกลับมา

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The People
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: