2090. เรื่องเล่าไม่ควรเล่าตอน…ศพสยองกลางซอยเปลี่ยว

ตอนที่เขียนอยู่นี่ผมยังขนลุกและหวาดกลัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่เลยครับ เพราะนั่งเขียนอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ยิ่งตอนนี้ผมอยู่คนเดียวด้วย แล้วยังมีเสียงหมาหอนส่งมาเป็นสัญญาณถึงบางสิ่งบางอย่าง เสียงสัญญาณนี้เกิดขึ้นทุกวันในช่วงเวลาตีหนึ่งครึ่ง พอถึงเวลานี้ทีไรมันก็เป็นต้องโก่งคอหอน บรรเลงเสียงโหยหวนรับกันเป็นทอด ๆ ทุกคืนเลย

เมื่อก่อนไม่มีหรอกนะครับ ไอ้เสียงหมาหอน โหยหวนแบบนี้ มันเริ่มตั้งแต่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน หลังวันที่มีโจรใจชั่วมันเอาศพผู้หญิงคนหนึ่งมาทิ้งในดงหญ้ากลางซอย ห่างบ้านที่ผมอาศัยไปแค่ 50 เมตรเท่านั้นเองครับ ลองคิดภาพขณะเขียนแล้วสยองจริง ๆ

ซอยนี้อยู่ที่แถวประชาอุทิศครับ ดูไปก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ครับ มีบ้านปลูกติดๆ กันไป ตอนหัวค่ำก็สว่างดี ตรงที่มันเอาศพมาทิ้งเป็นทางโค้ง และที่ดินรกร้างว่างเปล่าอยู่กลางชุมชนเรา มีต้นโพธิ์ใหญ่ ที่ชาวบ้านชอบนำศาลเจ้าหรือศาลพระภูมิที่เขารื้อถอนแล้วมากองสุมไว้เต็ม หลังต้นโพธิ์มีพงหญ้าขึ้นสูงเกือบท่วมหัว ที่ตรงนี้เป็นผืนเดียวแหละครับที่รกร้าง ยังไม่มีเจ้าของมาถางเพื่อสร้างบ้าน จึงมีป่าหญ้า ต้นไม้ พวกวัชพืชขึ้นบริเวณนั้น
ซึ่งหน้าน่าแปลกที่คืนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่ามันเอาศพมาทิ้ง มีแต่พวกวัยรุ่นประจำซอยเห็นว่า เวลาราวตีหนึ่งครึ่งมีรถเก๋งคันหนึ่งมาจอด แล้วผู้ชายสองคนช่วยกันยกอะไรไปโยนในป่าหญ้าก็ไม่รู้ ประสาวัยรุ่นก็ไม่ได้สนใจอะไร ไฟถนนตรงนั้นก็ดับมืดมาก เลยไม่ค่อยเห็นเหตุการณ์การทิ้งศพเท่าไหร่

คืนถัดมา พวกเราคือ ผม เมียผมและลูกชายที่โตเป็นหนุ่มกำลังจะเข้านอน เรานอนดึกทุกคืนครับ ลูกชายเรียนภาคค่ำที่ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า แต่พอจวน ๆ ตีสองเราก็ง่วงเผลอหลับไป ทันใดนั้น มีเสียงเสียดอากาศยามวิกาลมาเข้าหูพวกเรา มันคล้ายเสียงผู้หญิงร้องหวีดโหยหวน ลากยาว ผมตาเหลือกเลย แต่อึดใจต่อมาก็รู้ว่านั่นเป็นเสียงหมาหอน เมียผมยังบ่นว่าใครทำอะไรหมา มันถึงแผดเสียงน่ากลัวอย่างนั้น มันเงียบไปสักพักใหญ่ ก่อนที่จะพร้อมใจกันร้องต่อคราวนี้ตัวอื่นผสมโรงด้วย เป็นสิบๆ ตัวเลย

จากนั้นมาก็เป็นแบบนี้ทุกคืน เวลาเดิม เตรียมอุดหูได้ เล่าย้อนกลับไป 2 เดือนก่อนนะครับ คืนแรกๆ ที่หมาหอนเราไม่ได้คิดอะไรมาก เรื่องของหมามัน แต่กลิ่นนี่ซิครับ…หลังจากที่เด็กวัยรุ่นเห็นรถเก๋งเอาของมาทิ้งได้ 3-4 วัน เราก็ได้กลิ่นตลบอบอวล เหมือนกลิ่นหมาเน่าแต่กลิ่นมันเหม็นมาก จนชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมา ได้ให้พวกวัยรุ่นเข้าไปดูเพื่อถ้าเป็นศพของหมาจะได้ทำการเผาหรือเอาไปฝังทิ้ง แต่มันไม่ใช่ตามที่เราคิด ระหว่างที่วัยรุ่น 7-8 คนเดินเข้าไปในป่าหญ้า และโพรงหญ้าเข้าไปประมาณ 50 เมตร ต้องร้องเสียงดังโวยวายออกมา ว่า “ศพเว้ย ศพคน ศพ” จากนั้นผมและชาวบ้านได้วิ่งเข้าไปดูกันเพื่อความแน่ใจ ไม่ได้โดนพวกวัยรุ่นหลอก ภาพที่ผมเห็นนั้น เป็นศพผู้หญิงเปล่าเปลือย รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเป็นหยวก ผมสีออกน้ำตาลหยาบๆ ยาวถึงเอว นอนอืด ตัวเขียวช้ำเลือดช้ำหนอง ลอยในหนองน้ำเล็ก ๆ ข้าง ๆ มีผ้านวมผืนใหญ่ที่เหมือนโดนไฟไหม้ ตกอยู่

แต่ที่น่าสยองที่สุดคือใบหน้าถูกทุบจนเละ จำไม่ได้ นิ้วมือนิ้วเท้าก็ถูกทุบเละจนเลือดเปรอะกรัง ส่วนขาและช่วงเอวด้านซ้ายเหมือนโดนไฟเผาไหม้ช่วงผิวหนัง เริ่มมีนอนเจาะไซ ตำรวจบอกว่าท่าจะถูกทรมานอะไรสักอย่าง ตามหน้าแข้งและท้องน่องมีรอยเหมือนถูกเหล็กแหลมทิ่มแทง สรุปว่า จนป่านนี้เราก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร? ถูกฆ่าเพราะอะไร? หลังจากพบศพหญิงสาวปริศนาคนนั้น ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงร้องทรมาน เสียงโหยหวนทุกคืนช่วงตีหนึ่ง ซึ่งทุกคนก็ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า อาจจะเป็นเสียงร้องของผีผู้หญิงคนนี้ก็ได้ ฟังแล้วอดเชื่อไม่ได้…อยากให้ได้ยินกันจริงๆ

น่าสงสารเธอเหลือเกิน แต่ซอยเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี…การไฟฟ้ามาติดไฟให้แทนดวงที่ดับ พวกวัยรุ่นเคยกร่างกวนประสาทชาวบ้านก็หายซ่ากันหมด รีบกลับเข้าบ้านไปหาแม่แต่หัวค่ำ ลูกชายผมก็กลับเร็วกว่าปกติ เลิกเรียนสามทุ่ม พอสี่ทุ่มก็มานั่งหน้าแหลมดูทีวีอยู่กับพ่อกับแม่แล้วครับ เพราะถ้าเป็นช่วงเที่ยงคืนเป็นต้นไป ทุกคนจะเริ่มปิดบ้าน ปิดไฟนอน เพราะเพื่อนบ้านบ้างคนที่กลับบ้านดึก ๆ เขามาเล่าให้ผมฟังว่า เห็นผู้หญิงผมยาวมาก ยืนขาวโพลนอยู่ในพงหญ้า เป็นผีไม่มีหน้า ร้องโหยหวนอย่างที่เราได้ยินกันประจำนั่นแหละ เพื่อนบ้านที่เห็นผีผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ย้ายบ้านหนีไปแล้ว เพราะเขาบอกว่า ตามมาหาถึงบ้าน มายืนรอหน้าบ้านจนถึงเช้า ผมเลยไม่มีโอกาสถามว่าเห็นจริง ๆ หรือเปล่า ๆ หรือแค่ตาฝาดไปเอง

ระหว่างที่ผมเขียนนี้ก็เลยตีหนึ่งไปแล้ว หมามันบรรเลงเพลงหอนส่งเสียงราว 5 นาทีก็เงียบกริบ เหลือแต่เสียงจิ้งหรีดร้องระงม ส่งเสียงเล็กน้อย จนรอบ ๆ บ้านเงียบไปราวกับกลางดึกในป่าช้า บรรยากาศมันชวนให้เสียวสันหลังจริงๆ ครับ บรรยากาศตอนนี้เริ่มหนาวๆ พิกล ทั้งเศร้ากับชวนให้เยือกเย็น ใจก็คิดไปต่าง ๆ นานา แบบบอกไม่ถูก เป็นบรรยากาศของความตาย ของป่าช้า ของผู้ที่หมดลมหายใจ

ทันใดนั้น สายตาของผมดันเผลอมองไปทางหน้าต่างที่เปิดไปทางถนนในซอย สายตาเห็นร่างขาว ๆ มาเดินเล่นหรือลอยผ่านไปช้า ๆ แล้วหันหน้ามาส่งยิ้มหวานให้ผม ต่อหน้าต่อตา ก่อนที่ร่างขาว ๆ นั้นจะหายไป จนผมจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ผมเขียนเรื่องเล่าเรื่องนี้จบแล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ghosts.in.th
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: