เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 51 (ชลอ เกิดเทศ)

ลังเลิกงานเลี้ยงทีมฟุตบอลสโมสรตำรวจที่ได้แชมป์ร่วมถ้วยพระราชทาน ข กับสโมสรท่าเรือ

ชลอให้ 2 นายตำรวจลูกน้อง ครก-ร้อยตำรวจเอกเจตนากร นภีตะภัฎ และเบี้ยว-ร้อยตำรวจเอกพิภพ เบี้ยวไข่มุก 2 อดีตนักรักบี้ รองสารวัตรหนุ่มแผนก 5  กองกำกับการ 2 กองปราบปราม  เช็กคดีพบศพที่ไม่รู้ตัวคนตาย ทั่วประเทศ แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว

ส่วนชลอ อาศัยความเป็นคนมีเพื่อนฝูงเยอะ รับฟังข่าวสารหลายทาง ข่าวสารเหล่านี้ ทำให้รองผู้บังคับการกองปราบมั่นใจว่า นายกำธร ลาชโรจน์ ส.ส.หนุ่ม เจ้าพ่อจังหวัดปัตตานี  เศรษฐีสวนยาง อดีตนักเรียนอำนวยศิลป์ และอดีต ส.ส.2 สมัย คนนี้เสียชีวิตไปแล้วแน่นอน

ประเด็นที่ชลอมั่นใจ นายกำธร เสียชีวิตไปแล้ว เพราะเป็นการหายตัวอย่างผิดปกติ บวกกับสูตรการตายของชลอ แย่งที่ทำกิน แย่งถิ่นที่อยู่ แย่งรูสังวาส แย่งอำนาจบาตรใหญ่ เรื่องสุดท้าย คือ ซวย

เรื่องแรก นายกำธรไปยุ่งเกี่ยวกับ “นวลนภา”ผู้หญิงคนหนึ่งของ ส.ส.เมืองมือปืน ที่มาใช้บ้านของ ส.ส.มาเฟียเมืองกรุง เปิดบ่อนคาสิโน ย่านถนนพัฒนาการ อาจจะทำให้ ส.ส.คนนี้โกรธแค้นที่ถูกนายกำธรลูบคม ถึงแม้จะเป็นอดีตเมียไปแล้วก็ตาม

แต่เรื่องศักดิ์ศรี มันเหมือนหยามเชิงชาย เพราะเรื่องนี้คนรู้กันทั้งสภา

ขนาดนายตำรวจยศพลตำรวจตรี ยังถูกมือมืดยิงระเบิดเอ็ม 79  ใส่รถขณะขับกลับเข้าบ้านพัก แต่โชคดีกระสุนไปถูกคานบ้านเสียก่อน

เหตุเพราะเผลอไปติดพันสาวของส.ส.นักเลงเมืองมือปืนคนนี้

ขณะที่หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ เริ่มเล่นข่าวการหายตัวไปของนายกำธร ลาชโรจน์ ส.ส.ปัตตานี  พรรคสยามประชาธิปไตยอย่างครึกโครม แต่ละฉบับต่างมุ่งไปในทิศทางเดียวกันคือ นายกำธร เสียชีวิตแล้ว ด้วยฝีมือนักการเมืองระดับเจ้าพ่อ เพราะมีสิ่งบอกเหตุหลายอย่าง

ไม่ว่าจะขาดประชุมสภา ไม่ยอมไปรับเงินเดือน จนเป็นที่ผิดสังเกตของบรรดา ส.ส.คนอื่น

แต่ไม่มีใครรู้ว่าศพนายกำธรอยู่ที่ไหน ขณะที่ครอบครัว และญาติสนิท เริ่มคิดไปในทางร้าย เพราะได้พยายามติดตามตัวนายกำธรมาหลายวัน จะว่าไปเที่ยวต่างประเทศก็ไม่น่าใช่ เพราะทรัพย์สินอย่างอื่น กระเป๋าเดินทาง รวมทั้งหนังสือเดินทางยังอยู่

ห้องทำงานผู้บังคับการกองปราบปราม สามยอด ถนนวรจักร

พันตำรวจเอกกุศล นาคศรีชุ่ม รักษาการผู้บังคับการกองปราบปราม เรียกพันตำรวจเอกสล้าง บุนนาค พันตำรวจเอกชลอ เกิดเทศ 2 รองผู้บังคับการ พันตำรวจเอกณรงค์วิช ไทยทอง ผู้กำกับการ 2  กองปราบปราม และพนักงานสอบสวน 2-3 คน เข้าปรึกษาหารือเกี่ยวกับคดีนี้

“เรื่องนี้ี นางจุฑา ลาชโรจน์ ภรรยานายกำธร เขามาร้องเรียนผู้ใหญ่ที่กรมตำรวจแล้วตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม แต่ถูกขอให้เป็นความลับ ใครถามให้บอกว่าไปเมืองนอก เพื่อสะดวกต่อการสอบสวนสืบสวน…”

รักษาการผู้บังคับการกองปราบเปิดฉากเริ่มประชุม

“ตามข้อเท็จจริงที่ได้มา อย่างที่คาดๆกันไว้ ส.ส.กำธร น่าจะเสียชีวิตแล้ว เพราะตำรวจโรงพักกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ไปพบรถยนต์มาสด้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบีบน 7 ค-5747 กรุงเทพมหานคร ของนายกำธร  จอดรถทิ้งไว้ใที่ปั๊มน้ำมันเชลล์ นอกตลาดกำแพงแสน มีชายวัยรุ่น 2 คน แต่งกายคล้ายนักศึกษา บอกให้ล้างอัดฉีด แต่กลับหายไป……”

พันตำรวจเอกกุศลกล่าวต่อ

“จากรายงานของตำรวจท้องที่ เบื้องตันพบรอยคราบเลือดในเบาะหลังรถ ปอยผมผู้หญิง และผ้าคลุมผมสีม่วงของผู้หญิง  1 ผืน ล้อทั้ง 4 ล้อ มีโคลนติดเต็มไปหมด ตรงนี้พันตำรวจโทโสภณ สะวิคามิน รองผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ที่ท่านรองณรงค์ มหานนท์ เรียกมาทำงานด้วย ไปตรวจสอบแล้วเชื่อว่าคนร้ายต้องขับรถของผู้ตายคันนี้ผ่านเส้นทางบ้านแพ้ว ซึ่งเป็นถนนดิน และกำลังอยู่ระหว่างซ่อมแซม ตรงนี้ สล้าง คุณประสานกับโสภณเลย ทราบว่า ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างนำจิตรกรไปให้พยานสเกตช์ภาพ………”

“ส่วนประเด็นการเสียชีวิต เท่าที่ประชุมที่กรมตำรวจ กับท่านรองณรงค์ พลตำรวจโทเสน่ห์ สิทธิพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  พลตำรวจโทสุทัศน์ สุขุมวาท ผู้บัญชาการตำรวจภูธร 1 มีหลายประเด็นสงสัย และนำไปสู่การตายได้ทั้งนั้น ยังไม่ได้ตัดประเด็นไหนทิ้ง”

“ ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกับ ส.ส.ระดับเจ้าพ่อเมืองกรุงคนหนึ่งในสภา ถึงขั้นลงไม้ลงมือ มีคนเห็นนายกำธรตบหน้า ส.ส.คนนี้เป็นการเอาคืนด้วย เรื่องนี้มีพยานหลายคน อีกฝ่ายถึงขั้นชี้หน้า ด่า ไอ้เล็ก มึงไม่เกินคืนนี้”

ค่อยๆแกะไปเรื่อยๆ เพราะปกติ 2 คนนี้ก็สนิทสนมกันอยู่

รักษาการผู้การกองปราบปรามให้คำแนะนำกับชุดสืบสวนในที่ประชุม ทำนองไม่ต้องบุ่มบ่ามในการแกะรอยประเด็นนี้

“ในส่วนประเด็นการเมือง คือ การที่กลุ่มสยามประชาธิปไตย แตกความเห็นเป็น 2 กลุ่ม  คือ กลุ่มที่สนับสนุน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และอีกกลุ่มหันไปสนับสนุนพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์  โดยนายกำธร ยังสนับสนุนพลเอกเปรม อยู่”

“ตรงนี้ ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวแบ่งทีมงานไปแกะมาทีละประเด็น ได้ขนาดไหนมารายงานผมทุกระยะ”

ว่าที่ผู้การกองปราบปราม กำชับ

“เอ้า…คุณสล้าง มีอะไรว่ามา”

พันตำรวจเอกกุศล หันไปทางพันตำรวจเอกสล้าง พร้อมถามความเห็นจากรองผู้บังคับการมือปราบคนนี้

“ผมไปได้พยานสำคัญปากหนึ่ง เห็นนายกำธร ออกจากบ้านพัก ย่านพัฒนาการ ของนายวัฒนา อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ เมื่อช่วงห้าทุ่มครึ่งของวันที่ 29 กรกฎาคม พยานปากนี้บอกว่า เห็นนายกำธรออกไปจากบ่อน พร้อมสาวสวยผมทอง ลักษณะท่าทางเป็นนักร้อง ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า เป็นใคร………”

“ไม่แน่ อาจจะทำให้เจ้าแม่คาสิโน อดีตเมียน้อย ส.ส.เมืองมือปืน ที่มาเปิดบ่อนการพนันในบ้านของ นายวัฒนา มีความสัมพันธ์กับนายกำธร หึงหวงส่งคนไปฆ่าก็เป็นได้เหมือนกัน”

รองผู้บังคับการกองปราบปรามร่างสูงโปร่งให้ความเห็น

“เอาเอา….คุณลองแกะดูแล้วกัน ส่วนชลอ คุณหาข่าวตามวงการนักเลง หรือในสายข่าวที่คุณถนัด ถ้ามีอะไรต้องใช้กำลัง ประสานกับณรงค์วิช ได้…”

วันที่ 13 สิงหาคม พุทธศักราช 2524

คนทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เสนอข่าวพาดหัวไม้  พบศพนายกำธร ถูกฝังอยู่ที่สุสานวัดดอน ยานนาวา  หลังจากถูกส่งเป็นศพนิรนามมาจากจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม วันที่นายกำธรหายตัวไปได้เพียง 1 วัน

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เสนอข่าวเดี่ยวในทำนองสืบสวนชิ้นนี้ว่า  ศพที่เชื่อว่าเป็นนายกำธร มีผู้พบถูกทิ้งไว้ที่กำแพงตรงข้ามกับสวนผักชี ริมถนนธนบุรี-ปากท่อ หลักกิโลเมตรที่ 32-33 บางกระเจ้า อำเภอเมืองสมุทรสาคร

คดีนี้มีร้อยตำรวจเอกพูนประยูร อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุ และเดินทางไปสอบสวน

สารวัตรพูนประยูร พบว่าศพชายดังกล่าว อายุประมาณ 30-40 ปี  มีบาดแผลถูกแทงที่ลำคอด้านซ้ายทะลุขวา ตัดเส้นเลือด 1 แห่งเป็นแผลลึก สภาพศพสวมเสื้อซาฟารี สีเปลือกมังคุด นุ่งกางเกงในตัวเดียว ที่ข้างศพมีกางเกงสีเดียวกับเสื้อตกอยู่

นักข่าวหัวเห็ดหนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายงานชนิดเจาะลึก

เสื้อซาฟารีตัวนี้ ตัดมาจากร้านเฟิร์สดีไซนเนอร์ ถนนเยาวราช กรุงเทพมหานครนอกจากนี้ คนตายยังใส่รองเท้าหนังสีดำ  ถุงเท้ายี่ห้อแอโร่ สีเทา ส่วนที่นิ้วมือมีรอยถูกรูดเอาแหวนออกไป ในร่างกายไม่มีหลักฐานว่าคนตายดังกล่าวเป็นใคร

นอกจากชายเสื้อซาฟารี มีชื่อเขียนไว้  “กำธร”

ข่าวสืบสวนทีเด็ดของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเสนอต่อว่า ตำรวจท้องที่ได้มอบให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพไปไว้ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมทั้งประกาศหาญาติผู้ตาย แต่หลังจากที่สถาบันนิติเวช เก็บรักษาศพไว้ 6 วัน ยังไม่มีญาติมารับ จึงให้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำไปฝังไว้ที่วัดดอน ยานนาวา

สิ่งที่ยืนยันอีกตามที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐนำเสนอว่าจะเป็นร่างของนายกำธร  นั่นคือพนักงานสอบสวนผู้หนึ่งที่เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ นำภาพถ่ายผู้ตายมาให้นักข่าวดูปรากฏว่า มีลักษณะเหมือนกับนายกำธรมาก

เพื่อเป็นการยืนยัน นักข่าวไทยรัฐยังนำรูปภาพผู้ตายไปที่บ้านนายกำธร  ซอยอาทรอุปถัมภ์ ถนนประชาราษฎร์สายที่ 1 ย่านบางโพ นำภาพที่คาดว่าเป็นนายกำธรออกมาให้ดู เล่นเอาเด็กในบ้านถึงกับนิ่งอึ้งไม่ยอมพูดจา

โดยก่อนหน้า พลตำรวจโทเสน่ห์ สิทธิพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีแสวง ธีระสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาลพระนครบาลใต้ พันตำรวจโทสมเกียรติ พ่วงทรัพย์ รองผู้กำกับการตำรวจนครบาล 3 พร้อมตำรวจภูธรภาค 1นำโดย พลตำรวจโทสุทัศน์ สุขุมวุท ผู้บัญชาการภาค 1 และพันตำรวจโทโสภณ สะวิคามิน เดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่พบศพชายที่คาดเป็นนายกำธรถูกฆ่า และนำศพมาทิ้ง หลังได้รับรูปภาพชายผู้ตายที่คาดว่าจะเป็นนายกำธร จากนักข่าวไทยรัฐ

จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พบแหวนทองฝังเพชร 4 เม็ด จมอยู่ในโคลน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมรวบรวมสิ่งของของคนตายที่พบ จากตำรวจท้องที่ นำเข้ากรุงเทพฯ ไปสมทบกับ พลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ ที่รอที่สุสานวัดดอน ยานนาวา อยู่ก่อนแล้ว

ทั้งนี้ พลตำรวจโทณรงค์ มอบหมายให้พันตำรวจตรีวรรณรัตน์ คชรักษ์ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครบาลเหนือ ไปรับนางจุฑา ลาชโรจน์ และนายฤทธิ์ หรือใหญ่ ภรรยา และลูกชายคนโต พร้อมญาติอีกจำนวนหนึ่ง เดินทางไปที่สุสานป่าช้าวัดดอน ยานนาวา

เพื่อช่วยยืนยันว่าศพที่ถูกนำมาฝังไว้ใช่ศพนายกำธรหรือไม่

หลังจากทุกฝ่ายมาครบ เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขุดร่างไร้วิญญาณที่เสียชีวิตมาประมาณ 10 วัน แล้วขึ้นมาจากหลุมที่ 7 แถว 2

ระหว่างที่ขุดศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของนายกำธร ของกลางที่นำมาจากที่เกิดเหตุ มาให้นางจุฑาดู  ภรรยา ส.ส.หนุ่มจากปัตตานี  ต้องยืนเกาะแขนลูกชายอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่อาจจะทนเห็นร่างอดีตผู้เป็นสามีได้

น้ำตาผู้เป็นม่ายไหลพราก เมื่อชุดคลี่คลายคดีนำผ้าขนหนูสีเขียวที่นายกำธรไว้ใช้เป็นผ้าเช็ดหน้ามาให้ดู ก่อนที่เธอจะเป็นลมสิ้นสติไปในตอนนั้น

ขณะที่นายฤทธิ์ ลูกชายคนโต และญาติสนิท ได้ให้แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพขอดูตำหนิรูปพรรณ แผลเป็นที่ท้ายทอยของนายกำธร ปรากฏว่ามีแผลเป็นอยู่จริง พลตำรวจโทณรงค์จึงสั่งให้นำร่างไร้วิญญาณของอดีต ส.ส.จังหวัดปัตตานี กลับไปที่แผนกนิติเวช เพื่อผ่าพิสูจน์อีกครั้ง

อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา แพทย์ผู้ชันสูตร เดินออกมารายงานผลให้รองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายปราบปรามที่ยืนรออยู่หน้าห้องว่า

“ถึงแม้ศพจะเน่า แต่ยังพอเห็นร่องรอยนายกำธรถูกซ้อมอย่างทารุณ  มีร่องรอยถูกครูดไปกับพื้น โดยเฉพาะที่บั้นเอว เห็นชัดมาก อาจจะมีการต่อสู้กันก่อนนายกำธรพลาดท่าถูกสังหารโหด…”

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: