579. ขุนพันธ์ ล้างโจรชัยนาทให้สิ้นซาก

หลังจากเสือย่อมและพวกพ้องบริวาร ถูก พ.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เข้ากวาดล้างที่บ้านดงดอน ถึงกับกระเจิดกระเจิงบาดเจ็บกันไประนาว

ปรากฏว่าเสือย่อมสูญหายไร้ร่องรอย ไม่มีข่าวว่ามันเข้าปล้นที่ไหนอีกในเขตจังหวัดชัยนาท

การกวาดล้างชุมโจรเสือย่อมครั้งนั้น เป็นเหตุให้ชุมโจรเสือก๊กต่างๆ ผวากลัวนายตำรวจมือปราบหนังเหนียวอย่าง ”ขุนพันธรักษ์ราชเดช” ไปตามๆกัน

ชุมโจรหลายชุมติดต่อขอเข้ามอบตัวสู้คดี และบางพวกเข้าร่วมมือกับตำรวจกวาดล้างโจรด้วยกันเอง ทำให้แผ่นดินเมืองชัยนาทสงบสุขกว่าแต่ก่อนมากมายเว้นโจรก๊กเดียว คือ เสือย่อม

มันหายจากเขตชัยนาทข้ามเดือนข้ามปี ไม่มีข่าวว่ามันเตรียมหรือปล้นโจร ราวกับว่าเสือปล้นรายนี้อำลาวงการมิจฉาเสียเเล้ว!

เข้าเดือนกุมพาพันธ์ 2490

หน้าแล้งเช่นนี้ ท้องทุ่งก็เหลือแต่ซังข้าวกรอบเกรียมผุดโผล่เหนือที่นาที่เเตกระแหง

น้ำในลำประโดงที่เคยเปี่ยมล้นเหลือเฟือ เหือดหายกลายเป็นธารน้ำเล็กๆ ไหลริมติดก้นลำประโดงอันแห้งขอด

วัวควายก็พลอยได้พักจากงานหนักไปด้วย เจ้าของปล่อยให้ลูกหลานไล่ต้อนไปเลี้ยงตามชายทุ่งซึ่งยังพอมีหญ้าให้แทะเล็มเเทนฟางอันจืดชืด

บ้านของนายหมึกกับนางคอนอยู่ชิดติดกันกับบ้านนายศรและนางฟุ้งทั้งสองครอบครัวสนิทชิดเชื้อเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันโดยเฉพาะนายหมึกกับนายศรมีรสนิยมเหมือนกัน ชอบตีไก่กัดปลา และนิยมยินดีในเรื่องเสพสุรา

ทั้งสองเกลอเป็นคนสนุกสนานและมีน้ำใจไมตรี เวลาตำรวจกองตรวจหรือเจ้าพนักงานอำเภอผ่านมาที่บ้านดอนชงโคถิ่นพำนักของสองเกลอ มักจะแวะมาสนทนาเฮฮากับบุคคลทั้งสองเสมอบ้านดอนชงโคแห่งนี้…ในอดีตเป็นถิ่นของเสือย่อม เป็นที่ตั้งชุมโจรเมื่อครั้งยังมีบารมีโจรอยู่ หลังจากถูกไล่ล่าจากขุนพันธ์ชุมโจรแห่งนี้ก็แตกสานซ่านกระเซ็นไม่มีใครกล้าเข้ามาเหยียบอีกเลย

โจรไม่มา..แต่ตำรวจมา เพื่อตรวจสอบดูว่า ยังมีโจรคนใดย้อนรอยกลับเข้ามาหรือไม่?

แม้เสือย่อมหายตัวไป แต่สายของโจรยังอยู่ เป็นหูเป็นตาให้มันอย่างเงียบๆ

พฤติกรรมของนายหมึกกับนายศรที่สนิทสนมกับตำรวจทำให้พวกของเสือย่อมสงสัยว่านายหมึกกับนายศรเป็น ”สาย” ให้กับพวกตำรวจ?

เหตุนี้ ชะตาชีวิตของสองเกลอจึงถูกลิขิตให้ถึงฆาตโดยคำสั่งของเสือย่อม!

วันที่ 4 กุมพาพันธ์ 2490

เลยเพลล่วงเข้าเที่ยงเเล้ว แดดเจิดจ้าจรัสเเสงแรงร้อนไปทั่วท้องทุ่ง

นายหมึกกับนายศรไม่อยู่บ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ถ้าให้เดาคงหนีไม่พ้นบ่อนถั่ว โป หรือบ่อนไก่ชน กัดปลา ไม่บ่อนใดก็บ่อนหนึ่งนางคอนเมียของนายหมึกกับลูกสาวชื่อ เอียน ทำงานบ้านเสร็จก็ลงเรือนมาที่บ้านนางฟุ้ง ซึ่งอยู่กับลูกสาวที่ชื่อ จอน ทั้งสี่คนนั่งพูดคุยกันอย่างเป็นที่สนุกสนาน

ชายฉกรรจ์กว่า 10 คนเดินลัดดงไม้ข้างลำประโดงมาโผล่ที่บ้านนางฟุ้งเมีย นายศร โดยไม่มีใครพบเห็น ทุกคนร่างมอมแมมแต่มีอาวุธปืนสั้นยาวครบมือทุกคน

พวกมันซุ่มเดินโผล่เขตรั่วตรงเข้าหาคนทั้งสี่ก็รัวกระสุนปืนสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับเสียงประกาศก้อง

”พวกกูเสือย่อม ใครไม่อยากตายอย่าเข้ามาขวาง”

นางฟุ้ง นางคอน และลูกสาวทั้งสองกรีดร้องด้วยความกลัว ผวาลงหมอบกับพื้นดินตัวสั่นงก

พวกโจรกระจายโอบล้อมบ้าน โจรกลุ่มนี้ไม่มีเสือย่อมนำทีม มีแต่ไอ้หน้าเหี้ยมที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเดินเข้ามากระชากผมนางฟุ้งเเล้วตะคอกถาม

”ไอ้หมึก ไอ้ศร…อยู่ไหน?”

นางฟุ้งลนลานตอบว่าไม่อยู่และไม่ทราบว่าไปไหน

บริวารโจรกลับมารายงานว่า บ้านทั้งสองหลังไม่พบสองเกลอ ไอ้ตัวหัวหน้าประกาศให้ได้ยินไปทั่ว

”ไอ้หมึกกับไอ้ศร เป็นสายให้ตำรวจ เมื่อมันทั้งคู่ไม่อยู่ก็เอาลูกเมียมันกลับไปลงโทษกฏของพวกเรา”

กลุ่มโจรฉุดกระชากลากไถแม่ลูก 2 คู่ออกมาทางท้องทุ่งพอถึงห้างนาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเชลยนัก เหล่าวายร้ายทั้งมวลก็คายสันดานเยี่ยงสัตว์นรกออกมา

พวกมันเปิดฉากข่มขืนกระทำชำเราสองสาวแรกรุ่นต่อหน้าผู้เป็นเเม่อย่างหื่นกระหายกระทั้งครบทุกคน

สาวจอนและสาวเอียนสลบคาที่!

จากนั้นพวกโจรอำมหิตบังคับให้นางฟุ้งและนางคอนนั่งคุกเข่าแล้วเหนี่ยวไกสังหาร ทั้งคู่กลายเป็นผีเฝ้าทุ่งเคียงกัน!

การกระทำของโจรกลุ่มนี้ พ.ต.ต.ขุนพันธ์สืบทราบว่าเป็นการกระทำของสมุนเสือย่อม มีเสือตั๋งกับเสือแตงเป็นหัวหน้าที่จะสร้างบารมีขึ้นมาแทนที่เสือย่อมทั้งยังหลบหนีไปอยู่บ้านวังขนุน
คำสั่งจากผู้กำกับการตำรวจเมืองชัยนาทให้จัดการเฉียบขาดกับโจรกลุ่มนี้ พร้อมกับจัดทีมล่าสังหารออกกระจายโอบล้อมทุกท้องที่ไม่ให้โจรเล็ดลอดได้

อีก 4 วันหลังเกิดเหตุ…

ตำรวจสายตรวจ 12 นาย มุ่งตรงไปบ้านวังขนุนและปะทะกับเสือตั๋ง เสือแดง สองเสือเตลิดหนีไปได้ แล้วไปปะทะกับหน่วยสกัด มี ส.ต.ท.เฉิบ กับ ส.ต.ท.วิเศษ เป็นหัวหน้าที่บ้านคลองขวาง
มันทั้งสองพร้อมลูกน้องต้องหนีหัวซุกหัวซุนอีก!

ครั้นพวกมันไปถึงบ้านร่องไผ่ขวาง ตำบลห้วยกรด เจอเข้ากับกองตำรวจสาย ร.ต.อ.พยัคฆ์กับนายอำเภอตอม ยิงปะทะสนั่นลั่นทุ่ง
คราวนี้ไอ้เสือตั๋งถูกอัดด้วยลูกปืนเต็มหน้าอกเป็นศพทันที

ส่วนไอ้เสือแตงดวงยังดี หนีรอดไปอย่างหวุดหวิดชนิดขวัญกระเจิงเมื่อเจอการปราบปรามอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด

คาดกันว่าเสือแตงคงกลับไปรายงานให้เสือย่อมทราบพวกมันทั้งคู่ไม่ยอมออกปล้นอีก แต่สายของตำรวจรายงานให้ทราบว่า…

พวกไอ้เสือย่อมมันไปเข้าร่วมกลุ่มกับ เสือพัว บ้านสามเอก ซึ่งมีเสือศักดิ์ เสือสม พี่น้องสองเสือบ้านวัดกำแพง รวมเป็นพวกเดียวกัน

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปีเดียวกัน…
ที่บ้านหมู่ 15 ตำบลแพรกศรีราชา สรรคบุรี ”เถ้าแก่ซ่ง” คหบดีของตำบลนี้ เตรียมจัดงานแต่งงานลูกชายคนโตชื่อ ตี๋กับสาวชาย สาวสวยที่สุดในตำบล ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายดำกับนางทุเรียน

วันนี้ครอบครัวทั้งสองต่างพากันมาปรึกษาเรื่องงานแต่งงานของหนุ่มสาว ส่วนสองหนุ่มสาวหลบไปคุยกันหลังบ้าน

เวลาบ่ายโมงกว่า…

เสือพัว เสือศักดิ์ เสือสม และเสือย่อม พรั่นพร้อมด้วยบริวารโจรอีกเกือบ 20 คน ได้คืบคลานเข้าดงไม้ใกล้บ้านเถ้าแก่ซ่งอย่างเงียบเชียบ

เพียงชั่วอึดใจเดียว พวกโจรได้เข้าโอบล้อมบ้านเถ้าแก่ไว้เรียบร้อยไอ้สี่เสือหัวหน้าบุกเข้าบ้านอย่างเปิดเผยพร้อมกับมีเสียงตะโกนอย่างสุดเสียง

”ไอ้เสือปล้น…”สิ้นเสียงประกาศ เสียงปืนยิงขู่กระหน่ำขึ้นเป็นชุดใหญ่คนในบ้านพากันแตกตื่นอลหม่านเมื่อรู้ว่าถูกปล้นกลางวันแสกๆ แต่จะหนีไปไหนได้ เพราะโผล่ไปทางไหนก็เจอแต่พวกโจรร้ายทั้งนั้น ทุกคนถูกต้อนมาอยู่กลางบ้าน

เหล่าโจรร้ายพากันค้นหาทรัพย์สินมีค่าต่างๆ มากองรวมห่อเอาไว้พร้อมกันนี้มันได้ขนเอาทรัพย์สินที่ปล้นแบกกลับรังโจรและบังคับเถ้าแก่ซ่ง นางแตงขาว นายดำ นางทุเรียน หนุ่มตี๋ นางสาวชาย ไปเป็นตัวประกัน

การปล้นครั้งนี้ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีก็เรียบร้อย ไม่มีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านคนใดมาขัดขวางและเเย่งชิงตัวประกันแม้เเต่น้อย
พวกเสือปล้นพาตัวประกันทั้งหมดเดินลัดข้ามทุ่งมุ่งหน้าถึงดงไม้เบื้องหน้า มันก็ไล่นางแตงขาวและนางทุเรียนกลับมา เพื่อให้หาเงินให้สองหมื่นบาท ทองอีก 4 บาท มาไถ่ตัวประกันอีกสี่คนที่เหลือ

โจรโฉดทั้งหลายมุ่งหน้าต่อข้างดงไม้เป็นทุ่งอีก เดินไปพักใหญ่ก็มาถึงเพิงห้างนา พวกมันหยุดพัก แต่สันดานโฉดของโจรมันก็ถ่อยวันยังค่ำสี่เสือปล้นได้ผลัดกันเปลี่ยนกันข่มขืนนางสาวชาย ต่อหน้าแฟนหนุ่มและผู้เป็นพ่อตัวพ่อผัว

เสียงอ้อนวอนของหญิงสาวดังโหยหวนอยู่ตลอดเวลาเพื่อขอความกรุณาจากเหล่าร้าย แต่พวกมันไม่สนใจเพราะมันหื่นกระหายเยี่ยงสัตว์ป่า

ทั้งสี่เสือสะใจในรสกามเเล้ว มันก็เรียกสมุนที่เหลือเวียนเข้าระบายความกลัดมัน จนสาวชายสลบเเล้วสลบอีก!

ถ้าหญิงสาวเธอกลั้นใจตายเสียได้ เธอคงยอมตายดีกว่าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!

หลังจากสำราญใจของคนโฉดทั้งหลายแล้วโดยลากสาวชายไปด้วย ส่วนตัวประกันผู้ชายให้รออยู่ที่เพิงทิ้งลูกน้องเอาไว้ 3 คนเฝ้า เพื่อรอค่าไถ่

ไอ้โจรทั้งสามมีปืนเล็กยาว 66 คนละกระบอก ระหว่างเฝ้ารอเงินค่าไถ่ มันได้พูดจาข่มขู่ตัวประกันให้กลัว แค่นี้ยังไม่พอ…พวกมันยังได้วิจารณ์ถึงความสุขสำราญที่ได้จากร่างกายนางสาวชายโดยไม่แยแสว่า แฟนหนุ่ม และผู้เป็นพ่อทั้งสองฝ่ายจะมีความรู้สึกเช่นไร

บ่ายสี่โมงกว่าโจรชั่วทั้งสามเหนื่อยอ่อน พวกมันเอาปืนหนุนหัวไว้แล้วบังคับตัวประกันทั้งสามขึ้นมาบีบนวดให้แก่พวกมัน
ลมเย็นๆ มีคนบีบนวดให้เช่นนี้ บวกกับความอ่อนเพลียจากฤทธิ์หื่นกระหายหยาบช้า ทำให้พวกมันหลับสนิท!

นายดำหนุ่มตี๋ซึ่งเก็บความเคียดเเค้นไว้เต็มอก สบตากันบ่งบอกถึงโอกาสอันดีของพวกเขามาถึงเเล้ว คนทั้งสองขยิบตาให้เถ้าแก่ซ่งบีบนวดต่อไป เเล้วคนทั้งคู่ค่อยย่องลงมาจากเพิงสายตามองอะไรที่เป็นอาวุธได้ ก็เห็นท่อนไม้ขนาดเท่ากับสากตำข้างนายดำและหนุ่มตี๋ถือกระชับมั่น ย่องกลับขึ้นไปในเพิง เลือกเอาคนริมสุดของสองฝาก

คนทั้งคู่หวดกระหน่ำไม้ในมือลงบนกบาลโจรทั้งสองสุดเเรงเกิด

ปึ้ก! ปึ้ก!

”โอ๊ย! โอ๊ย! ” เสียงโจรชั่วร้องลั่น พวกมันก็ร้องลั่นเเต่ก็เป็นเพียงครั้งเดียว นายดำและหนุ่มตี๋หวดไม้ในมือกระหน่ำเข้าไปอีกทีสองทีมันก็เงียบเสียง เลือดสาดกระจายเต็มเเคร่นอน

ไอ้โจรชั่วอีกคนตกใจจากเสียงเพื่อนผวาลุกขึ้น ถูกเถ้าแก่ซ่งถีบยอดอกดันไว้ นายดำหันมาเห็นก็หวดท่อนไม้ในมือเข้ากลางหลังมัน จนกระเด็นตกจากเเคร่มันไม่หันมาดูเเต่ตาเหลือกตะกายหนี เผ่นสุดฝีตีนเข้าป่าหนีไปได้

โจรที่ถูกหวดด้วยท่อนไม้สองคนนอนหัวแบะตายคาที่นายดำ เถ้าแก่ซ่ง หนุ่มตี๋ ยึดปืนสามกระบอกเเล้วรีบหนีกลับบ้านเพราะกลัวพวกโจรย้อนกลับมา

มาถึงลำตะลุง เห็นเรือโปงผูกลอยลำอยู่ลำหนึ่ง จึงตาลีตาลานลงเรือกัน เถ้าแก่ซ่งทำปืนตกน้ำ แต่คนทั้งสามก็ข้ามฟากได้และหนีถึงบ้านเถ้าแก่ซ่ง

เป็นเวลาเดียวกับที่ พ.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ยกกำลังตำรวจมาถึงพอดี นายดำ นายตี๋ จึงมอบปืนสองกระบอกให้ ส่วนอีกกระบอกขุนพันธ์จะให้ตำรวจไปงมภายหลัง

ผู้กำกับการตำรวจเมืองชัยนาทสั่งไล่ล่า แต่โจรกลุ่มนี้กระจายกันหนีกบดาน จนไม่สามารถสืบข่าวได้ อีกทั้งไม่มีการปล้นจากโจรก๊กนี้อีกเลย

สำหรับนางสาวชายหายสาบสูญไปตั้งเเต่บัดนั้น เชื่อกันว่าพวกไอ้เสือได้ฆ่านางสาวชายเสียเเล้ว เพื่อเป็นการแก้เเค้นให้กับลูกน้องของมันทั้งสองคน

ส่วนขุนพันธรักษ์ราชเดช อยู่ปราบโจรที่ชัยนาทอีกสองปี จนพื้นที่นี้ปลอดภัยจากโจรร้าย ท่านได้ถูกย้ายกลับเมืองพัทลุงในปี 2492

สำหรับตอนนี้ขอมอบ◎พระคาถาลิงลม◎

วิงวังกังหะ จิติจุติอิติ อิติ พุทโธ อุทธัง อัทโธ นะโมพุทธายะ เจจะตัง

หมั่นท่องจำให้ขึ้นใช้ปลุกเพื่อให้มีกำลัง และอยู่ยงคงกระพัน ว่องไว ไว้ใช้ในคราวมีภัยจวนตัว หรือยามขับคัน ห้ามลองเล่น

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: