เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 23 ได้พระคืน (ชลอ เกิดเทศ)

เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 23 ได้พระคืน (เขียนโดยชลอ เกิดเทศ)


“เฮ้ย….ไอ้ฤาษี มึงว่าพระอยู่ตรงไหน ” คนทรงชุดขาววัย 50 กว่าปี  สะดุ้งเล็กน้อย แต่ยังทำนิ่งเหมือนเดิม

“ไอ้เหี้ย…กูเดือดร้อนนะโว้ย”

ชลอเลือดขึ้นหน้า เพราะเสียเวลากับไอ้แก๊งต้มตุ๋นรายนี้มามากแล้ว

“ถ้ามึงเป็นเจ้าจริง มามะ มาหักคอกู”

นายตำรวจหนุ่มพูดพร้อมลุกขึ้น ถีบฤาษีตาไฟกระเด็นตกเก้าอี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ต่อหน้าต่อตาลูกน้องหลายคน

“มึงเป็นเจ้าอะไรของมึง บอกมา”

ชลอตะคอกใส่ซ้ำ พร้อมเดินย่างสามขุมเข้าหา หมายจะเหนี่ยวอีกสักป้าปเพราะความหมั่นไส้

“เปล่าครับ….นาย เปล่าเป็นเจ้าครับ ผมไม่ได้มีเจตนาหลอกนาย ผมตั้งใจแค่มาหลอกเอาเงินชาวบ้านเท่านั้น…”

ฤาษีนั่งพับเพียบสารภาพเจ้าของคุ้มพระลอ

“โธ่..ไอ้พวก 18 มงกุฎ ไปเลยมึงไป เช้าพรุ่งนี้อย่าให้กูเห็นหน้าในจังหวัดตากอีก ถ้าเจอกูจะเอามึงลงน้ำปิง…ไป. !!!!! ”

หลังจากสั่งงานสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชา และเซ็นงานเรียบร้อย ชลอให้ลูกน้องขับกลับคุ้มพระลอทันทีเพื่อพักผ่อน เพราะในวันรุ่งขึ้น เขามีภารกิจสำคัญ

เช้าวันรุ่งขึ้น นายตำรวจหนุ่มควบรถเก๋งบีเอ็มดับบลิว 4 ประตู รุ่น 520 สีเขียวตองอ่อนเข้ากรุงเทพอีกครั้ง เป้าหมาย เสี่ยหยา นักค้าของเก่าย่านสุขุมวิท

เกือบเย็น ถึงได้มาถึงร้านเสี่ยหยา ถึงจะเหนื่อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าเสี่ยหยา ชลอพอมีกำลังใจบ้าง

“เป็นไงบ้าง ได้เรื่องมั้ย.”

“ได้เรื่องครับนาย…ผมจำได้ว่าไอ้ตุ๊ เซียนพระอยุธยา มันเอาเศียรพระที่ไหนไม่รู้ บอกว่าขุดได้ มาฝากให้ผมไปส่งที่ท่าเรือ ปลายทางไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา….”

“ตุ๊หนวดหรือเปล่า….”

“ครับ…ตุ๊หนวด”

นักค้าวัตถุโบราณรายงานข่าว ระหว่างหาน้ำหาท่าให้นายตำรวจที่เดินทางไกลมาจากจังหวัดตาก

คำตอบที่ได้ทำเอาชลอหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

“ไปเลย พากูไปดู ไปส่งที่ไหน เร็ว”

ชลอกระดกน้ำเย็นก่อนวางไว้บนโต๊ะทำงานเสี่ยหยา และรีบชวนกันไปที่ท่าเรือทันที

จากสุขุมวิท ไม่นานชลอ และเสี่ยหยา มาเตร่อยู่ที่ช่องส่งสินค้าที่เตรียมนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์

หลังแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอตรวจสอบพัสดุที่ เสี่ยหยา มาฝากส่ง โชคเป็นของเขาสิ่งของที่ ไอ้ตุ๊ฝากเสี่ยหยาส่งไปต่างประเทศ กำลังถูกนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์พอดิบพอดี

ชลอสั่งให้เสี่ยหยา ทำเรื่องขอคืนเพื่อเอามากลับมาตรวจสอบ

จากนั้นเจ้าหน้าที่การท่าเรือทำหน้าที่บรรจุหีบห่อสินค้า พาชลอ และเสี่ยหยา ไปรับลังไม้ที่ผู้ส่งมาขอรับคืน เมื่อเซ็นรับมอบตามกฎระเบียบแล้ว แล้ว พันตำรวจเอกชลอ ให้ลูกน้องที่มาด้วย ช่วยกันยกลังไปใส่ท้ายรถ

“ไหนเปิดออกมาดูก่อนซิ…”

นายตำรวจหนุ่มสั่งการ โดยลูกน้อง 2-3 คน ช่วยกันงัดแผ่นไม้ออกมา และสิ่งของที่อยู่ข้างในทำให้ชลอยิ้มได้ เมื่อพบว่าเป็นเศียรพระหลวงพ่อแสน

ยิ้มของชลอกลายเป็นยิ้มแบบเหี้ยมเกรียมทันที เขานึกถึงไอ้ตุ๊หนวด แก๊งลักพระเมืองกรุงเก่า ที่บังอาจหลอกเขาถึงกับสบถสาบานด่าคนที่ไปขโมย

“เดี๋ยวมึงรู้จักกู ไอ้ตุ๊”

พันตำรวจเอกชลอรำพึงในใจ

“ใจมันช่างร้ายนัก พระท่านอยู่ของพระ มันยังตัดเศียรท่านได้ แล้วตัวอยู่ไหนบ้างก็ไม่รู้ เอาละ ยังไงก็ขอบใจหยามาก มีอะไรติดต่อกัน เดี๋ยวกูต้องไปอยุธยาต่อ คิดถึงไอ้ตุ๊เสียเหลือเกิน”

ด้วยความรวดเร็วตามสไตล์ หลังส่งเสี่ยหยาที่สุขุมวิทแล้ว ชลอ พร้อมลูกน้องบึ่งรถไปชุมชนหลังโรงพยาบาลประจำจังหวัดทันที

ยังไม่ดึกเท่าไหร่นัก แต่ชาวบ้านในชุมชนปิดบ้านช่องนอนเรียบร้อย

“พี่เจิม ไปเรียกไอ้ตุ๊หนวดออกมาหาผมหน่อย…”

ชลอบอกดาบเจิม ที่เขาไปแวะรับจากกองเมือง

ดาบเจิม นักสืบรุ่นใหญ่เดินลงจากรถออกไปตามนักฉกพระ ที่มันพักอยู่ในชุมชน ขณะที่ชลอ และลูกน้อง ออกมายืนเงียบๆกันอยู่ข้างรถบีเอ็มดับบลิว

“นาย หวัดดี เป็นไงตามเจอพระหรือยัง ให้ผมช่วยอะไรอีก….”

ไอ้ตุ๊ เอ่ยปากทัก โดยมันยังไม่รู้ว่าชีวิตในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้าง.

“นี่ มึงมาดูนี่”

ชลอพูดพร้อมกับเดินนำหน้าไอ้ตุ๊ พาไปที่ท้ายรถเก๋งบีเอ็มดับบลิว ก่อนเปิดกระโปรงหลังออกมา พอเห็นเศียรพระหลวงพ่อแสนที่อยู่ในลังไม้ท้ายรถ ไอ้ตุ๊ถึงกับเข่าอ่อนทรุดนั่งลงกับพื้น

วินาทีถัดมา นายตำรวจหนุ่มนักบู๊เสยแข้งขวาเข้าหน้าไอ้ตุ๊เต็มแรง เสียงดังผลัวะหงายหลังผลึ่งแบบที่เรียกสลบคาตีน ชลอยังเดินตามไปด่าอีกรอบ ไม่สนว่ามันจะได้ยินหรือไม่

“มึงหลอกกู แหมใครเหี้ยจัง รู้ว่ากูอยู่ที่นั่นยังตามไปขโมยอีก พูดมาได้ ไปเอาตัวมันจับยัดท้ายรถ ให้มันกลับไปกับพระ กลับคุ้มพระลอ…”

ชลอตาแดงก่ำ สั่งการลูกน้องที่มาด้วย พร้อมกับดาบเจิม อุ้มเอาไอ้ตุ๊ ยัดใส่ท้ายรถบีเอ็มดับบลิวคันงามมุ่งหน้าคุ้มพระลอ จังหวัดตากทันที

นายตำรวจหนุ่มขาบู๊ สลับกันนอนสลับกันขับรถให้ลูกน้องจนมาถึงคุ้มพระลอ เอาตอนเกือบสายของวันรุ่งขึ้น

ทันทีที่รถเลี้ยวเข้าคุ้มพระลอ แดนสนธยาเมืองตาก พันตำรวจเอกชลอสั่งลูกน้อง

“มึงเอาตัวมันลงน้ำที่แพ เดี๋ยวกูตามไป”

ส่วนชลอ เดินกลับเข้าบ้านพัก อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ก่อนตามไปที่แพริมปิง

เมื่อไปถึง นายตำรวจเมืองตาก ไม่เห็นไอ้ตุ๊ เห็นแต่ลูกน้องเชื่อใจได้ 2-3 คน ยืนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำปิง แต่ชลอไม่ได้มีสีหน้าตกใจอะไร กลับเอ่ยปากบอกเสียงเข้ม

“เอามันขึ้นมา เดี๋ยวตายห่าซะก่อน”

ลูกน้องชลอ ช่วยกันชักรอกขึ้น ภาพที่ปรากฏต่อมา เป็นกรงเหล็กที่ค่อยๆโผล่ออกมาพ้นน้ำ โดยมีไอ้ตุ๊นั่งเกร็งมือจับลูกกรงเหล็ก ก่อนที่จะล้มตัวนอนแผ่หายใจเข้าออกเฮือกใหญ่ เมื่อได้รับอากาศบริสุทธิ์อีกครั้ง

“เอาตัวมันลงมา”

ประกาศิตชลอ ไอ้ตุ๊ ถูกหิ้วปีกออกจากกรงเหล็ก นำตัวมานั่งแพต่อหน้าชลออีกครั้้ง

ไอ้ตุ๊หนวดยังมีสติอยู่บ้าง แต่มันไม่กล้าสบตานายตำรวจใหญ่ ได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง หายใจแรง

“มึงว่ามา…ไอ้สัตว์ มาทำหลอกกู เรื่องจริงเป็นยังไง ใครร่วมทำกับมึงบ้าง แล้วตัวองค์พระอยู่ที่ไหน บอกมาให้ละเอียด ไม่งั้นหัวมึงจะเหมือนเศียรพระ….”

เสียงเหี้ยมจากชลอ ไอ้ตุ๊ฟังแล้วเหมือนเสียงจากนรก

“นาย ผมขอโทษ ผมไม่หลอกนายแล้ว…. ก่อนหน้านี้ผมขึ้นมาหาท่านผู้พิพากษา อุดม มั่งมีดี หัวหน้าศาลจังหวัดตาก เพราะท่านชอบเล่นพระ”

ไอ้ตุ๊หนวดเริ่ม

“จากนั้นผมฉวยโอกาสแว่บไปดูพระหลวงพ่อแสน ก่อนที่จะไปหาเพื่อนทหาร พลขับรถของพลตรีอารีย์ เฉลิมแสนยากร ผบ.ทหารม้า ให้มันเอารถแลนด์โรเวอร์ของทหารออกมาทำงาน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจของตำรวจ พออุ้มพระออกมาได้ก็ขับรถหนี พอมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำป่าสักใกล้จังหวัดสระบุรี ขับเข้าป่าจอดรถช่วยกันสกัดเอาแต่เศียรพระ ส่วนองค์พระช่วยกันทุบทำลายโยนทิ้งแม่น้ำป่าสัก….”

“วิทยุเรียกหมวดวิสุทธิ์ เตรียมกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 1 หมวด  ให้พร้อมภายใน 1 ชั่วโมง เตรียมออกเดินทาง เอาตัวไอ้ตุ๊ไปด้วย….”

พันตำรวจเอกชลอสั่งลูกน้องคู่ใจที่อยู่ข้างๆหลังฟังเสร็จ

“นายไม่เหนื่อยบ้างหรือ…”

ลูกน้องถามด้วยความเป็นห่วง

“งานเสร็จ ได้พระคืนชาวบ้าน กูกับพวกมึงก็หายเหนื่อย ไป งานเกือบเสร็จแล้ว”

พันตำรวจเอกชลอตอบ

เกือบ 1 อาทิตย์ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก สามารถงมเอาชิ้นส่วนองค์หลวงพ่อเชียงแสนได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นนิ้วขวาที่หาไม่เจอ

แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว นายตำรวจหนุ่มที่มากางเต็นท์กินนอนอยู่กับลูกน้อง บางครั้งก็ลงไปช่วยงมชิ้นส่วนองค์พระในแม่น้ำป่าสัก ที่ลึกท่วมหัว ได้ใจลูกน้องไปโดยปริยาย

เสร็จภารกิจตรงนี้ ชลอเรียกช่างเรือน อยุธยา ช่างทำพระฝีมือดีมาเชื่อมเศียรพระและต่อองค์พระจนดูเหมือนเก่าไม่มีผิดเพี้ยน ยกเว้นนิ้วขวาที่ขาดหายไป ชลอให้ช่างเรือนทำใหม่ ก่อนนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาแก้วเหมือนเดิม

ท่ามกลางความยินดีของชาวเมืองตากที่ได้พระคู่บ้านคู่เมืองกลับคืนมา จัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่

ชลอกลับมาที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ชายหนุ่มเดินเข้าไปที่ห้องทำงานเพื่อเซ็นงานที่คั่งค้างไว้อยู่บนโต๊ะทำงาน ช่วงที่ต้องออกตามหาพระ

เขาหยิบหนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ”ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน เพราะสะดุดกับหัวไม้ที่พาดข่าวไว้

“วันดี ศรีตรัง”สิ้นลมแล้ว

ชายหนุ่มหยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านรายละเอียดคร่าวๆ เพราะรู้ว่า วันดี เป็นนางเอกภาพยนตร์แสนสวยที่เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ โด่งดังมาจากภาพยนต์เรื่อง “ชู้”กำกับโดย “เปี๊ยก โปสเตอร์”

ชลอรู้อีกว่า วันดี เป็นภรรยาของ “ไอ้หยอง”สมชาย พงษ์สว่าง ลูกชายไบคาน ที่กำลังสร้างอิทธิพลรังแกชาวบ้านอยู่ในจังหวัดลพบุรี

สาวสวยจากจังหวัดตรังแดนใต้ เสียชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ของ “ไอ้หยอง” ที่ไร่ลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี แพทย์ระบุว่าหัวใจล้มเหลว ท่ามกลางความกังขาของบุคคลหลายฝ่าย

สงสัยว่าเธอถูกวางยาสั่งหรือยาพิษ และศพถูกฝังไว้ในสุเหร่ามะฮ์บาคูล่านารี กลางเมืองลพบุรี

“กูว่ามึงทำ…ไอ้หยอง”

ชลอรำพึงก่อนวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ

กราบขออนุญาต : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: