600. ขุนพันธ์ตอน อแวสะดอ จอมโจรหนังเหนียว

ปีพุทธศักราช 2481…

จังหวัดนราธิวาส เดือดร้อนเป็นไฟอีกวาระหนึ่งจากภัยโจร
เสือปล้นโจรร้ายนี้ ไม่ใช่โจรธรรมดาที่ปล้นฆ่าลักวัวควายชาวบ้าน หากเป็นโจรซึ่งมีเบื้องหลังเข้าไปเกี่ยวพันกับการเมือง
เขาผู้นั้นคือ อแวสะดอ ตาและ!
อเเวสะดอ เป็นลูกชายของโต๊ะยีซึ่งมีคนนับถือมาก อยู่บ้านตาโล๊ะบากู ตำบลจำปะกอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส

เขาผู้นี้…มีใจรักทางนักเลงตั้งเเต่หนุ่ม ค่อนข้างเป็นคนเด็ดขาดมีความอำมหิตโหดเหี้ยม ที่สำคัญ เขาฝักใฝ่ในเรื่องไสยเวทประเภทอิทธิฤทธิ์คงกระพันชาตรี ตอนที่เป็นโจรถูกตำรวจตามล่าแล้วยิงปะทะกัน ตำรวจยิงไม่เข้า ไม่ออก ยิงไม่ถูก ตำรวจตามยิงมาแล้ว 7 ครั้ง ไม่เคยได้โจรน้ายนี้เลย ว่ากันว่า…อแวสะดอมีของดีหลายอย่าง คือ ช้องหมูป่า เคราของคนเป็นทองแดง และตับคนเป็นเหล็ก ห้อยคอเป็นเครื่องรางของขลังนั่นเอง!

เขาเปิดฉากการเป็นโจรอย่างง่ายๆ ด้วยการปล้นทรัพย์หลายต่อหลายราย แต่ก็รอดไปได้ไม่นาน ในที่สุดถูกจับได้พร้อมลูกน้องซึ่งสะมะแอ ถูกนำตัวไปกักขังที่อำเภอสัตหีบ ชลบุรี แต่อแวสะดอหมดอิสรภาพไม่นาน เขากับลูกน้องคู่ใจแหกคุกที่คุมขังออกมาได้ และสามารถล่องใต้กลับถิ่นกำเนิดอย่างปลอดภัยหนีคุกออกมาได้หลบซ่อนตัวที่ตาโล๊ะบากู มีผู้ทรงอิทธิพลสองคนเป็นเกราะป้องกันตัวให้อย่างเงียบๆ บุคคลทั้งสองที่ใช้บารมีปกป้องโจรนี้ มีฐานนะมั่นคงและยังยุ่งกับการเมืองมีเป้าหมายให้แดนภาคใต้เป็นรัฐอิสระ การสนับสนุนอแวสะดอก็เท่ากับสร้างอิทธิพลและบ่อนทำลายเพื่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนไทยกับไทยมุสลิม

อแวสะดอรวบรวมพรรคพวกได้ 9 คน เปิดฉากปล้นฆ่าอีกเเล้ว! เขาปฏิบัติการอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมายและอาญาแผ่นดินเขาเลือกปล้นเฉพาะคนไทยเท่านั้น ทุกครั้งที่เข้าปล้น เจ้าทรัพย์จะถูกฆ่าตายอย่างทารุณโหดร้ายวิธีฆ่าคนของอแวสะดอก็คือ ใช้กริชประจำตัวแทงเข้าไปในคอหอยของเหยื่อ แล้วหมุนกริชเอาเนื้อหรือหลอดลมออกมา บางทีมันจะแทงกริชเข้าที่ท้องคว้านเอาไส้ออกมากองอยู่ข้างนอกความอำมหิตของโจรร้ายคนนี้ เป็นที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงของชาวนราธิวาสที่เป็นคนไทยอย่างถึงที่สุด ผู้ที่มีฐานะดีออกไปอยู่จังหวัดอื่นเป็นการชั่วคราวเพื่อหนีภัยโจร

เมื่อขุนโจรอแวสะดออาละวาดปล้นฆ่าไม่เว้นแต่ละวันตำรวจก็ออกตามล่าจนสุดความสามารถ มีการปะทะกันหลายครั้ง แต่โจรร้ายนี้ไม่เกรงกลัวตำรวจแม้เเต่น้อยขุนโจรหนังเหนียวกลับปักหลักยิงสู้กับตำรวจอย่างอหังการ และตำรวจเองไม่อาจจับกุมพวกมันได้แม้เเต่คนเดียวหนำซ้ำยังถูกอแวสะดอยิงถล่มเข้าใส่จนตำรวจต้องล่าถอยหลายครั้ง อย่างเช่น…

ยิงกับตำรวจซึ่งมี ร.ต.ท.หม่อมราชวงศ์สอ้าน ลัดดาวัลย์เป็นหัวหน้าชุด กลางวันเเสกๆ ในท้องที่อำเภอบาเจาะอย่างดุเดือดตั้งเเต่เช้าจรดค่ำกระทั่งฝ่ายตำรวจต้องถอยหนีหรือปะทะกับตำรวจในเขตจังหวัดยะลามี ร.ต.อ.เจริญ จันทร์เฉิด เป็นหัวหน้า อแวสะดอหลบอยู่ในบ้านหลังหนึ่งตำรวจล้อมไว้ทุกด้าน และกระหน่ำยิงเข้าใส่ฝ่ายโจรร้ายก็ยิงโต้ตอบออกมาไม่ขาดสายเช่นกันบ้านเล็กๆ หลังนั้นเจอกระสุนปืนของตำรวจเจาะพรุนถึงกับล้มครืนลงอแวสะดอหล่นลงไปอยู่ใต้ถุน ทว่ากริชรักของมันอยู่บนเรือนที่พัง?มันคลานฝ่าห่ากระสุนของตำรวจขึ้นไปเอากริชของมันคืนเอาจนได้!!

ได้กริชเเล้วแทนที่ตัวมันจะหนี อแวสะดอกลับปักหลักยิงกับตำรวจต่อไปอีกจนตำรวจต้องเป็นฝ่ายล่าถอยไปอีกครั้ง!!นับวันตำรวจเป็นฝ่ายเสียเปรียบโจร หากเป็นเช่นนี้ต่อไปขวัญกำลังใจของราษฏรสุจริตชนย่อมสั่นคลอน ดังนั้นแผนปราบขุนโจรอแวสะดอกับพวกแบบถอนรากถอนโคนจึงได้กำหนดขึ้น ได้มีการแต่งตั้งให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรเขตเป็นหัวหน้าให้ท่านข้าหลวงหม่อมราชวงศ์ ทวีวงศ์ ถวัลศักดิ์ , หลวงจรูญ ณ สงขลา ปลัดจังหวัดเป็นผู้ช่วย ให้มีอำนาจหน้าที่เกณฑ์ตำรวจจังหวัดสงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส มาปฏิบัติภารกิจได้ตามแต่เห็นพอสมควร

ขณะนั้นขุนพันธ์ยอดตำรวจมือปราบย้ายจากจังหวัดพัทลุงไปเป็นหัวหน้ากองตำรวจกองกำกับการสายที่ 18 จังหวัดสงขลา ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นนายร้อยตำรวจเอกเมื่อตั้งกองปราบปรามเฉพาะกิจขึ้น ได้ใช้ศาลาจำปะกอเป็นกองอำนวยการ แล้วเเบ่งหน่วยปราบปรามออกเป็น 3 หน่วยหน่วยเเรกให้ ร.ต.อ. ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นหัวหน้า มีตำรวจกองตรวจสงขลาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และให้นายสิบท้องที่เป็นผู้ประสานงานหน่วยที่สองให้ ร.ต.อ.ปรี สุศีลวรณ์ เป็นหัวหน้ามีตำรวจกองพิเศษปัตตานีเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาหน่วยที่สามให้ ร.ต.ท.หม่อมราชวงศ์สอ้าน ลัดดาวัลย์เป็นหัวหน้า

มีตำรวจนราธิวาสเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยเลือกที่ตั้งหน่วยเอาเอง โดยกำหนดไว้ 3 จุดจุดเเรกเขาแก และจุดที่สองบาตูตะโมง จุดที่สามวัดหัวเขาร.ต.อ.ขุนพันธ์เป็นนายตำรวจต่างถิ่นยังไม่ค่อยรู้เรื่องขุนโจรอแวสะดอดีนัก เห็นว่าเขาแกและอยู่ใกล้กับกองอำนวยการประมาณกิโลเมตรเศษ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นจะได้ติดต่อกับกองอำนวยการได้สะดวก เพราะตนไม่รู้จักใครเลยแต่ยอดมือปราบหารู้ไม่ว่า ขุนโจรอแวสะดอมีฐานที่มั่นอยู่บนเขาแกและนั่นเอง ส่วนจุดอื่นเป็นแค่ทางผ่านนานๆ ครั้งเท่านั้น!!

แต่ก็น่าแปลก…ตั้งเเต่ผู้กองขุนพันธ์ฯ ไปตั้งกองกำลังอยู่ไม่เคยได้ปะทะกับกลุ่มโจรเลยแม้เเต่น้อย? ผิดกับสองหน่วยที่วัดหัวเขาและบาตูตะโมง แต่ละหน่วยปะทะกับขุนโจรอแวสะดอกับพวกถึง 4 ครั้ง เป็นการยิงกันทั้งกลางวันกลางคืน และในการปะทะกันครั้งที่ 3…หน่วยของ ร.ต.อ.ปรี ก็สามารถเด็ดชีวิตไอ้เสือกุโน สมุนคู่ใจของอแวสะดอได้คนหนึ่งบนเขาสามยอด

ด้วยเหตุนี้…ขุนโจรอแวสะดอจึงประกาศหยามหน่วยปราบปราม ตำรวจสงขลาว่าไม่มีฝีมือ และไม่กล้ายิงกับมันแต่ไอ้โจรหนังเหนียวคิดผิด!! เพราะมันยังไม่รู้จักขุนพันธ์ดีพอ แค่มันลั่นวาจาเพียงไม่กี่วัน…หน่วยกองปราบของผู้กองขุนพันธ์ระดมจับ ”สาย”ของอแวสะดอได้กว่า 20 คน

เมื่อถูกสอบสวนอย่างหนัก หลายคนได้การรับสารภาพ และถูกส่งขึ้นศาลได้รับการพิพากษาโทษมากน้อยตามลำดับความผิด “มือปราบพระกาฬ” ยังบุกจับนางบุหงอเมียของอแวสะดอและยังจับเมียของสะมะแอมาคุมขังไว้ เพราะผู้หญิงสองคนนี้ลอบส่งเสบียงหาข่าวให้ผัวโจร นอกจากนี้ยังได้จับโต๊ะกระเดาะเป็นสมุนเอกอีกคนของอแวสะดอมีความเชี่ยวชาญด้านโหร คอยพยากรณ์ฤกษ์ยามให้กับโจรได้แม่นยำการปฏิบัติการครั้งนี้ของขุนพันธ์ทำให้ขวัญกำลังใจของเหล่าโจรลดลงอย่างมาก เท่ากับบีบบังคับให้พวกมันอยู่เเต่บนเขา เสบียงอาหารและข่าวสารถูกปิดตายลงสิ้นเชิง

วันที่ 2 กุมพาพันธ์

“สาย” รายงานให้ทางศูนย์ทราบว่า ขุนโจรอแวสะดอจะลงจากเขา มาเอาเสบียงอาหารที่พวกของมันมาซ่อนเอาไว้ที่เชิงเขาบูดู 1 แห่ง ในสวน 1 แห่ง ในบ้านอีก 1 แห่งผู้บังคับการจึงมอบอำนาจหน้าที่ให้ผู้กองขุนพันธ์รับผิดชอบพร้อมกันนี้ผู้บังคับการฯ ท่านข้าหลวงฯ ปลัดจังหวัดได้ร่วมเดินทางไปด้วย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสงขลา 10 นาย อันเป็นหน่วยปะทะออกเดินทางทันทีทั้งหมดไปถึงเชิงเขา กำลังตำรวจกระจายกันโอบล้อมจุดที่เสบียงซ่อนอยู่ เวลาผ่านไป…ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาวเหน็บประมาณตี 2 ไม่มีวี่แววของขุนโจรจะลงมาเอาเสบียง ผู้บังคับการจึงมีคำสั่งถอนกำลังกลับแต่ขุนพันธ์เชื่อว่า ยังไงๆ อแวสะดอต้องลงมาแน่นอน

จึงขออณุญาตรอคอยและขอกำลังส่วนหนึ่งไว้ มี ร.ต.ท.หม่อมสอ้าน ลัดดาวัลย์ พลฯ เงิน เพรชทองขาว พลฯ ลบ นวลปานและนายสุวรรณคนนำทาง ผู้บังคับการก็อนุญาตตามคำขอ
เมื่อขบวนของผู้บังคับการกลับไปแล้ว ผู้กองมือปราบจึงสั่งย้ายกำลังไปซุ่มอยู่หลังป่าละเมาะทึบเหนือที่ซ่อนเสบียงขึ้นไปอีก 4 วา เพราะจุดนี้สามารถถอยการกลับขึ้นเขาของเหล่าร้ายได้ ตำรวจทุกคนรอคอยด้วยความอดทนและต่อสู้กับสภาพอากาศที่หนาวเย็น ผู้หมวดหม่อมสอ้านคอยฟังสรรพสำเนียงอยู่ตลอด ลูกน้องบางคนก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

ตี 4กว่า ….

ผู้กองมือปราบ ได้ยินเสียงนกและกระรอกร้องทักจากคาคบไม้ มันผิดปกติ จึงสะกิดต่อๆ กันไปให้ตำรวจที่หลับตื่นขึ้นเตรียมตัวปะทะ ทุกคนปฏิบัติตามอย่างเงียบเชียบเสียงย่ำเท้าลงบนพื้นหญ้าและกิ่งไม้ดังขึ้น แม้จะพยายาม ให้เบาแต่ดึกสงัดเงียบเช่นนี้ มันก็ดังชัดเจน คนที่ชำนาญป่ารู้ทันที ลักษณะการเดินอย่างนี้ เป็นการเดินของคน ชั่วเวลาอึดใจเดียวตรงจุดเสบียงได้ยินเสียงกลุ่มโจรพูดคุยกันเบาๆ

ร.ต.ท.หม่อมราชวงส์สอ้านจึงพูดเป็นภาษาพื้นเมืองส่งไปถามพวกมัน “อีตูสะปออีนีสะดะ” สิ้นเสียง!! คำตอบที่ได้รับคือเสียงปืนจากเหล่าร้าย!! กลุ่มโจรยิงใส่ตำรวจนัดหนึ่ง ตำรวจที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้กระจายกันออกสกัดตามแผนทันที พลฯ ลบ ซึ่งอยู่ข้างๆ ขุนพันธ์เหนี่ยวไกพระรามหกสวนเข้าใส่พร้อมกับผู้กองมือปราบเผ่นกระโจนออกมาที่ซุ่มลุยเข้าหากลุ่มโจรเพียงคนเดียวอย่างซึ่งหน้า ไอ้โจรที่อยู่เบื้องหน้าห่างจากท่านขุนฯ ประมาณ 2 วา ยิงเข้าใส่แต่กระสุนนั้นเเคล้วคลาด ท่านขุนเลยสวนด้วยลูกซองแฝด 2นัดซ้อนเข้าที่หน้าของมัน มันผงะเซไปแต่ไม่ล้ม

ขุนพันธ์ฯ กระชากรีวอลเวอร์ที่เอวสาดกระสุนรวดเดียว 6 นัด โจรหงายหลังล้มลง ขุนพันธ์ตะโกนสั่งพลฯ เงินกับนายสุวรรณเฝ้าศพเอาไว้ แล้วก็วิ่งไล่โจรที่เผ่นหนีขึ้นเขาไป โดยมี ร.ต.ท.หม่อมสอ้านตามไปติด ๆ แต่ทว่า…บรรยากาศมันช่างมืดมิด วิ่งไปไม่เท่าไรก็ต้องหยุดตามคนร้ายเพราะไม่รู้จะไปทางไหน

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปืนหลายนัดบริเวณเชิงเขาที่พวกตนเพิ่งจะจากมา ขุนพันธ์หันไปบอกหม่อมสอ้าน “เฮ้ยหม่อม…สงสัยพวกมันตลบหลังเสียแล้วรีบกลับเถอะ” กล่าวเสร็จก็วิ่งนำหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว เพียงเวลาไม่กี่อึดใจก็มาถึงจุดปะทะ เห็นไอ้โจรคนหนึ่งยืนตระหง่านคุมเชิงอยู่ หมวดสอ้านไม่รีรอ กระหน่ำด้วยปืนกลมือแบล็คมันจนหมดชุด แต่ไอ้โจรไม่ยอมล้ม ผู้หมวดสอ้านเปลี่ยนแม็กกาซีนชุดใหม่เข้ารังเพลิงพร้อมกับกราดเข้าไปอีกชุดจนหมดแม็กฯ ทว่ายังคว่ำมันไม่ลงได้เพียงโอนเอนไปมา

ฝ่ายขุนพันธ์จะใช้ปืนลูกซองและปืนพกก็ใช้ไม่ได้ เพราะไม่ได้บรรจุกระสุนใหม่จึงเหวี่ยงปืนทิ้ง กระโดดเข้าต่อยด้วยกำปั้นขวาเข้าปลายคางจนไอ้โจรเอียงวูบ พร้อมกับเตะตัดขาตามไอ้โจรก้ล้มตึงลงตรงนั้นผู้กองไม่ปล่อยโอกาสรีบเข้ากระโดดรัดคอ ปล้ำกันไปกันมา มือของผู้กองไปจับถูกอะไรตุงๆ ที่เอวของคนร้าย จึงกระชากออกจากเอวมันเเล้วเหวี่ยงทิ้งไปเพราะคิดว่าเป็นปืน จังหวะนั้น! หม่อมสอ้านกับพลฯ ลบเข้ามาช่วยจับกุมใส่กุญแจมือ ผู้กองมือปราบก็ถอยห่างออกมายืนหอบด้วยความเหนื่อย จากนั้นสอบถามมันเเต่พอรู้ชื่อของคนร้าย ทุกคนถึงกับตะลึง เพราะมันคือ…”อแวสะดอ ตาและ!” นั่นเอง

มันรับสารภาพว่า ครั้งแรกลูกน้องเป็นคนลั่นกระสุน มันจึงลั่นตามออกไปบ้าง พอดีขุนพันธ์กระโดดออกมาดวลกับมันซึ่งๆหน้า ก็แกล้งทำเป็นตายเพื่อเอาตัวรอด เมื่อเห็นเหลืออยู่แค่พลฯช่วยและนายสุวรรณ จึงคว้าปืนยาววินเซสเตอร์ 6 เหลี่ยม 12นัดคู่มือ ออกไล่ยิงคนทั้งสอง แต่โชคดีที่พวกเขาพากันวิ่งรอบต้นไม้ใหญ่ กระสุนจึงไม่ถูกจากการตรวจสอบบาดแผลของอแวสะดอพบว่า หน้าผากของมันมีรอยกระสุนรีวอลเวอร์ ที่ปากและลูกกระเดือกมีรอยถูกยิงจากลูกซอง แขนขาเป็นรอยถูกยิงด้วยปืนกล เสื้อผ้าไม่มีรอยขาดแม้เเต่รูเดียว ที่น่าแปลกรอยถูกลูกปืนทุกรอยมีเเค่ยางบอนและบวมซ้ำเท่านั้น!
ยิ่งกว่านั้น…ตอนมันกำลังให้ปากคำ มันได้คายกระสุนปืนลูกซอง 9 เม็ดออกมาให้ดูอย่างหน้าตาเฉย!

ใกล้สว่างแล้ว…ผู้บังคับการและคณะของข้าหลวงยกกำลังขึ้นมาช่วย เลยช่วยกันคุมผู้ต้องหากลับ พร้อมกันนี้ได้ปลดเครื่องรางฯ ออกจากคอ อแวสะดอให้ท่านข้าหลวงเก็บไว้ อะแวสะดอถูกคุมขังอยู่ 3วัน ระหว่างนั้นมีประชาชนจากปัตตานี ยะลา กลันตัน เดินทางมาดูโจรมืดฟ้ามัวดิน ทางการเกรงจะมีการแย่งชิงตัวผู้ต้องหาเลยได้ย้ายอะแวสะดอไปคุมขังที่จังหวัดนราธิวาส

จอมโจรผู้หนังเหนียวถูกจองจำได้ไม่ถึง 10 วัน มันก็ลอบกินยาพิษฆ่าตัวตาย จากการปฏิบัติหน้าที่ของขุนพันธ์บรรดาชาวไทยอิสลามในสี่จังหวัดภาคใต้ได้ให้สมญานามแก่ขุนพันธ์ว่า “รายอกะจิ” ด้วยความยกย่อง ส่วนราชการได้ความดีความชอบโดยเพิ่มขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ และสิ่งหนึ่งที่มือปราบหนังเหนียวของทางราชเก็บไว้เป็นที่ระลึก คือ…
กริชคู่มือของอะแวสะดอนั้นเอง!!

“ส่วนตัวกริชของอแวสะดอนั้นแอดมินหารูปมาให้รับชมไม่ได้เพราะเจ้าของที่ได้ครอบครองในขณะไม่อณุญาตให้ถ่ายภาพส่วนใครอยากศึกษาเรื่องราวของกริชแอดมินได้โพสไว้ช่วงต้นๆเพจยังไงลองหาอ่านดูนะครับ”

สำหรับตอนนี้ขอมอบ ◎พระคาถากันคมเขี้ยวงา◎

จิปิเสคิ เพ็ชชะอะระหัง โภชนัง ปฏิเสวามิฯ นะโมพุทธายะ มะอะอุ ยะธาพุทโม นะอุอะมะฯ

เสก ๑ จบ เป่าใส่น้ำลูบศีรษะ ขอความแข็งแกร่ง ความแคล้วคลาดรอดพ้นจากคมมีด เขี้ยวงาและอาวุธทั้งหลาย

นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: