598. ขุนพันธ์เจอเสือปล้นใจหิน

วันที่ 1เมษายน พ.ศ. 2485 ร.ต.อ.ขุนพันธ์ย้ายไปเป็นรองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฏร์ธานี

ได้รับตำแหน่นงใหม่ๆสิ่งเเรกที่ทำคือ เปิดแฟ้มประวัติคนร้ายที่รอดการจับกุมของเงื้อมมือกฏหมาย ก็พบว่า…

ไอ้เสือสายและพวกเป็นโจรร้ายหมายเลข 1 ที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด มันเป็นชาวบ้านจังหวัดปทุมธานีและก่อคดีไว้ที่นั้นหลายคดี

เมื่อถูกตำรวจปทุมธานีปราบปรามหนักเข้า จึงอพยพครอบครัวถึง 30 ครอบครัวล่องใต้หนีกฏหมายมาถึงสุราษฏร์ธานี มาปักหลักปักฐานอยู่ที่บางคอป่าเหล้า

แทนที่จะกลับตัวกลับใจ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการหาอาชีพสุจริต แต่พวกมันไม่ยอมทำ พวกมันกลับต้มเหล้าเถื่อนขายเป็นอาชีพหลัก จากนั้นก็ออกปล้นสะดมและลักวัวควายเอาไปขาย หรือเอาไปฆ่ากินเป็นประจำ

นอกจากเสือสาย ที่เป็นโจรร้ายกาจแล้ว ยังมีเสือโน้ม ซึ่งเป็นพี่เขยของเสือสายนั่นเอง ทั้งสองคนนี้ว่ากันว่า เป็นผู้อยู่ยงคงกระพันชาตรี ยิงฟันไม่เข้า

พวกมันกำเริบเสิบสานออกอาละวาดปล้นฆ่า ด้วยฮึกเหิมลำพองในความหนังเหนียวของตนประชาชนสุจริตต่างหวาดผวาโจรก๊กนี้เป็นที่สุด!!

เสือสายและเสือโน้มอยู่รอดมาได้เพราะคนสุราษฏร์ฯกลัวพวกมันถึง 8 ปีเต็ม พอรู้ว่า ”มือปราบหนังเหนียว” ย้ายมาเป็นรองผู้กำกับ มีจุดประสงค์จะปราบมันโดยเฉพาะ…ไอ้เสือสายจึงเกลียดขุนพันธ์ทั้งๆที่มันเองไม่เคยเห็นหน้า?

จนเมื่อเดือนมกราคม 2486

ศาลมีหมายเรียกตัวนางไห้ เมียเสือสายไปให้การในฐานะพยานคดีหนึ่ง โดยมอบให้นายเคลือบเสมียนศาล พร้อมกับพลฯ สังวรณ์ และพลฯ วัฒน์ ไปส่งหมายให้แก่นางไห้

ในตอนเช้าตรู่…คนทั้งสามไปถึงบ้านเสือสาย เรียกหานางไห้ออกมาพบ แต่คนที่ออกมาเป็นเสือสาย มันเห็นตำรวจก็หาได้เกรงกลัว คลานเข้าไปหาคนทั้งสาม พร้อมกับบอกว่า

”นายมาหาใครขอรับ” ไอ้เสือแสร้งถาม

”นางไห้อยู่ไหม” นายเคลือบเสมียนศาลถาม

”อีไห้มันไม่อยู่หรอกจ้ะนาย มันไปหาญาติมันที่ตำบลอื่นเห็นว่าจะค้างคืนที่นั่นด้วย”

”แกเป็นอะไรกับนางไห้ล่ะ” พลฯสังวรณ์ถาม

”ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอีไห้” ไอ้เสือโกหกอย่างหน้าตายและซักต่ออย่างฉลาด

”เมื่อตะกี้ได้ยินนายบอกว่ามีหมายศาลมาเรียกตัวอีไห้ มันไปทำอะไรผิดคิดร้ายมากมายหรือเปล่านาย”

”คดีเล็กๆ น้อยๆ ไปเป็นเเค่พยานเท่านั้นเอง” พลฯสังวรณ์บอกสั่นๆ
ไอ้เสือสายเห็นพลฯ สังวรณ์มีร่างสันทัดและผิวคล้ำเหมือนกับที่เคยได้ยินข่าวก็คิดว่าเป็นขุนพันธ์ฯ จึงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

”นาย…คงเป็นท่านรองขุนพันธ์ล่ะสิ?”

พลฯสังวรณ์ได้ยินเช่นนั้นก็นึกสนุก อยากโอ่อ่าเล่นๆเลยรับสมอ้างเอาดื้อๆ

”เออ…ใช่…ฉันนี่เเหละขุนพันธ์”

ไอ้เสือซ่อนความลิงโลดเอาไว้อย่างมิดชิด เพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอขุนพันธ์ได้อย่างง่ายดาย

ที่สำคัญ…เขาว่าขุนพันธ์หนังเหนียว ตัวมันเองก็ขึ้นชื่อว่าอยู่ยงคงกระพัน เมื่อมีดีด้วยกันก็ต้องคว่ำกันไปข้างหนึ่งจึงคิดลบชื่อขุนพันธ์ออกจากมือปราบหนังเหนียวคามือของมัน! ไอ้เสือยกมือไหวพลฯ สังวรณ์เเล้วเขยิบเข้าไปใกล้อีกพลางถามดั่งคนบ้านนอกเซ่อๆ ซื่อ ๆ

”หมายศาลมีว่าไงขอรับ ช่วยอ่านให้กระผมฟังทีเถอะครับอีไห้กลับมาจะได้บอกให้มันทราบ”

นาบเคลือบคลี่หมายศาลออกอ่านให้มันฟัง อ่านไปเพียงชั่วครู่ไอ้เสือสายทะลึ่งพรวดขึ้นพร้อมกับฉวัดมีดพกออกจากฝักที่เหน็บเอวอยู่ด้านหลัง

นายเคลือบยืนตะลึง กลายเป็นเป้านิ่งให้ไอ้เสือปักคมมีดเข้าที่หน้ามันถีบนายเคลือบออกไปเพื่อถอนมีดออกจาก อกเเล้วแว้งเข้าหา พลฯ สังวรณ์ ซึ่งมันคิดว่าเป็นขุนพันธ์

มันกระโจนเข้าโถมแทงพลฯ สังวรณ์เต็มเหนี่ยว แต่พลฯสังวรณ์ถอยทันพร้อมกับคว้าปืนพระรามหกจากพลฯ วัฒน์ เพราะตนเองไม่มีปืน มีเเต่ขวานพกเล่มเดียว

พลฯสังวรณ์รีบกระชากลูกเลื่อนลั่นกระสุนออกไป เป็นจังหวะเดียวกับไอ้เสือวิ่งสวนแทงซ้ำ
ปัง!
กระสุนเฉี่ยวโดนนิ้วก้อยเป็นแผลเหวอะ แต่ไอ้โจรมันเข้าถึงตัวจ้วงมีดเข้าที่ชายโครงเต็มเเรง พลฯสังวรณ์ไม่คิดสู้รีบวิ่งหนี แต่ไปไม่ไกล ร่างของเขาไปฟุบลงที่บ้านหลังหนึ่ง มีคนแก่นั่งผิงไฟอยู่

เสือสายไม่ยอมปล่อย มันตามจี้ติด พลฯสังวรณ์ยิงไปอีกหนึ่งนัดแต่ไม่ถูกไอ้เสือ มันกระโจนขึ้นคร่อมกระหน่ำแทงไม่ยั้งถึง 9แผล
พลฯ สังวรณ์ฟุบแน่นิ่ง!

เสือสายคว้าปืนพระรามหก วิ่งกลับมาที่บ้านตนเพื่อต้องการฆ่านายเคลือบและพลฯ วัฒน์ แต่ไม่เจอใครเพราะพลฯวัฒน์หอบเอาร่างนายเคลือบหนีไปหลบซ่อน

เมื่อไม่เห็นเหยื่อที่ต้องการฆ่ามันก็ไม่สนใจอะไรอีก เพราะกำลังลิงโลดว่าได้ฆ่าขันพันธ์เเล้ว ไอ้เสือก็วิ่งชูปืนพระรามหกไปทั่วทุกบ้าน พลางตะโกว่า

”ไชโย! ไชโย! กูฆ่าไอ้รองฯ ตายเเล้ว กูเเย่งปืนมันมาได้ด้วย”

ไอ้เสือสายวิ่งหายลับสายตาไปเเล้ว พลฯ วัฒน์ได้ประคองนายเคลือบออกมาจากที่ซ่อน ไปขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าที่บ้านพลฯ สังวรณ์นอนฟุบอยู่ ผู้เฒ่านั้นพาคนทั้งสามลงเรือเเจว

พลฯ วัฒน์รีบเเจวเรือมาที่สถานีตำรวจสุราษฏร์ แต่พลฯสังวรณ์ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้สิ้นใจตายก่อนถึงสถานีตำรวจส่วนนายเคลือบบาดเจ็บสาหัส การกระทำอันเหี้ยมเกรียมของไอ้เสือสายครั้งนี้ เท่ากับเหยียบจมูกตำรวจทั้งเมือสุราษฏร์ฯ ตำรวจยอมไม่ได้…

พอดี พ.ต.ท.หลวงเสนีรณยุทธ์ รองผู้บังคับการออกตรวจราชการทราบข่าว รุดไปดูสถานการณ์ ยิ่งได้เห็นลูกน้องชั้นประทวนตายอย่างอนาถก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้ รองผู้บังคับการถึงกับลั่นวาจา ”จะตามจับไอ้เสือสายให้ได้ด้วยมือของอั๊วเอง”

ร.ต.อ.ขุนพันธ์ทราบเรื่องทั้งหมด ได้เข้าพบกับท่านรองผู้บังคับการขออาสาจับเสือสายเองและจะจับให้ได้ โดยที่ท่านรองผู้บังคับการไม่ต้องออกไปลุยเอง!

”มือปราบหนังเหนียว” ได้ทำพิธีเซ่นวิญญาณของพลฯ สังวรณ์ด้วยอาหารคาวหวาน เพื่อที่จะได้พบตัวไอ้เสือสายรายนี้ได้โดยเร็ว จากนั้นก็ส่งสายออกสืบและตนเองก็ออกตระเวนหาข่าวด้วยฝ่ายเสือสายรู้เเล้วว่า ตำรวจที่ตนฆ่าหาใช่ขุนพันธ์และมันก็รู้ด้วยมือปราบคนนี้ต้องไม่เอามันไว้ คงลงมือไล่ล่าตัวเองแน่นอน มันพาเสือโน้มและพรรคพวกบางส่วนหนีไปอยู่ขุนทะเล

กระนั้นมันก็มีใจเหี้ยมอยากเจอกับขุนพันธ์ ไอ้สายได้พกขวานไว้เล่มหนึ่ง ตั้งใจว่าหากเจอกับขุนพันธ์ เมื่อไร…มันจะตีด้วยสันขวานให้ตายคามือ!

ข่าวนี้รู้ถึงหูขุนพันธ์ก็หัวเราะบอกกับลูกน้องว่า ”หากเจอกับมันอั๊วจะให้มันเล่นเพลงขวานสมใจอยาก แล้วอั๊วจะตีมันด้วยไม้เเต้วทั้งหนาม”

หลายวันต่อมา…ขุนพันธ์สืบรู้ว่า พวกโจรเหี้ยมอยู่ที่ขุนทะเล จึงยกกำลังเรือแจวไปขึ้นฝั่งที่ขุนทะเลยามย่ำรุ่ง
แต่ต้องผิดหวัง! พวกไอ้สายไหวตัวทัน มันหลบหนีไปก่อนที่ตตำรวจจะบุกเข้ามา พบเเต่น้ำส่าเหล้าหมักอยู่หลายตุ่ม เพื่อเตรียมต้มเหล้าเถื่อน

ขุนพันธ์ไม่ยอมเเพ้อออกสืบหาข่าวใหม่ ใช้เวลาเกือบ 2เดือน รู้ว่าไอ้เสือสานมันเตลิดหนีเข้าป่าไปไกล อยู่บ้านนาใน ต.ถ่ำสิงขร อำเภอท่าขนอน

จึงได้จัดทีมไล่ล่ามี ส.ต.ท. สันติ์ พลฯ วัฒน์ กำนันเจิม ผู้ใหญ่หริบ นายย่อง นายหนู ซึ่งสองคนหลังเป็นตำรวจเก่าที่มีฝีมือได้มาช่วยปราบไอ้สายเสือปล้น

การยกกำลังไปครั้งนี้ ทุกอย่างเป็นความลับ เพื่อไม่ให้รู้ถึงหูเสือสาย อีกทั้งมือปราบชุดนี้ก็ไม่ยอมติดต่อกับตำรวจเจ้าของพื้นที่ ดังนั้นความชำนาญพื้นที่จึงไม่มี

ไปถึงถ้ำวัดถ้ำ ต่างก็นึกว่าเป็นถ้ำสิงขร จึงเข้าไปซุ่มอยู่ในถ้ำเพื่อดักจับโจร รอจนถึง 7 วันก็ยังไม่พบ อีกอย่างมีชาวบ้านเป็นชาย 2 หญิง 1 เข้ามาหาขี้ค้างคาว ขุนพันธ์จึงจับตัวไว้เพราะกลัวข่าวการมาจับเสือสายรั่วไหล

ฝ่ายชาวบ้านที่ถูกจับก็คิดว่าขุนพันธ์เป็นโจร เพราะเเต่งตัวนอกเครื่องแบบ ชาวบ้านหญิงที่ถูกจับได้ขอร้องให้ปล่อยตัวเธอกลับบ้านเพราะเธอเป็นเเม่ลูกอ่อนต้องกลับไปดูเเลลูก ทั้งยังสัญญาว่า จะไม่ไปบอกใครว่ามีคนอยู่ในถ้ำนี้ ขุนพันธ์จึงยอมปล่อยตัว

ปรากฏว่าหญิงชาวบ้านไม่รักษาวาจา เอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจที่โรงพักท่าขนอน ว่ามีโจรเข้ามาหลบอยู่ในถ่ำและจับคนไว้ด้วย ตำรวจท่าขนอนรู้เรื่อง จ.ส.ต.ฟ่อน จึงนำกำลังส่วนหนึ่งพร้อมด้วยอาวุธครบมือไปยังถ้ำวัดถ้ำทันที

มือปราบหนังเหนียวมองเห็นกลุ่มตำรวจท่าขนอนแต่ไกลก็เดาเรื่องออกรีบมัดเชลยเอาไว้ แล้วพากันหลบออกด้านหลังถ่ำรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป้นตำรวจทันที เเเล้วเดินอ้อมมาทางหน้าถ้ำปะหน้ากับจ่าฟ้อน

ร.ต.อ.ขุนพันธ์แสดงตัวว่าออกมาตรวจท้องที่ และร่วมสมทบเข้าไปค้นหาโจรในถ้ำ ทั้งยังช่วยเเก้มัดชายชาวบ้านสองคนแล้วพากลับออกมา

เป็นเรื่องที่น่าแปลก…เชลยสองคนจำขุนพันธ์ไม่ได้เเม้เเต่น้อย? ข่าวไอ้เสือสายอยู่ไม่เป็นที่ ยากแก่การติดตามของกลุ่มตำรวจ ”มือปราบทั้งหลาย”

บางทีพวกที่เข้าไปทำน้ำมันยางในป่าบอกให้ทราบว่า ไอ้เสือสาย ไอ้เสือโน้มหนีเข้าไปอยู่ในป่าทับควาย คอยขโมยข้าวสารและข่าวห่อของพวกที่ไปเก็บน้ำมันยางอยู่เสมอมีทางเดียวที่จะได้ตัวไอ้เสือกลุ่มนี้ ต้องมีสายในกลุ่มโจร! แต่จะใช้ใครล่ะ ?

บังเอิญ…ขณะนั้นมีคนร้ายคนหนึ่งชื่อ คล้อย หลบหนีคดีฆ่าคนตายขุนพันธ์ จึงเรียกตัวให้มาพบ นายคล้อยก็มา จากนั้นก็โดนเกลี้ยกล่อมให้เป็น ”สาย” เพื่อแลกเปลี่บนที่ขุนพันธ์ จะช่วยในคดีเก่า นายคล้อยยอมกลงด้วย

จากนั้นนายคล้อยเข้าไปอยู่กับเสือสาย โดยที่เสือสายไม่ได้ระเเวง สงสัยอะไร เพราะรู้แล้วว่านายคล้อยกำลังหนีคดีร้ายเเรงอยู่

คราวนี้ขุนพันธ์รู้การเคลื่อนไหวของไอ้เสือสายอย่างหมดเปลือก รู้จนกระทั่งว่า ถ้าคืนไหนฝนไม่ตก ไอ้เสือมันจะกางมุ้งนอนตามโคนต้นไม้ หากคืนไหนฝนตกมันจะขึ้นไปนอนบนห้างทับควาย

วันที่ 15 มีนาคม 2486 เป็นวันกำหนดเข้าล้อมจับเสือสาย และพรรคพวก

บ่ายวันนั้นฝนตกมาห่าใหญ่หยุดบ้างหนักบ้างสลับไปขุนพันธ์มั่นใจ ไอ้เสือร้ายกับพวกต้องเข้าไปหลบนอนบนห้างทับควาย

เวลา 5โมงเย็น คณะของขุนพันธ์ออกจากบ้านกำนันถ้ำสิงขรมุ่งหน้าไปทับควาย อันเป็นชุมซ่อนของไอ้เสือใจหินไปถึงที่หมายเวลา 1 ทุ่ม!

เห็นห้างทับควายปลูกอยู่บนเนิน 3หลัง บริเวณ บริเวณรอบๆห้างเป็นทุ่งหญ้าและป่าละเมาะ เเต่บนห้างไม่มีพวกโจรอยู่เเม้เเต่คนเดียว

ขุนพันธ์สังเกตชัยภูมิแล้วก็วางแผนทันที มีทางเดินตัดผ่านสวนยาง ทางทิศตะวันตกทางเดียว หากไปหลบซ่อนอยู่ในป่ายาง จะมองเห็นห้างทับควายทุกหลังชัดเจน

มือปราบหนังเหนียวสั่งการ…แยกกำลังเป็นสองกลุ่มกลุ่มเเรกอยู่ริมทางเดินลึกเข้าไปในสวนยาง มีกำนันเจิม ผู้ใหญ่หริบนายหนู พลฯ วัฒน์ กลุ่มที่สองอยู่ใกล้ปากทางออก มีขุนพันธ์ พลฯ สันติ์ กำนันถ้ำสิงขร และนายย่อง

ขุนพันธ์และกำนันเจิมได้ใช้หวายเส้นเล็กโยงเป็นสัญญาณโดนตกลงกันว่า หากไอ้สายเดินมา ให้กำนันเจิมกระตุกเป็นสัญญานว่าคนไหนเช่น คนเเรกก็ 1ครั้ง คนที่2 กดก็2ครั้ง

คนที่จะเข้าจับเสือสายคือขุนพันธ์ เพราะตั้งใจจะตีมันด้วยไม้แต้วหนามให้สมเเค้น เวลาล่วงเข้าตี 2 เหล่ากองปราบได้ยินเสียงคนเดินและเสียงพูดคุยเเว่วใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ครู่หนึ่งขุนพันธ์เห็นชายสามคนเดินกันมาตามทาง คนนำหน้าถือไต้ส่องทางโดยไม่ได้ระมัดระวังว่าจะมีใครมาพบเห็นมัน ใกล้เข้ามาทุกขณะ..หวายเส้นเล็กถูกกระตุก 2 ครั้ง แปลว่าเสือสายเป็นคนที่สอง

คนร้ายเดินผ่านจุดที่ขุนพันธ์ซุ่มอยู่ นายตำรวจมือปราบเตรียมกระโจนออกไปเอาไม้เเต้วหนามตีไอ้คนที่สองที่เป็นเสือสาย พลฯ สันติ์รีบคว้าข้อมือขุนพันธ์ไว้ และโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่ให้ลงมือ ขุนพันธ์ก็สงสัยและคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติเเน่!

สามคนร้ายเดินผ่านไป โดยที่พวกมันไม่รู้ว่าได้หลุดรอดจากมือปราบพระกาฬอย่างหวุดหวิด พวกมันตรงไปยังห้างหลังที่สามเพื่อนอนหลับพวกโจรขึ้นห้างไปเเล้วขุนพันธ์หันไปถามพลฯ สันติ์

”ทำไมไม่ให้อั๊วเล่นงานมันวะ”

”ไอ้สายไม่ใช่คนเดินกลางหรอกครับท่านรองฯ ไอ้คนถือไต้นำหน้านั่นตะหากไอ้เสือสาย” พลฯ สันติ์ตอบให้ทราบ

พอดีกำนันเจิมวิ่งก้มๆ เข้ามาสมทบเเล้วเอ่ยขึ้น

”ขอโทษทีครับนาย…ครั้งเเรกคงไปกระทบสายเข้า ส่วนครั้งที่สองผมกระตุกเอง”เป็นอันว่าที่วางแผนไว้ต้องล้มเหลว!

แผนต่อไป คือ การเข้าโอบล้อมห้างหลังที่สามเอาไว้แล้วจู่โจมเข้าจับพร้อมกัน ทุกคนรับทราบ

ขณะนั้นเป็นเวลาตี 4 กว่าเเล้ว…

ทุกคนคลานเข้าไปใกล้ห้าง โดยใช้ทางควายเดินซึ่งเป็นแอ่งลึกมีโคลนเฉอะแฉะ แต่ตำรวจทุกคนยอมเลอะเทอะไปทั้งตัวกลุ่มของกำนันเจิมคลานเข้าไปถึงจอมปลวก ส่วนขุนพันธ์และพวกต้องคลานต่อไปทางเหนือซึ่งมีจอมปลวก ส่วนขุนพันธ์และพวกต้องคลานต่อไปทางเหนือซึ่งมีจอมปลวกอีกลูกหนึ่งใช้เป็นกำบัง

เป็นเเพราะกลุ่มเเรกของกำนันเจิมเคลื่อนที่ไม่ระมัดระวังมีเสียงเล็ดลอดเข้าหูเสือสายเเละเสือโน้ม มันทั้งสองตื่นขึ้นเห็นนายหนูคลานเข้าหาจอมปลวกลูกเเรก

ไอ้เสือทั้งสองจึงยิงลงมาคนละนัด

ปัง! ปัง!

เมื่อโจรเปิดฉากยิงก่อน ตำรวจทั้งหมดจึงกระหน่ำยิงเข้าไปในห้างบ้าง อย่างหูดับตับไหม้ ก็เห็นร่างๆ หนึ่งกลิ้งตกลงมาจากห้าง
ขุนพันธ์คว้าไม้แต้วหนามกระโจนเข้าใส่คิดว่าเป็นเสือสายเเน่นอน แต่พลฯ วัฒน์วิ่งแซงเข้าตะครุบตัวคร่อมร่างคนคนนั้นเพื่อจับมัด

นายหนูก็ปราดเข้าไปหาประทับปืนลูกซองยาวเตรียมยิง

ทว่า…ผู้กองมือปราบเห็นคนคนนั้นเต็มตาว่าเป็นนายคล้อยสายสืบจึงรีบตวัดมือตบลำกล้องปืนให้เบนออกไปพร้อมกับปืนลั่นตูม!
นายคล้อยรอดตายอย่างหวุดหวิด ลุกขึ้นมาได้รับวิ่งหนีขวัญกระเจิงเข้าป่าหายตัวไป

ด้านห้างทับควายมีคนแหกฝาหนีกระโดดลงมา ปรากฏว่าเป็นเสือโน้ม ส.ต.ท.สันติ์จึงวิ่งไล่จนทัน โดดเข้ากอดปล้ำเอาไว้ แต่มันสกัดหลุดจากการจับกุมเช่นกัน

บนห้างยังมีการปล้ำสู้ ขุนพันธ์และพวกรีบขึ้นไป ได้ยินเสียงพลฯ วัฒน์ร้องโอดโอย เพราะไอ้เสือสายกัดลงที่สะบ้าหัวเข่าไม่ยอมปล่อยมือปราบสั่งให้มันปล่อยมันไม่ยอม

ผู้กองมือปราบเลยบีบคอไอ้สาย มันก็ยิ่งขย้ำฟันหนักเข้าไปอีก จนพลฯ วัฒน์ดิ้นพราด ๆ ขุนพันธ์จึงต้องใช้มีดปลายปืนงัดปากไอ้เสือ จนมันต้องยอมอ้าปากเเละยอมให้จับกุม

การต่อสู้และเข้าจับกุมคนร้ายครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ปลอดภัยทุกคน ส่วนเสือสายถูกกระสุนที่ท่อนขา หน้าแข้ง ตาตุ่มและหลังเท้า ขุนพันธ์สั่งให้ปฐมพยาบาลไปพลางก่อนเพื่อไม่ให้เลือดไหลมาก

ทั้งหมดได้ช่วยกันหามไอ้เสือไปลงเรือที่ท่าน้ำหน้าวัดถ้ำสิงขร ช่วยกันถ่อเรือล่องไปสุราษฏร์ฯ เพื่อทำการรักษาบาดแผลให้เสือสาย และให้ท่านรองผู้บังคับการดูหน้า ตามที่มือปราบหนังเหนียวสัญญาเอาไว้

ระหว่างการเดินทางเสือสายมีไข้สูงเนื่องมาจากพิษบาดแผล ขุนพันธ์กลวมันจะตายเสียก่อน เลยทำการบันทึกปากคำโดยละเอียดและให้มันลงลายมือในบันทึกคำสารภาพอย่างเรียบร้อย

ข่าวการจับเสือสายเเพร่กระจายไปรวดเร็ว ชาวบ้านตลอดสองฟากฝั่ง ต่างพากันมาชุมนุมกันที่ตลิ่ง ร้องโบกมือโบกผ้าแสดงความชื่นชมที่ตำรวจจับคนร้ายได้

พวกที่เเล่นเรือขึ้น-ล่อง ต่างนำเรือมาเทียบและช่วยลากจูงเป็นพวกยาวเหยียด กระทั่งมาถึงบ้านท่าผาก เขตอำเภอพุนพินจึงหยุดพักกินข้าวกลางวัน และหามเสือสายไปบนฝั่ง

เสือสายมีอาการทรุดหนักลงกว่าเดิม มีอาการสะอึกทุรนทุราย กินอะไรไม่ได้ ในที่สุดก็หมดสติไป พอดีมีชาวบ้านชื่อนายเริ่ม ทราบว่าเสือสายมีอาการไข้กำเริบ จึงเข้าไปขอรักษา

นายเริ่มเอามะขามเปียกละลายกับน้ำอุ่นปนกับสบู่เป็นตัวยา เเล้วใช้ก้านมะละกอทำเป้นหลอดสอดเข้าไปในทวารหนักจากนั้นนายเริ่มก็อมตัวยาเป่าเข้าไปในปลอดหลายครั้ง

ในที่สุดเสือสายก็ถ่ายออกมาเป็นอุจจาระ ความร้อนใน ตัวลดลง อาการสะอึกทุรนทุรายหายไป และสติกลับคืนมาอย่างน่าอัศจรรย์

เช้าวันต่อมา…ถึงสถานีตำรวจท่าขนอน ได้นำเสือสายขึ้นไปสอบสวนคดีที่มันก่อขึ้น และคุมขังเอาไว้หนึ่งคืน มีชาวบ้าน

จำนวนมากแห่แสดงความยินดีกับขุนพันธ์ที่จับเสือสายได้ทั้งยังได้นำอาหารและรวบรวมเงินมามอบให้มือปราบหนังเหนียวอีกจำนวนหนึ่ง แต่ขุนพันธ์ได้นำเงินทั้งหมดมอบให้แก่สถานีตำรวจท่าขนอนนำไปซ่อมบันไดโรงพักที่ชำรุด

ส่วนตนเองเก็บเงินไว้เป้นที่ระลึกเพียงสลึงเดียว!

วันรุ่งขึ้น..คณะของขุนพันธ์นำเสือสายล่องเรือไปยังสุราษฏร์ฯ มีคนแห่มาดูเต็มทั้งสองฟากฝั่ง และที่น่าสนุกประทับใจคือ มีพวกหนังตะลุง มโนราห์ เพลงกระบอก เอาเรือเทียบเข้าด้วยกันแล้วเเสดงการละเล่น ฉลองชัยให้แก่คณะขุนพันธ์ไปตลอดทาง แม้เเต่ไอ้เสือสายยังนึกสนุกร้องรับเพลงกระบอกและเพลงฉ่อยอีกด้วย!

ถึงบ้านดอน…จะนำเสือสายขึ้นโรงพักก็ไม่ได้อีก เพราะประชาชนนำเรือมาจอดเต็มไปหมด ต้องเทียบเรือขึ้นฝั่งตลาดล่าง หามเสือสายผ่านถนนตรอกซอกซอยซึ่งมีคนมามุงอย่างเเน่นขนัดตลอดทาง

ท่านรองผู้บังคับการมารอคอยอยู่ก่อนเเล้วพบหน้าขุนพันธ์ท่านก็เเสดงความยินดีที่สามารถจับเสือสายมาให้ท่านดูหน้าได้อย่างปากพูด ท่านรองฯ ขอสอบปากคำไอ้เสือด้วยตนเอง…

เสือสายสารภาพตลอดข้อหา พร้อมทั้งระบุชื่อคนร้ายที่เคยร่วมกระทำความผิดกับมันมาตลอด 8ปีจนหมด
หลังจากให้การสารภาพหมดเปลือก เสือสายขอถ่ายรูปกับคณะขุนพันธ์เป็นที่ระลึก ซึ่งท่านรองผู้บังคับการก็อนุญาต

เสือสายถูกส่งตัวไปให้ขุนว่องฯรักษาบาดแผล แต่บาดแผลของไอ้เสือมันอักเสบเกินกว่าจะเยียวยาได้ อยู่ได้เพียงไม่กี่วันไอ้สายก็สิ้นลม

ความใจหินของไอ้สาย ขุนพันธ์ถึงกับออกปากยอมรับน้ำใจมัน เพราะตั้งเเต่เสือสายโดนยิงถูกจับกุมตัวได้…จนตราบสิ้นลมหายใจ…
มันไม่เคยปริปากร้องบอกถึงความเจ็บปวดใดๆ ให้ได้ยินเเม้เเต่คำเดียว!

สำหรับตอนนี้ขอมอบ◎พระคาถาดำเนินสะดวก◎

( ตั้งนะโม ๓ จบก่อนนะ ครับ )

” มะหะตาวิริเยเนปิ มะหันตังปาระมี อะฤๅมนุษย์ษะเทเวหิ

พรัหม เมหิ มะหิตันตัง นะมามิหัง ”

ตั้งจิตภาวนา สวด ๑๙ จบครับ

ท่านพล.ต.ต.ขุนพันธ์รักษราชเดช กล่าวไว้ว่า ให้สวดก่อนเดินทางไปไหนมาไหน จะทำให้เดินทางเเคล้วคลาดปลอดภัย จากภัยภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวง เทพเทวดาพระพรหมทั้งหลายจะปกป้องคุ้มครองรักษา เเละเป็นเมตตามหานิยม

ขอบคุณขอมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
รูปภาพจากหนังเรื่อง ขุนพันธ์

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: