3685. เซียะ ปิง เพชฌฆาตหน้าหยก (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)

เซียะ ปิง เพชฌฆาตหน้าหยก

หนีเป็นคำที่หลายๆคนที่เป็นนักเลงหรือคนที่เป็นคนกล้ามักไม่มีอยู่ในพจนานุกรมแห่งชีวิต ไพฑูรย์ย้ำกับผู้เขียนเสมอว่า แม่ดอกเหมยที่รักได้กล่าวถึงคำของผู้เป็นเตี่ยที่สอนให้ตระหนักในวันสาบานตัวรั้งตำแหน่งหัวหน้าสมาคมลับให้ไพฑูรย์จำใส่ใจไว้ว่า

“ผู้กล้าย่อมไม่เคยคิดว่าอายุของตัวเองจะยืนยาวอยู่สักกี่ปีทุกอย่างแล้วแต่ฟ้าลิขิต”

แม้จะรู้ตัวดีว่าการเป็นหัวหน้าสมาคมลับนั้นชีวิตเหมือนยืนอยู่บนปากหลุมที่ด้านล่างมีขวากอันแหลมคมรอรับร่างที่จะหล่นลงไป ชีวิตจะดับดิ้นไปวันใดไม่รู้ได้ จะต้องต่อสู้ต่อไป เมื่อพระอาทิตย์ทอแสงโดยไม่คำนึงว่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินหรือไม่ หรือเมื่อหลับใหลจะได้ตื่นขึ้นมาเห็นแสงอาทิตย์ในวันใหม่หรือไม่ ไพฑูรย์จึงนิยมชมชอบน้ำใจน้ำใจของแม่ดอกเหมยที่รักเพราะเป็นแบบเดียวกับที่ไพฑูรย์เป็น โดยไพฑูรย์ไม่เคยนึกถึงความตายหรือห่วงใยสิ่งใดในระหว่างการต่อสู้ที่เดิมพันกันด้วยชีวิตคือช่องโหว่ที่จะทำให้ตัวเองต้องจบชีวิตลงในที่สุด

ทุกครั้งที่สิงโตหินเข้าต่อสู้จะตัดความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างไปทั้งหมด ระลึกแต่เพียงว่าจะสู้ สู้ให้ถึงที่สุด หากใครต้องการได้ชีวิตสิงโตหินก็จงเอาชีวิตมาแลกกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ หากตายก็ถือเสียว่าได้ต่อสู้อย่างถึงที่สุดแล้วทุกอย่างจบลงด้วยลิขิตแห่งฟ้าที่ทำให้ดาวโจรดวงเล็กๆ หล่นลงจากฟากฟ้าสู่พื้นดิน นรกสวรรค์ไม่ต้องไปคิด คิดเสียว่าเกิดเป็นชายเลือดนักสู้ นรกหรือสวรรค์ไปได้ทั้งหมด เพราะภารกิจบนโลกนี้ได้สิ้นสุดลงแล้วนั่นเอง

เสียงคนดูที่ส่งเสียงเชียร์เสียงคนดูที่แช่งชักหักกระดูกให้ตายโหงตายหะของฝ่ายที่จงเกลียดชังถือเป็นเรื่องธรรมดาหูสองข้างอย่าไปใส่ใจ จิตจับอยู่ที่อาวุธในมือและร่างของคู่ต่อสู้ที่เต้นอยู่เบื้องหน้า อย่าไปใส่ใจเรื่องบาปเรื่องบุญ เพราะ ณ เวลานี้เป็นเวลาที่จะมานึกถึงบาปและบุญไม่ได้ เราไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเรา ฝ่ายตรงข้ามต้องการได้ชีวิตเราต้องการล้มเราเพื่อเหยียบศพเราขึ้นไปยืนหยัดบนเวทีชีวิตเพื่อประกาศศักดา แน่นอนคนที่เก่งกว่าเรานั้นมีแต่ยังไม่มาเผชิญหน้ากับเรา เราคือยอดนักสู้ที่ไร้เทียมทาน ณ เวลานี้

ไพฑูรย์บอกว่าใครก็ตามทำตามที่ไพฑูรย์แนะนำ คนๆนั้นจะสามารถยืนอยู่บนถนนแห่งการต่อสู้ส่งศัตรูไปนรก แต่โปรดระลึกว่า คลองเปรม บางขวาง แม้จะแออัดแต่มีที่ว่างพอสำหรับผู้ที่ยืนหยัดอยู่เหนือร่างอันไร้วิญญาณของคู่ต่อสู้ กฎหมายอาญาว่าด้วยชีวิตและร่างกายมิได้บัญญัติให้การเต็มใจต่อสู้กันจนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถึงแก่ความตายว่าเป็นการต่อสู้กันด้วยความเต็มใจไม่เอาผิดกัน (ยกเว้นนักมวยที่ต่อสู้กันบนเวทีหรือโรงพยาบาลว่าไม่มีความผิดฐานฆ่าคนตาย) ต่อสู้กันโดยฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งตายคนที่รอดจะต้องถูกดำเนินคดีในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไว้ก่อน ส่วนจะควบด้วยโดยไตร่ตรองไว้ก่อนที่สุดแต่ตำรวจและอัยการจะทำสำนวน

การฆ่ากันในบางขวางสมัยที่สิงโตหินผยองถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ใบสั่งฆ่านักโทษจากภายนอกมีอยู่เป็นระยะๆจากฝ่ายที่ญาติพี่น้องถูกฆ่าตายแทนที่จะถูกประหารชีวิต หรือจำคุก 20 ปีตามคำพิพากษา ญาติพี่น้องของคนตายจงรู้สึกว่าโทษไม่สาสมกับความผิดจึงติดต่อผ่านผู้คุมบางคนที่เห็นแก่ได้ ให้จัดการฆ่านักโทษที่เป็นเป้าหมายให้ตายตกตามกันไป เพราะการฆ่ากันในบางขวางโทษไม่หนักหนาสาหัสเพราะแต่ละคนมีโทษหนักอยู่แล้ว

การสังหารก็ไม่ยาก ขาใหญ่รับใบสั่งมาแล้วสั่งให้สมุนเข้าไปหาเรื่องกับนักโทษที่มีใบสั่งฆ่า ทำทีเป็นทะเลาะวิวาทแล้วต่อสู้กันเลยพลั้งมือฆ่ากันตายมีการสอบสวนพอเป็นวิธี ชีวิตคนคุกในบางขวางมีค่าอะไรนักหนา ตายแล้วก็ตายไป หลายครั้งที่ทำไม่สำเร็จเพราะเหตุที่ดวงดาวที่เกิดยังไม่ถึงเวลาร่วงลงจากฟ้า ไพฑูรย์เล่าเรื่องการสังหารตามใบสั่งให้ฟังคดีหนึ่งคือคดีเซียะปิง ในระหว่างที่เซียะปิงถูกขังในบางขวางระหว่างรออุทธรณ์ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังต่างพากันร้อนตัวเพราะคดีอาจพลิกในชั้นอุทธรณ์ หากตำรวจและอัยการได้หลักฐานใหม่เพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์อาจรื้อฟื้นนำตัวคนสมรู้ร่วมคิดในการสังหาร เหกวงเอี่ยม ที่ยังอยู่ระหว่างการสาวไปให้ถึง

ตราบใดที่ เซียะ ปิง ยังมีลมหายใจอยู่อาจเปิดปากกับตำรวจมากไปกว่าที่ให้การไว้เดิม หากตำรวจเสนอว่าจะมีการลดโทษหากให้ความร่วมมือ ไพฑูรย์เล่า เซียะ ปิง เป็นยอดคนที่รักษาสัจจะ ไม่เคยเปิดปากให้การให้ผู้มีพระคุณพลอยได้รับความเดือดร้อนไปด้วย แต่ด้วยเรื่องที่กล่าวมาแล้วทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจขึ้น เซียะ ปิง จึงถูกขึ้นบัญชีดำรอเวลาถูกสังหาร ไพฑูรย์กับเซียะ ปิง เคยคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ครั้งไพฑูรย์ยังเป็นผู้คุมกฎให้กับสมาคมลับกับแม่ดอกเหมยที่รัก เมื่อพบกันในแดนเลี้ยงอาหาร เซียะ ปิง เข้ามาสวัสดี เรียกไพฑูรย์ว่า “เฮียไพฑูรย์” ไพฑูรย์เรียกเซียะ ปิง ว่า “อาปิง” และบอกกับเซียะ ปิง ว่า

“อาปิงลื้อมีเรื่องเดือดร้อนอันใดบอกอั๊วได้เลย สิงโตหินคนนี้คือพี่ชายลื้อเหมือนสมัยเมื่ออยู่เยาวราชไม่เคยเปลี่ยนแปลง”

ไพฑูรย์ได้เล่าเรื่องการได้รู้จักกับ เซียะ ปิง สมัยเมื่ออยู่เยาวราชว่า ขณะที่ไพฑูรย์กินข้าวต้มกระดูกหมูกระทะทองเหลืองที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก เรียกว่าพองิ้วเลิกจะมีผู้คนเดินมากินข้าวต้มกระดูกหมูกันจนต้องยืนรอคิวอยู่อย่างเอร็ดอร่อย ก็มีคนวิ่งไล่กันมา พอมาถึงหน้าร้านข้าวต้ม ไพฑูรย์ก็เห็นชายคนหนึ่งหน้าขาวเหมือนพระเอกงิ้ว ในมือมีมีดสั้นด้ามผูกด้วยแพรสามสีกำลังวิ่งเอาชีวิตรอด มีชายฉกรรจ์ห้าคนในมือถือดาบปลายหยักครบมือ ร้องตะโกนว่า “พะซี้ พะซี้” ไพฑูรย์เล่าว่าเลือดนักสู้ผู้ไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบของนักสู้พลุ่งพล่านขึ้นมา พอคนที่สองผ่นไปไพฑูรย์ก็ยื่นขาออกไปขวาง สามคนวิ่งเพลินสะดุดขาไพฑูรย์ล้มคว่ำคะมำหงายดาบหลุดมือ

พอลุกขึ้นได้ก็เข้ากลุ้มรุมไพฑูรย์ ไพฑูรย์ใช้เก้าอี้นั่งไม้แดงที่นั่งปะทะกับดาบหัวหยักที่ฟันลงมา ก่อนที่จะดึงมีดสันหนาคมบาง ด้ามสลักอักษรว่าผู้พิทักษ์กฎเป็นภาษาจีนออกมาต่อสู้กับชายสามคนที่ไม่สัญลักษณ์บอกให้รู้ต้นสังกัด รู้กันดีในหมู่อั้งยี่ว่าเป็นมือสังหารรับจ้างนิรนามที่แฝงตัวอยู่ในโคราช มีอาชีพบังหน้าเป็นจับกัง รับงานฆ่าคนมือสังหารรับจ้างนิรนามขึ้นชื่อในเรื่องความสัตย์ซื่อ ยอมตายดีกว่าเปิดปากสารภาพให้สาวถึงตัวคนบงการ พวกที่นอกกฎถูกตามปิดปากสังหารทุกราย ไม่มีใครรู้จักตัวตนจริงๆ จะติดต่อผ่านคนกลางที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนี้เป็นใคร เพราะเวลามารับงานจะปิดหน้าอย่างมิดชิดรับเงินครึ่งหนึ่งก่อน ทำงานเสร็จจะมารับเงินที่เหลือ

ขณะสู้ติดพัน ไพฑูรย์บอกว่าแม้จะเก่งแค่ไหนคนๆเดียวกับคนสามคนมีดาบหัวหยักครบมือ หากไม่มีบารมีหลวงพ่อเดิมมาปกปักรักษาแล้วคงเป็นผีแต่นี่เพียงแต่เสื้อกางเกงขาด มีรอยเลือดออกมาเป็นยางบอ ทันใดก็ได้ยินเสียงตะโกนเป็นภาษาจีน ไพฑูรย์มองด้วยหางตาเห็นชายหนุ่มหน้าขาวเหมือนพระเอกงิ้วถือดาบหัวหยักด้ามยาวเข้ามาช่วยเหลือไพฑูรย์รบกับชายสามคนจนล่าถอยไปพร้อมกับรอยเลือดเป็นทาง

ชายหนุ่มหน้าขาวยืนหอบก่อนจะกล่าวขอบคุณไพฑูรย์ด้วยภาษาไทยที่ออกเสียงไม่ชัดเจน แสดงว่าเป็นคนมาจากแผ่นดินใหญ่หรือไม่ก็อยู่ในแวดวงคนจีนที่พูดภาษาแต้จิ๋วที่ไม่ค่อยได้พูดภาษาไทย พอจับความได้ว่า

ขอบคุณเฮียที่ช่วยเหลือหาไม่แล้วคงถูกรุมตายเป็นแน่เฮียเป็นอะไรบ้าง เฮียชื่ออะไร ไพฑูรย์บอกว่าชื่อไพฑูรย์ เป็นคนคุมกฎของสมาคมลับที่มีแม่ดอกเหมยที่รักเป็นประมุข ชายหนุ่มหน้าขาวเหมือนพระเอกงิ้วบอกว่าชื่อ เซียะ ปิงมีเวลาว่างจะไปแสดงความขอบคุณที่สมาคม ไพฑูรย์บอกว่า การช่วยเหลือมิต้องการสิ่งตอบแทน เพราะนักสู้ย่อมทนเห็นคนถูกเอารัดเอาเปรียบไม่ได้ต้องการหาทางช่วยเหลือ เซียะ ปิง นำผลไม้และใบชาไปมอบให้แม่ดอกเหมยที่รักเป็นการขอบคุณ และขอพบไพฑูรย์ ไพฑูรย์จึงออกมาพบ เซียะ ปิง คุกเข่าลงคำนับขอบคุณทั้งแม่ดอกเหมยที่รักและไพฑูรย์ที่ช่วยเหลือชีวิตไว้

หลังจากเซียะ ปิง กลับไปแล้ว แม่ดอกเหมยก็เล่าให้ไพฑูรย์ฟังว่า คราวหน้าคราวหลังหากธุระไม่ใช่อย่าสอดมือเข้าไปยุ่ง เพราะผลที่จะตามมานั้นอาจทำให้เดือดร้อนกันไปหมด พวกที่มีเรื่องกับไพฑูรย์สองคนเป็นศพถูกนำทิ้งที่ปากอ่าวไทยนอกสันดอน สามคนถูกส่งปรึกษาตัวที่เกาะสีชังรอเวลาส่งตัวกลับเมืองจีน

พวกมันเป็นมือสังหารนิรนามจากเมืองจีน ผลัดเปลี่ยนกันมาทำงานแล้วเดินทางกลับเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับหลังจากทำงานบรรลุแล้ว ไพฑูรย์บอกกับแม่ดอกเหมยว่า การช่วยเหลือผู้ที่อ่อนด้อยและถูกรังแกเป็นสันดานของไพฑูรย์ ยากที่จะแก้ไขได้ แต่ต่อไปจะระมัดระวังให้มากกว่านี้ เพราะอาจทำให้ทางสมาคมลับเปิดประชุมเพื่อสะสาง หากมีผู้ร้องเรียนไปยังเถ้าแก่ การสะสางนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่จำเป็นแล้วไม่อยากให้เกิดขึ้น

ไพฑูรย์จึงต้องออกจากเยาวราชไประยะหนึ่งเพื่อรอฟังข่าวว่าจะมีผู้ร้องเรียนไปที่เถ้าแก่หรือไม่ หลังจากที่เรื่องเงียบไปแล้วไพฑูรย์จึงกลับเข้ามาใหม่เพื่อเป็นผู้คุมกฎ ส่วนเซียะ ปิงได้เข้าสังกัดของคณะอั้งยี่เล็บเขียวด้วยติดพันลูกสาวของหัวหน้าคณะอั้งยี่ อันนำไปสู่การเป็นมือปืนยิง เห กวงเอี่ยม ตายดังที่ไพฑูรย์ได้เคยเขียนไว้ในหนังสือจอมอาชญากรรมหมายเลขหนึ่งอย่างละเอียดแล้ว

ทั้งหมดคือความสัมพันธ์ระหว่างไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม กับเซียะ ปิง มือปืนหน้าหยกในกตัญญูประกาศิต ที่ พล.ต.ต.เยื้อน ประภาวัตร ได้เขียนขึ้นจากแฟ้มอาชญากรรมที่ท่านเป็นผู้คลี่คลายในที่สุด

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : longdoosee
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: