เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 6 ผู้บังคับกองอ่างทอง (ชลอ เกิดเทศ)

เส้นทางมือปราบพระกาฬ ตอนที่ 5 ผู้บังคับกองอ่างทอง (เขียนโดยชลอ เกิดเทศ)

กลางปีพุทธศักราช 2512 จังหวัดอ่างทอง ผู้บังคับกองคนใหม่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอ่างทอง ก้าวเท้าลงจากรถที่บรรดาเพื่อน ๆน้องๆจากโรงพักปากน้ำ ขับรถมาส่งถึงสถานที่ทำงานใหม่

ภาพที่ปรากฏต่อหน้าชลอ คือเรือนไม้ชั้นเดียว หลังคาโล่งๆโปร่ง ดูไปแล้วเหมือนโรงเลี้ยงช้างในสมัยโบราณมากกว่าจะเป็นโรงพัก ดีที่พันตำรวจตรีชลอ บอกกับ ตุ๊กตา เมียรัก ไม่ต้องตามมา ขอให้อยู่เลี้ยงลูกชายทั้ง 2 คนที่บ้านจังหวัดสมุทรปราการ เพราะเกรงว่าจะไม่สะดวกสบายหากย้ายมาอยู่ด้วยกัน

แถว….ตรง

วันทยา…หัตถ์

เสียงเข้มของ ร้อยตำรวจเอกคงพล สุวรรณรัฐ รองผู้บังคับกอง สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอ่างทอง นายตำรวจจากรั้วสามพราน รุ่นที่ 20 สั่งให้ลูกน้องที่ยืนเรียงแถวอยู่หน้าสถานีเกือบ 50 นาย ยืนตะเบ๊ะทำความเคารพ พันตำรวจตรีชลอ เกิดเทศ ผู้นำหน่วยคนใหม่

พันตำรวจตรีหนุ่มวันทยาหัตถ์ตอบรับการเคารพ พร้อมกวาดตาไปในแถว มองเห็นร้อยตำรวจเอกสมเกียรติ วรรักษา รองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอ่างทอง นายตำรวจรุ่นเดียวกับร้อยตำรวจเอกคงพลยืนอยู่ด้วย

“ตามสบายพวกเรา ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร ถือว่ามาช่วยกันทำงานดีกว่า….”

พันตำรวจตรีชลอ พูดกับผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมสั่งเลิกแถว ก่อนที่ร้อยตำรวจเอกคงพล และร้อยตำรวจเอกสมเกียรติ เดินนำนายตำรวจรุ่นพี่ไปที่บ้านพักนายตำรวจที่อยู่ข้างโรงพัก มี สิบตำรวจเอกฉลวย เข็มเงิน ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน คู่เวรเมื่อครั้งยังอยู่ที่โรงพักปากน้ำ เดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าเครื่องใช้ของผู้บังคับบัญชาหนุ่ม และเพื่อนพ้องตามมาส่ง

ก่อนจะมีกินเลี้ยงสรวลเสเฮฮากันพอหอมปากหอมคอตลอดค่ำคืนนั้น

เจ็ดโมงเช้าวันรุ่งขึ้น หลังสวดมนต์ไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยเสร็จ หัวหน้าสถานีหนุ่มเดินมาหยุดยืนหน้าโรงพักเมืองอ่างทอง

รู้สึกหดหู่นิดหนึ่ง เมื่อเห็นสภาพ แต่ความรู้สึกนั้นถูกสลัดออกไปด้วยนิสัยที่ไม่เคยท้อถอย ต่ออุปสรรคอื่นใด

ครู่เดียว ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในสถานี โดยงานแรกนั่นก็คือ ทำหนังสือของบหลวงมาปรับปรุงโรงพักที่เก่าซอมซ่อ สร้างแรงจูงใจในการทำงานและสถานที่ทำงานให้น่าอยู่

ระหว่างรองบประมาณหลวงปรับปรุงซ่อมแซมโรงพัก พันตำรวจตรีชลอ ไม่เคยอยู่นิ่งเฉย ชวนนายตำรวจรุ่นน้องทั้ง 2 คน คือ ร้อยตำรวจเอกคงพล และร้อยตำรวจเอกสมเกียรติ ออกตรวจพื้นที่ แต่เมืองอ่างทองในช่วงนั้น เป็นเมืองค่อนข้างเงียบ ถือว่าเป็นเมืองผ่านเสียมากกว่า

เวลาว่างจากเล่นบิลเลียดสร้างความสัมพันธ์แบบติดปลายนวมเล็กน้อยกับข้าราชการหน่วยข้างเคียง อย่างผู้พิพากษา อัยการ ในสโมสรข้าราชการจังหวัดอ่างทอง

พันตำรวจตรีชลอ มักชวน 2 นายตำรวจรุ่นน้องออกตั้งด่านบนถนนสายเอเชีย ในช่วงที่อยู่ในความรับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอ่างทอง อยู่สม่ำเสมอ

เพราะจากการที่นายตำรวจหนุ่มได้รับพิจารณาความดีความชอบ 2ขั้นมาโดยตลอด เป็นสิ่งที่อยู่ในจิตวิญญาณของเขา ที่จะต้องทำงาน ทำงาน และทำงาน อย่างเต็มที่ อีกทั้งการได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าสถานี ยิ่งทำให้นายตำรวจหนุ่มมีความรู้สึกรับผิดชอบค่อนข้างสูง ไม่อยากออกนอกพื้นที่ หรือลากลับไปหาลูกหาเมียที่จังหวัดสมุทรปราการ แม้กระทั่งวันเสาร์-อาทิตย์

ปักหลักนอนอยู่ที่สถานี ปล่อยให้ 2 นายตำรวจรุ่นน้องไปพักผ่อนตามสบาย ส่วน พันตำรวจตรีชลอ วันเสาร์วันอาทิตย์ อยู่ว่างๆ พาลูกน้องที่เหลือตั้งด่านตรวจ และหลายคดีที่พันตำรวจตรีชลอ มีผลงานจับกุม อันมาจากลูกขยันและความช่างสังเกตุอันเป็นทุนเดิม

1 ในผลงานอันมาจากความขยันนั้นก็คือ วันหนึ่งนายตำรวจหนุ่มพร้อมลูกน้อง ตั้งด่านบนถนนสายเอเชียในวันเสาร์-อาทิตย์ ตามปกติ สังเกตเห็นรถเก๋งคันหนึ่ง วิ่งท้ายเตี้ยแทบจะติดพื้น

ด้วยความสงสัย พันตำรวจตรีชลอ ให้สัญญาณหยุดรถ และขอตรวจค้นชายในรถ 2 คน ยินยอมให้ตรวจค้นโดยดี แต่ท่าทางเลิ่กลั่กเหงื่อแตกซิกๆ

เมื่อเปิดกระโปรงท้าย ทุกคนถึงกับตะลึง เมื่อเห็นอาวุธปืนเอ็ม 16 เกือบ 30 กระบอก อัดแน่นอยู่ข้างใน

ชายทั้งคู่รับสารภาพว่า จะนำอาวุธทั้งหมดไปขายให้กับทหารกะเหรี่ยงที่ชายแดนไทยด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่ตั้งป้อมสู้รบกับกองกำลังทหารพม่าอยู่เนืองๆ

ถนนสายเอเชีย ช่วงระหว่างเขตพระนครศรีอยุธยา-มหาราช-อ่างทอง มักเกิดเหตุคนร้ายปล้นรถบรรทุกสินค้าประเภทโชห่วย ที่จอดนอนพักระหว่างทางอยู่หลายครั้ง

บางครั้งใช้วิธีแต่งกายคล้ายตำรวจตั้งด่านเถื่อน ก่อนใช้อาวุธปืนบังคับชิงทรัพย์นำทั้งรถทั้งของหลบหนี

ยังไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองคนไหนรู้ว่าเป็นฝีมือของแก๊งโจรแก๊งใด….

จนบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ พันตำรวจตรีชลอ พร้อมผู้ใต้บังคับบัญชาหลายนาย ตั้งด่านอยู่ตรงข้ามโรงงานทอผ้า ในเขตอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง

พันตำรวจตรีชลอ สังเกตุเห็นรถบัสประจำทางส่งผู้โดยสารเป็นชาย 1 คน ลงก่อนที่จะถึงด่านที่ตั้งอยู่ประมาณ 50 เมตร

ชายคนดังกล่าวเดินดุ่ม ๆถือกระเป๋าเจมส์บอนด์ ลัดเลาะคันนากลางแดดเปรี้ยงมุ่งหน้าแนวต้นไม้ใหญ่นานาชนิด

“เฮ้ย..ไปเอาตัวไอ้นั่นมาหน่อย คนแถวนี้มีถือกระเป๋าเจมส์บอนด์ด้วยเหรอ…”

ตำรวจหนุ่มลูกน้องในด่าน 3 นาย วิ่งไปตามชายต้องสงสัย หลังนายตำรวจหนุ่มพูดจบ

ไม่นาน ชายหนุ่มต้องสงสัย อายุไม่เกิน 25 ปี ถูกนำตัวมาให้ พันตำรวจตรีชลอ สอบปากคำเบื้องต้นที่ด่านตรวจ

“ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน..”

นายตำรวจหนุ่มถาม พร้อมเปิดกระเป๋าเจมส์บอนด์สีดำมันวับ

“ผมชื่อจง ครับ บ้านอยู่ปากน้ำโพ…”

เสียงสั่นๆ ของชายหนุ่มตอบกลับอย่างมีพิรุธ

“เฮ้ย..มีปืนด้วย ยังไงของมึงเนี่ย บอกมา มีบัตรตำรวจอีก ตำรวจจริงหรือเปล่า เร็วอย่าให้กูโมโห หรือจะเป็นไอ้พวกปล้น…”

ชลอ ระดมยิงคำถามเป็นชุดด้วยเสียงที่เข้มขึ้น หลังเปิดกระเป๋าของ“จง ปากน้ำโพ” ออกมาได้

มันระล่ำระลักรีบตอบ ทั้งๆยังไม่ถูกลงมือลงไม้อะไรสักผลั่วะ เมื่อเห็นแววตานายตำรวจหนุ่ม จ้องมองมาที่มัน ประดุจตาเสือร้ายจ้องสะกดเหยื่อ พร้อมขย้ำสมันน้อย

“ผะ ผะ ผม ไม่ได้เป็นตำรวจครับนาย ยอมแล้ว ผมร่วมกับ ไอ้มั่น ตาคลี และไอ้เทิด ท่าตะโก รวมหัวปลอมเป็นตำรวจ ปล้นรถสิบล้อ…”

“แล้วมึงเอาไปขายทีไ่หน…”พันตำรวจตรีชลอ ถามต่อ

“ร้านเสริมการช่าง ก่อนเข้าเมืองนครสวรรค์ ครับนาย”

พันตำรวจตรีชลอ วิทยุเรียก2 นายตำรวจน้องรัก ให้กลับมาวางแผนจับกุม ไอ้มั่น ตาคลี และ ไอ้เทิด ท่าตะโก ที่นัดกับ ไอ้จง ปากน้ำโพ ไปเจอกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาทในค่ำวันนั้น เพื่อวางแผนปล้นรถบรรทุกสิบล้อ

แต่ไอ้จง ดวงซวย ถูกพันตำรวจตรีชลอ ตั้งด่านตรวจ ถึงมันจะเห็นด่านตรวจและพยายามลงก่อนถึง แต่ก็ไม่พ้นตามือปราบอย่างพันตำรวจตรีชลอ ไปได้

พันตำรวจตรีชลอ วางแผนให้ร้อยตำรวจเอกสมเกียรติ พาลูกน้องอีกชุด ขึ้นเหนือไปดูเป้าหมาย “เสริมการช่าง”ที่จังหวัดนครสวรรค์ และให้รอคำสั่งต่อไป

ส่วน พันตำรวจตรีชลอ พร้อมด้วยร้อยตำรวจเอกคงพล และลูกน้องอีกเกือบ 10นาย ในชุดนอกเครื่องแบบ คุมตัว “จง ปากน้ำโพ”ขึ้นรถแลนด์โรเวอร์ ซีรีส์ 3 ชนิด 5 ประตู ที่ยืมมาจากเพื่อนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดอ่างทองมาใช้ชั่วคราว มุ่งตรงไปที่ปั๊มน้ำมันในจังหวัดชัยนาท

เมื่อถึงที่หมาย ความมืดเริ่มโรยตัวปกคลุม ท่ามกลางแสงไฟฟ้านีออนให้ความสว่างแทนที่

พันตำรวจตรีชลอ วิทยุบอกลูกน้องให้กระจายกำลังเข้าไปในปั๊ม บางส่วนไปนั่งอยู่ที่ร้านค้า ทำทีซื้อไข่ปิ้ง ข้าวเหนียวไก่ย่าง เหมือนคนเดินทางโดยทั่วไป

ส่วนพันตำรวจตรีชลอ ไม่ลงจากรถ ยังคุมตัว “ไอ้จง ปากน้ำโพ”อยู่กับร้อยตำรวจเอกคงพล โดยให้ลูกน้องขับรถวนไปมาอยู่บนถนนสายเอเชีย แต่ไม่ไกลจากปั๊มน้ำมันนัก

“มึงนัดกับมันตรงไหน…. !!”

พันตำรวจตรีชลอ เสียงเข้มใส่ ไอ้จง ที่ถูกใส่กุญแจข้อมือเหล็ก และนั่งอยู่ระหว่างกลางคนถามกับนายตำรวจหนุ่มรุ่นน้อง

“มันนัดผมที่ร้านขายข้าวแกงข้างห้องน้ำครับนาย …”

จง ปากน้ำโพ คายข้อมูลออกมาจนหมด

พันตำรวจตรีชลอ สั่งการผ่านวิทยุ

“กระจายกำลังล้อมร้านข้าวแกงข้างห้องน้ำ เป้าหมายอยู่ในร้าน…”

“ขับเข้าไปในปั๊ม เดี๋ยวให้ไอ้จงมันแอบดู ว่ามันอยู่กันหรือเปล่า…”

พันตำรวจตรี ชลอ หัวหน้าชุดสั่งพลขับ เคลื่อนรถเข้าไปในปั๊ม

ไอ้จง ปากน้ำโพ ค่อยโผล่หน้ามองไปที่ร้านขายข้าวแกง แล้วผลุบหน้าหลบ พูดกับพันตำรวจตรีชลอว่า

“นาย…ไอ้เทิดใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน ส่วนไอ้มั่น ใส่เสื้อยืดสีขาว กำลังเดินออกมาจากร้านแล้ว”

นายตำรวจทุกนายในรถมองไปที่ร้านข้างแกงเป้าหมาย ก่อนพันตำรวจตรีชลอ จะกดคีย์วิทยุแจ้งกำลังที่โรยตัวเอาไว้ก่อน

“เป้าหมายออกมาแล้ว 2 คน เสื้อนำเงิน แขนยาว กับเสื้อยืดสีขาว ให้ระมัดระวังคนร้ายอาจมีอาวุธปืน”

กราบขออนุญาติ : ชลอ เกิดเทศ
ที่มา : Cops-magazine
โดย : กิตติพงศ์ นโรปการณ์

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: