3948. เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 66 ชีวิตแลกชีวิต (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

เส้นทางมาเฟีย ตอนที่ 66 ชีวิตแลกชีวิต (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

หลังมังกรมหากาฬ เก๊าม้าเก็ง เจอมือดีซัลโวสิ้นชื่อไม่ถึงครึ่งเดือน ผู้คนในวงการเริ่มจับตายังอดีตสมุนเก่าเช่น ฝ่ากับโอกุ่ยซ้ง ซึ่งย้ายสำนักไปสวามิภักดิ์กับล้อระหว่างเก๊าต้องขังในบางขวางเป็นผู้ลงมือ เนื่องก่อนเกิดเก๊าได้ไปเล่นถั่วที่บ่อนในเครือของล้อจนหมดเค้า ได้จำนำปืนสั้นขนาด ๑๑ ม.ม. จำนวน ๒ กระบอกไว้เล่นต่อจนหมดเงิน บังเอิญเห็นอดีต ๒ บริวานเข้ามาคารวะก็สำแดงเดชตบหน้า ๒ สมุนคนละทีกลางบ่อน

ดังกล่าว ผมกับพรรคพวกถกเอ็นคอกันแล้วมีทางที่ฝ่ากับซ้งสามารถฆ่าเก๊าได้โดยไม่ต้องมี “คำสั่ง” ดั่งเช่นรายการ “ดับป๋าไท” จากนักฆ่าวัยรุ่น เล็กโพดำ อย่างไรวงการนักเลงอีกหลายส่วนยังมองอยู่ว่า เหตุตบหน้านั้นเป็นเหตุบังเอิญชี้ตัวมือปืนในความจริงลึกๆ แล้วต่างพุ่งเป้าที่มังกรร้าย ล้อวงเวียนฯ “ฮั้ว” กับพวกจ้างวาน

จะเท็จ จะจริง สำหรับเรื่องหลังผมไม่กระจ่าง มั่นใจเพียงว่าฝ่ากับซ้งเป็นผู้ลงมือ ซึ่งบัดนี้สำนัก “ม้าเก็งเอ๋า” นำทีมโดย สุมาอี้ เก๊าตี๋ ประสิทธิ์และเล็กโพดำ กำลังตามล่าตัวสุดเหวี่ยง และขณะเดียวกับ ๒ มังกรม้าเก็งเอ๋าออกล่าโจทก์ ตี๋น้อย มือขวาของล้อได้ถอนตัวจากลูกพี่ไปทำธุรกิจเรียกค่าคุ้มครองเฉพาะกลุ่มตนก่อเสียงโจษขานกันครั้งใหญ่ อันล้วนเสียหายแก่ล้อทุกด้าน ช่วงนี้เองที่บารมีล้อตกต่ำ ผู้คนในวงการต่างลงความเห็นว่าล้อสั่งฆ่าเก๊าเพื่อความยิ่งใหญ่ของตน

ท่ามกลางความวุ่นวายธุรกิจเถื่อนล้วนแย่งชิงความเป็นใหญ่ในกลุ่มนักบู๊เลือดมังกรกำลังขับเคี่ยวหักล้างกัน พวกเรากลับได้รับความสมหวังจากเงินทุนก้อนโตที่นักบู๊สะพานเหลืองสปอนเซอร์ใหญ่งานพัฒนากาสิโนภาคอีสานปั่นมาราวเนรมิต ณ บัดนั้น งานปรึกษาเดินเกมสู่แดนที่ราบสูงได้เริ่มต้นโดยให้ผมเป็นหัวหอกสำรวจทำเลเพื่ออพยพขึ้นไปปักหลักถาวรกับใครก็ได้อีก ๒ คน ซึ่งปุ๊กับคำก็อาสาร่วมทาง ที่สุด ในชีวิตที่ไม่เคยรอนแรมเร่ไปหัวเมืองเช่น ปุ๊ ดำ และผมอย่างสมบุกสมบันเป็นเวลา ๓๐ วัน เราก็หน้าเกรียมไปตั้งหลักที่คิงส์ โฮเต็ล จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นชัยภูมิอันดับหนึ่งในสายตาผม ระหว่างพักอาศัยที่โรงแรม เรา ๓ คนออกสืบหาผู้ทรงอิทธิพลระดับจังหวัดทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน รวมไปถึง “มืออาชีพ” ภายในจังหวัด จึงต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นเรา ๓ คนเลยขึ้นล่อง ขอนแก่น-กรุงเทพฯ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อพักผ่อนตามประสาเศรษฐี(โง่) ณ สนามม้านางเลิ้ง-สระปทุม

จากการพล่านทำงานอยู่ในเมืองแคนหาที่ทำเงิน เรื่องราวดับมาเฟียใหญ่ ๑ ใน ๓ มังกรวงเวียน ๒๒ ฯ นาม โอเล้ง ทางหนังสือพิมพ์พาเอาเสือเอสโซ่กับดาวระเบิดงดเข้ากรุงเทพฯ ชั่วคราวทั้งเตรียมเสนอให้เต็งโก้ถอนตัวมาทุ่มที่นี่ให้เต็มมือ ไม่นานนัก เรา ๓ คนก็ได้พบกับเสี่ยเล็ก หนุ่มเลือดมังกรร่างเล็กเจ้าของกิจการค้าพืชไร่ชื่อดังรายหนึ่งของจังหวัดจาการแนะนำของกัปตัน “คราวน์ไนต์คลับ” บนชั้น ๒ ของโรงแรมโฆษะจึงทำความรู้จักและแนะนำตัวในเวลาต่อมา เมื่อพอรู้เขา และมีอัธยาศัยเข้ากันได้ พวกเราจึงเป็นฝ่ายเชิญเสี่ยเลี้ยงที่บึงแก่นนคร เปิด “ไต๋” การมาที่นี่และขอความเห็นก็ได้รับการสนับสนุน เนื่องด้วยเสี่ยเคยดำเนินกิจการมาเหมือนกันแต่แก้ปัญหาเรื่องก่อนกวนจากนักเลงในเมืองไม่ได้เลยเลิกกิจการ ส่วนด้านกฏหมายไม่มีปัญหา เพราะที่นี่กันดารเรือง “ตามน้ำ” กับ “ตามล่า” สิ่งแรกนิยมอย่างยิ่ง

แล้วมื้อแรกที่ร่วมโต๊ะอาหารกับเสี่ยเล็ก ณ บึงแก่นนครคืนนั้น พวกเราได้สานต่องานให้จนทั้งเสี่ยเล็กและเต็งโก้พบกันในที่สุด ปัญหาต่อมาคือป้องกันและกำจัดศัตรูของบ่อน ๒ ประการ เรื่องแรกปัญหากฏหมาย เรื่องนี้เสี่ยเล็กเจ้าของร่างเล็กสมชื่ออาสาดำเนินการในฐานะคนพื้นที่ ซึ่งพวกเราคิดว่าไม่ติดขัดแน่ ต่อมาคือการก่อกวนบ่อนจากบุคคลภายนอกอันเคยทำให้เสี่ยเล็กลำบากใจมาแล้วจะมีขึ้นไม่ได้ จึงขอร้องเสี่ยระบุตัวนักบู๊ที่เคยก่อกวนในอดีตมาให้หมด พวกเราจะได้เข้าเคลียร์ ก็ได้รับการอนุเคราะห์ข้อมูลและรูปถ่ายของบางคนจากเสี่ยด้วยดี

ท่ามกลางการเริ่มต้นของพวกเราที่ขอนแก่นไปได้สวย เรื่องราวในเมืองหลวงเฉพาะกลุ่มนักบู๊เกิดเหตุพิสดารเมื่อ ๒ มังกรใหญ่ ล้อ วงเวียนฯ กับ ล. บ้านทวาย “ฮั้ว” กันทำธุรกิจกาสิโน ปล่อยเงินกู้ตามบ่อนกับสถานบริการและเรียกค่าคุ้มครองกันได้ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่และเกมที่ควรติดตาม สำหรับความคิดเห็นของพวกเรา เช่น ดำ ปุ๊ ลพ หรือตาลอ่านเกมมังกรวงเวียนฯ เข้าอิงกับ ล.บ้านทวาย หวังประคองบารมีและกิจการตนเองเพื่อรวมกลุ่มมือปืนซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกน้องตนกับเก๊า ม้าเก็งให้เป็นกลุ่ม ที่สำคัญช่วงนี้ ล้อ ติดเฮโรอิน แทบหมดสภาพ

ข่าวนี้ผมทราบจากปากตี๋น้อยมือขวาของล้อในสนามม้านางเลิ้ง หลังจากเขาลวงล้อไปฆ่าเพราะเข้าใจจ้างวานฆ่าเก๊า ทว่าได้เห็นสภาพ “เจ้าพ่อ” ติดเสพตี๋น้อยจึงไว้ชีวิตทุกวันนี้ อย่างไรที่ลำดับเป็นการประมวลจากหลายกรณีเพื่อพิจารณาผลกระทบจากเหตุ ล้อ กับ ล. รวมกันติดเป็นสำคัญ จู่ๆ ราว ๒-๓ สัปดาห์ต่อมาข่าวสำคัญสำหรับคนในวงการกาสิโนดังสะท้านเมือง เมื่อล้อ วงเวียนฯ ยิงทิ้งตี๋น้อยบริเวณหน้าสถานบริการอาบ-อบ-นวดของตนเองแล้วมอบตัวสู้คดีฆ่าป้องกันตัว แม้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายวัน เรา ๖ คนยังคงพล่านนัดพบประดานักบู๊ระดับภาคและระดับจังหวัดอีกหลายนาม เช่น เสือปุ่น, บักโถน, บักฮู้ด, บีกหมาน้อย, บักเถียร, บักตุ๊, บักหยอง และบักไพร บ้านสีฐานที่กำลังตามตัวอยู่ แต่การมาของเราตลอดไปถึงการตะลอนติดต่อถึงบุคคลดังกล่าวกลายเป็นเรื่องเปิดเผย เฉพาะอย่างยิ่งฉายาของพวกเรา จึงต้องวางตัวทั้งระวังตัวเกรงถูกลองของอีกโสดหนึ่ง

ล่วงไปอีก ๒ เดือน ธุรกิจกาติดต่อทางกฏหมายและกติกาเถื่อนผ่านเรียบร้อย เต็งโก้กับเสี่ยเล็กหุ้นส่วนจึงนัดเลี้ยงผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายคืนนี้ยังภัตตาคารกลางบึงแก่นนครเป็นคำรบสองก่อนเปิดกิจการยังอาคารพาณิชย์ ๓ ชั้น ตรงข้ามโรงภาพยนตร์เจ้าพระยาห่างจากโรงแรมที่เราพักประมาณ ๘๐๐ เมตร ราวบ่ายโมงเศษ เรา ๖ คน โทร.สั่งอาหารกลางวันขึ้นไปกินในห้องอันไม่ต่างบ้านเพราะเช่าอาศัยมาเกือบครึ่งปีจนเป็นที่คุ้นเคยของพนักงานตามปกติระหว่างกินอาหารร่วมกันได้มีสัญญาณเรียกทางโทรศัพท์ ลพ สูติอยู่ใกล้ขยับร่างล่ำสันรับโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียงบอกนาม

“ลพ ครับ”

และนับแต่สิ้นคำ นักบู๊ย่านตลาดน้อยไม่ได้พูดอยู่ครู่ใหญ่นอกจากรับคำจนเลิกการติกต่อแล้วลพจึงร่าย

“ไหนว่าจัดเลี้ยงเฉพาะผู้เกี่ยวข้อง เมื่อกี้เสี่ยเล็กบอกเต็งโก้โทร. จากกรุงเทพฯ ถามเสี่ยเล็กเช่าภัตตาคารได้ทั้งหมดหรือเปล่า? เพราะได้เชิญนักเล่นกับเพื่อนฝูงในวงการไว้แล้ว ๗-๘ กลุ่ม เสี่ยเล็กเลยงงรีบโทร.มาบอกพวกเราเปลี่ยนเวลาไปภัตตาคารเร็วกว่ากำหนดหน่อย…ทั้งหมดมีเท่านี้”

จบคำรายงานลพ สูติ เสือเอสโซ่ตบเข่าผาง “ให้มันได้อย่างงี้สินายบ่อนยุคคอมพิวฯ”

๑๗.๓๐ น. นาฬิกา ลพ สูติทำหน้าที่โซเฟอร์ขับเฟียตที่ใช้ตระเวนทั่วอีสานคันเดิมนำเราสู่ภัตตาคารสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จในการเปิดกาสิโนแห่งใหม่ล่ากว่าบรรดาพ่อค้า คหบดี อันเป็นแขกของเสี่ยเล็กอีกนับสิบจึงอยู่ร่วมต้อนรับแขกซึ่งทยอยกันมาเป็นระยะๆ จวบสภาพฟ้าหลัว ลมพัดตึง เจ้าหน้าที่ภัตตาคารเปิดไฟประดับที่ติดตั้งไว้รอบภัตตาคารหลากสีแลสว่างพราวไปทั่วพื้นน้ำโดยรอบ นักดนตรี ๔-๕ นายเข้าประจำที่ เต็งโก้นำทีมนักบู๊และนักเล่นเมืองหลวงตามเป็นแถวยาวเหยียดเข้าประจำโต๊ะเก้าอี้ที่ยังว่างอีกหลายโต๊ะ ผมกับเพื่อนเลิกพล่านนั่งประจำโต๊ะยลผู้มาร่วมงานอย่างสังเกต พบบรรดานายบ่อน นักธุรกิจเถื่อน รวมไปถึงกลุ่มมือปืนคุ้มกันและมือฆ่าอาชีพยังทยอยกันมาจนภัตตาคารกลางบึงแก่นนครคลาคล่ำผู้คนชาย-หญิง บนถนนที่ตัดเข้าใจกลางบึงจอดเก๋งหลากสีสันเก่าใหม่เป็นแนวยาวเหยียด

นักดนตรีขึ้นเพลงประจำวง ปุ๊, ดำ, ลพ, ตาล, จบ และผมสละโต๊ะเก้าอี้ออกร่อนทักทายมิตรสหายเมืองกรุงที่มาร่วมงานเป็นที่เฮฮา บรรยากาศทั่วไปก็ครึกครื้น เต็งโก้กับเสี่ยเล็กร่วมกันเดินพบปะแขกจนทั่วเลี่ยงมากระซิบกลุ่มมังกรม้าเก็งเอ๋าที่นั่งอยู่โต๊ะด้านนอกเพิ่งมาถึงอยากพบ พวกเราจึงพากันไปพบสุมาอี้, เก๊าตี๋, สิทธิ์ พร้อมสมุนบริเวณโต๊ะด้านนอกชายคาทันที พอปะหน้าชัดตา อี้ ทักทายเสียงดัง เก๊าตี๋ยิ้ม สิทธิ์ บุญเสียงลุกขึ้นสัมผัสมือพวกเราปากชมเปาะที่สามารถบุกเบิกแผ่นดินนี้ตั้งบ่อนได้สำเร็จเป็นรายแรกสำหรับคนต่างเมือง พักหนึ่งเก๊าตี๋ชวนไปหามุมเหมาะพาทีเรื่องสำคัญตรงระเบียงชายน้ำ

ณ ที่นั้นใต้แสงดาวกระจ่างพราว สายลมโกรกกรู น้ำคำมังกรร่างเล็กหล่นชัดหูทุกคน

“ไอ้เล็ก โพดำถูกจับแล้ว เมื่อ ๒-๓ วันก่อนเราไปเยี่ยมที่บางนา มันขอร้องให้ “ชิง” ตัวมันระหว่างคุมตัวจากศาลเด็กๆ ไปขึ้นศาลอาญา เราอยากรบกวนเพื่อนๆ ช่วยคุ้มกันให้ส่วนเรากับเล็ก ต่วนจะเป็นคนลงมือเอง…งาน “กฐิน” นะเพื่อน”

มิคาดว่าในบรรยากาศเยี่ยงนี้เก๊าตี๋ไม่รู้หรือว่าควรกล่าวถึงเรื่องอะไร? เสียงเพลง แสงดาว สายลม และผู้คนชายหญิงที่หัวร่อคิกคักคลอเสียงดนตรีเช่นนี้ ถามหน่อยเถอะว่า ชีวิตที่ดำรงอยู่เราเคยเสพมันสมบูรณ์เหมือนเขาอื่นหรือ?

นั้นเป็นความคิดหนึ่ง กับอีกความคิดหนึ่งในฐานะที่เก๊าตี๋ตกต่ำถึงขีด กับความเป็นเพื่อนที่สัมพันธ์กันมานาน บวกวิสัยทระนงไม่นิยมยกยองหรือขอความช่วยเหลือเพื่อนช่วยงานส่วนตัว แต่คืนนี้ เก๊าตี๋กับพี่ชายในฐานะแขกบนความสำเร็จของเรา บากหน้าเป็นระยะทางนับร้อยกิโลมาขอพึ่งพา เรา ๖ คนหรือจะเหี้ยมทมิฬทิ้งเพื่อนหอบความผิดหวังคืนเมือง

“เล็กจะออกศาลเมื่อไหร่” ผมถามแทนรับปากรับงานกฐิน

“วันศุกร์หน้า” มังกรร่างเล็กบอกเสียงตื่น นัยน์ตาดำกลมโตผิดเชื้อชาติกราดมองหน้าทุกคนราวสำรวจใจ

“นายมีแผนแล้วหรือ เก๊าตี๋” จบ หลังวังถามบ้าง

“ยัง…เรารอพบพวกนาย”

“หยั่งงั้นวันอังคารพรุ่งนี้พวกเราจะเข้ากรุงเทพฯ ไปวางแผนกับนาย”

“แจ๋วมาก…” เพื่อนร้อง ยิ้มสดชื่น

๕ ทุ่มเศษงานเลี้ยงภายในภัตตาคารกลางบึงเลิกรา แต่เสี่ยเล็กกับเต็งโก้ติดลม ทั้งต้องการเลี้ยงดูปูเสื่อแก่สุมาอี้และเก๊าตี๋ให้ถึงใจจึงชวนเข้าเล่นโบว์ลิ่งในโรงแรมโฆษะ จึงเฮกันไปโยนโบว์ลิ่งคนละเกมพอได้เหงื่อก็เดินอาบแสงนีออนใต้ชายคาตึกร้านจำหน่ายของฝาก ส่วนใหญ่เป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้าน สู่ตัวอาคารใหญ่โรงแรมโฆษะซึ่งรวมเอาสถานบริการ เช่น ฝ่ายภัตตาคาร อาบ-อบ-นวด พร้อมไนต์คลับไว้พร้อมสรรพ และที่เรามุ่งไปคือ “คราวน์ไนต์คลับ” ซึ่งเที่ยวจนคุ้นกับผู้จัดการอันเป็นกลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นเช่าทำจากเจ้าของกิจการโรงแรม

ดังนั้นโต๊ะยาวติดฟลอร์จึงถูกพนักงานจัดตั้งขึ้นต้อนรับพวกเราท่ามกลางสายตานักเที่ยวราตรีพุ่งสายตามาที่เราเป็นจุดเดียว และเพียงครู่เดียวเสียงเพลงร็อกร้อนๆ จากปากนักร้องสาวผมสีทองในชุดกระโปรงสั้นเลยเข่า สวมร้องเท้าหนังหุ้มแข้งสีแดง มองขณะนี้แลสวยได้ดึงความสนใจผู้คนไปสิ้น พอจุดบุหรี่สูบได้ ๒ ที สาวติดเบอร์เข้ามาพนมมือไหว้ชดซ้อย ซึ่งไม่ได้มีแต่ผม เสี่ยเล็ก เต็งโก้ สุมาอี้ เก๊าตี๋ ดำ ปุ๊ ตาล ลพ และจบ ล้วนมีคลออยู่ข้างกาย

วิสกี้ บุหรี่ ผู้หญิง ใต้เงาสลัวเร้าระงมเสียงเพลงเคลือบแอร์เย็นหอมกลีบกุหลาบกำจายรอบตัว แม้นทุกนามได้ทุกข์คงวิปริต ที่แท้ ผมทุกข์-ทุกข์ด้วยอาทรว่าอ้อมกอดผมในราตรีนี้มิใช้ “ก้อย” แก้วในดวงใจ เธอผู้อยู่ใต้กรงเล็บ “กาม” เผด็จการ ณ ร.พ. พระมงกุฏฯ ขณะนี้เท่านั้น….

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : นักเลงโต
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The People
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: