798. เบี้ยแก้เครื่องรางคู่กายนักเวทย์ ตอน ๒

ที่กล่าวว่าเบี้ยแก้นับเป็นเครื่องรางจำเป็นสำหรับผู้สนใจทางเข้มขลังนั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพระเครื่องมีอานุภาพทางคุ้มครอง คือ แผ่พลังคุ้มครองป้องกันเท่านั้น จะไม่ทำร้ายทำลายในทางรุนแรง นอกจากพระเครื่องบางสำนักที่เสกทางสะท้อนกลับ ให้ของหรือวิชาที่เขาส่งมาทำร้ายกลับไปหาผู้ส่ง

แต่เครื่องรางอย่างเบี้ยแก้ทีคุณต่างไป จากชื่อก็พอทราบแล้วว่า “แก้” ใครทำอะไรมาแก้เขาหมดปรอทมันกินหมด การนำปรอทมาบรรจุในตัวหอยเบี้ยนี้ พระเถราจารย์ที่เป็นต้นสายวิชาเท่าที่พอสืบทราบได้คือ หลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ ธนบุรี ว่ากันว่าหลวงปู่แขกเดิมทีท่านเป็นพระภิกษุ แต่ภายหลังลาสิกขาออกมาเป็นชีปะขาวถือศีลกินเพล (ข้อมูลจากหลวงปู่โต๊ะเล่าไว้) ท่านไปมาไร้ร่องรอยเรียกว่ามีวิชาดีชอบเล่นแร่แปรธาตุ หลวงปู่แขกมีศิษย์เอกที่ประสิทธิ์วิชาสร้างเบี้ยแก้ให้ไป คือ หลวงปู่รอด วัดนายโรง กับ หลวงปู่ทัต วัดคฤหัสถ์

หลวงปู่รอด วัดนายโรง ถ่ายทอดวิชาสร้างเบี้ยต่อไปให้กับ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว สืบวิชาเบี้ยแตกไปเป็นเบี้ยแก้สายวัดกลางในปัจจุบัน เรื่องนี้มีข้อมูลยืนยันจากตำราไหว้ครูสร้างเบี้ยแก้ของ หลวงตากา วัดแค ศิษย์ผู้เรียนวิชาสร้างเบี้ยโดยตรงสืบต่อมาจาก หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ท่านยืนยันว่าบรมครูของสายวิชาสร้างเบี้ย วัดกลางบางแก้ว สืบวิชามาจากหลวงปู่รอด วัดนายโรง ท่านว่าหลวงปู่เพิ่มเคยบอกไว้ตั้งแต่คราวที่ท่านยกครูเรียนทำเบี้ย เหตุนี้จึงทำให้ทราบถึงความเชื่อมโยงของสายวิชาสร้างเบี้ยของวัดกลางบางแก้วว่า มีต้นสายวิชาสืบทอดวิชามาจากวัดนายโรงนั่นเอง

หลวงปู่ทัต วัดคฤหัสถ์ ท่านรูปนี้ทราบว่าประสิทธิ์วิชาสร้างเบี้ยให้ หลวงตาพลอย วัดคฤหัสถ์ วิชาสร้างเบี้ยสายวัดคฤหัสถ์มีความแปลกตรงที่เมื่อสร้างเบี้ย หลวงตาพลอยท่านจะนำหอยเบี้ยมาวางที่รางปรอท ที่ปลายรางด้านหนึ่งจะเทปรอทใส่ลงไว้ ปลายอีกด้านเป็นตัวเบี้ยที่วางหงายปากเบี้ยรอไว้ ท่านจะเสกคาถาเรียกปรอทให้วิ่งเข้าสู่ตัวเบี้ยเอง น่าแปลกที่ปรอทจะค่อย ๆ เคลื่อนไหลเข้าสู่ท้องเบี้ยเอง

โดยปรอทที่เข้าไปอยู่ในท้องเบี้ยจะมีน้ำหนัก ๑ บาท เท่ากันทุกตัว โดยไม่ต้องชั่งตวงเลยเป็นไปด้วยอาถรรพ์วิชาและแรงครู เมื่อปรอทเข้าสู่เบี้ยครบแล้วจะปิดปากเบี้ยแล้วถักหุ้มแล้วทาด้วยยางมะพลับ เรื่องการเรียกปรอทของหลวงตาพลอยนี้ ในอดีตคุณไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม เคยกล่าวถึงไว้ในหนังสือประยุกต์ บทความใต้บาทหลวงพ่อเดิม ปัจจุบันเบี้ยสายวัดคฤหัสถ์ถูกนำไปเล่นยัดเป็นวัดนายโรงเสียหมดแล้ว เรียกว่าหาตัวจริงมายืนยันไม่ได้แล้วซึ่งก็น่าเสียดายมาก จึงเหลือเพียงตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น

เบี้ยแก้นี้เมื่อนำติดตัวเข้าไปในสำนักหรือสถานที่ของผู้ที่เล่นคุณไสยมนต์ดำ เบี้ยสามารถกลืนกินคุณหรือของที่มีอยู่ในสถานที่นั้นได้บางส่วน เหตุนี้ในอดีตพวกที่เล่นของทางอีสานใต้เกรงเบี้ยแก้มาก หากเขาเห็นใครพกเบี้ยมาที่เอวจะไม่ยอมให้ขึ้นเรือนเลย ด้วยเกรงวิชาหรือภูตผีที่เขาเลี้ยงไว้เสื่อมถอยหนีไปหมด

หากขึ้นเรือนหรือเข้าบ้านพวกที่เล่นของ เราจะข่มของเขาข่มวิชาเขาก็ให้เลื่อนเบี้ยมาไว้ด้านหน้า แล้วว่าคาถา **อิติปิโสถอยหลัง** ว่าจบเดียวแล้วสูดหายใจดูดเข้าทางปาก แล้วอัดใจก้าวขาขวาเหยียบหัวบันไดบ้านเขาแล้วว่าคาถาประจุขาด ๓ จบ แล้วเดินขึ้นไปเลยของที่รักษาสถานที่มันเสื่อม หรือไม่อาจแสดงฤทธิ์ทำอันตรายเราได้เลย

คาถาอิติปิโสถอยหลัง
ติวาคะภะ โธพุท นังสานุสมะวะเทถาสัต ถิระสามะทัมสะริปุ โรตะนุตอะ ทูวิกะโล โตคะสุ โนปันสัมณะระจะชาวิชโธพุทสัมมาสัม หังระอะ วาคะภะ โส ปิติอิ ฯ.

คาถาประจุขาด
พุทธังปัจจะขามิ ธัมมัง ปัจจะขามิ สังฆัง ปัจจะขามิ ฯ.
หากจะออกผจญในการศึกสงครามต่อสู้กับอาวุธร้ายแรง หรือก่อนอกเดินทางต้องการให้เบี้ยคุ้มครองป้องกันให้ว่าคาถาปลุกเบี้ยดังนี้

คาถาปลุกเบี้ยแก้
อะสิสสะ ติธะนู เจวะ สัพเพเต อาวุฒานิ จะภัคคะ ภัคคา วิจุณณานิ โลมังมาเม นะผุสสันติ นะ มะ นะ อะ นอ กอ นะ กะ กอ ออ นอ อะ นะ อะ กะ อัง อุมะอะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธัง อะสุนะอะ ฯ.

เสกคาถาปลุก ๓ – ๗ – ๙ จบ ตามแต่สะดวกคุ้มครองให้พ้นจากอันตรายทั้งปวง หรือใช้คาถานี้ปลุกเสกเบี้ยทำน้ำมนต์อาบรดแก้อาถรรพ์หรือภูติผีปีศาจได้ชะงัดนัก นำเบี้ยใส่บนขันลอยบนน้ำหรือผูกแขวนที่ปากโถน้ำมนต์ก็ได้ (ไม่ต้องแช่เบี้ยลงในน้ำ)
หลายท่านที่อาราธนาเบี้ยแก้ขอให้จดจำไว้เลยว่า ห้ามเลี่ยมปิดแบบกันน้ำเด็ดขาด !!

ให้ดีก็ใส่ตลับเจาะรูไว้สักนิดพอลมผ่าน เพราะของที่เบี้ยจะกินเข้าในตัวต้องใช้ธาตุลมเป็นสื่อ อีกประการหากเลี่ยมกันน้ำมีผลทำให้ “เบี้ยเสื่อม” หรือประจุแตก จะเห็นมีปรอทซึมออกมาจากตัวเบี้ย โดยไหลออกมาอยู่ในพลาสติกเลี่ยม เหตุเพราะเวลาช่างเลี่ยมกันน้ำจะนำเอาเบี้ยที่อยู่ในพลาสติกไปลนไฟ เพื่อให้พลาสติกเข้ารูปเวลาเลี่ยม

ในขั้นตอนนี้เองส่งผลให้เบี้ยเสียในภายหลัง เหตุเพราะ ปรอทแพ้ความร้อนอย่างรุนแรง ขอให้จำไว้ว่าเมื่อใดเห็นปรอทไหลออกจาตัวเบี้ย พึงรู้ไว้เลยว่าปรอทของท่านได้เสื่อมคุณวิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิธีแก้ก็ง่ายมากก็แค่หาเบี้ยตัวใหม่มาแทนสถานเดียวเท่านั้น

อีกประการที่ข้ามเด็ดขาดเลย คือ ห้ามนำเบี้ยแก้ไปไว้ในรถยนต์ที่จอดตากแดด เพราะความร้อนอบอ้าวในรถยนต์ส่งผลกับปรอทในตัวเบี้ยเช่นกัน ที่ข้าพเจ้านำมาบอกเล่าชี้แนะนี้จากประสบการณ์ตรงที่พบเห็นเรียนรู้มา ท่านใดเชื่อถือก็ลองนำไปปฏิบัติดูเถิด จะได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้จริงทำอะไรก็ไม่ผิดรูปแบบ มีของดีก็สามารถรักษาของได้เพราะศึกษาเรียนรู้ อย่าคิดเอาแต่มีเงินเช่าหาแต่ขาดความรู้ความเข้าใจ ในส่วนพระอาจารย์ผู้สร้างเบี้ยแก้นั้นความจริงมีอยู่หลายสำนัก

ตัวอย่างเบี้ยแก้สายวัดประดู่ทรงธรรมเป็นตำราเก่าแก่ที่สืบทอดมายาวนาน โดยพระอาจารย์ผู้สร้างเบี้ยในสายนี้มี หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช หลายท่านโดยเฉพาะนักสะสมรุ่นใหม่คงเกิดอาการ งง ว่าท่านสร้างเบี้ยแก้ด้วยหรือ ขอยืนยันว่าท่านเคยสร้างเบี้ยตำราเก่าแก่นี้ไว้แต่ไม่มากนัก สายตรงพระอยุธยารุ่นเก่ารู้จักกันดี ข้าพเจ้าเองเคยได้เห็นเบี้ยหลวงพ่อเทียมทั้งทราบข้อมูลยืนยันจากนักสะสมอาวุโสที่เคารพนับถือ เชื่อมั่นว่าเบี้ยแก้หลวงพ่อเทียมมีแน่นอน เพราะได้รับมากับมือหันหลายท่าน และเชื่อว่าเบี้ยแก้หลวงพ่อเทียมไม่เป็นสองรองสายใดเช่นกัน

ส่วนเบี้ยแก้ที่น่าสนใจอีกสำนักเป็นสาย อาจารย์เที่ยง น่วมมานา สำหรับท่านผู้นี้เป็นฆราวาสจอมอาคม ท่านเคยเดินทางไปเรียนวิชามาจากหลายสำนักเรียกว่าเรียนรู้มามาก อาจารย์เที่ยงท่านพูดได้ทั้งภาษามอญ, ภาษายาวี เดินทางจากเหนือจรดใต้เพื่อศึกษาไสยเวทย์วิทยาคุณ ศิษย์ผู้สืบทอดวิชาสร้างเบี้ยอาคมจากอาจารย์เที่ยง คือ อาจารย์น้อย วัดหนองปลาไหล จังหวัดตาก

ท่านรูปนี้ชื่อเสียงไม่โด่งดังแต่สร้างเบี้ยตามตำราโบราณ โดยใช้ปรอทที่ดักจับมาด้วยวิธีโบราณ เบี้ยที่ท่านสร้างจัดว่าขลังมีพุทธคุณจริงแน่นอน ใช่เพียงเบี้ยที่สร้างสวยงามแต่ภายนอกเท่านั้น ข้าพเจ้าไม่นิยมของสวยของกระแสสร้างกันเกร่อเพื่อจำหน่าย แบบนั้นไม่นิยมส่งเสริมของสวยแต่รู้แต่ไร้พุทธคุณ ของดีอาจารย์เก่งแต่ไม่ดังมีอีกมากมาย ใช่ว่าต้องหาสะสมแบบเดินตามรอยใครแบบหลับหูหลับตาเล่นแบบนั้นไม่นิยม

ส่วนเบี้ยแก้สายวัดกลางบางแก้วยุคหลังหลวงปู่เพิ่ม ขอบอกตามตรงแบบไม่แคร์สื่อ อันเป็นความชอบส่วนตัวว่าที่เชื่อว่าขลังจริงมี พระปลัดใบ วัดกลางบางแก้ว ท่านรูปนี้เสียดายที่อายุน้อยด่วนมรณภาพ หาไม่แล้วท่านต้องโด่งดังมาก เพราะท่านเรียนมาแล้วทำได้จริง สามารถเสกเบี้ยจนเคลื่อนไหวได้จริงตามตำรา พระปลัดใบท่านรูปร่างสูงใหญ่พูดจาเสียงดังฟังชัด พลังจิตแก่กล้ามากท่านเคร่งครัดในตำราการสร้างวัตถุมงคลมาก

เหตุที่ท่านมรณภาพนั้นทราบจาก รศ.นิพัทธ์ จิตรประสงค์ นักสะสมพระเครื่องอาวุโสเล่าว่า พระปลัดใบท่านตั้งใจสร้างยาวาสนาตามตำราวัดกลางบางแก้ว ซึ่งตามตำราต้องปลุกเสกทุกวันตลอดไตรมาสขาดไม่ได้เลย ซึ่งในพรรษานั้นท่านอาพาธเป็นไข้หวัดแต่ท่านฝืนสังขาร เข้าปลุกเสกยาวาสนาทุกวันจนร่างกายทานทนไม่ไหว เมื่อออกพรรษาอาการก็ทรุดหนักและมรณภาพ** แต่ท่านปลุกเสกยาวาสนาได้สำเร็จตามตำราเรียกว่าแลกชีวิตเพื่อทำวิชาก็ไม่ผิด สมัยนี้จะหาพระที่เด็ดเดี่ยวอย่างท่านคงยากนัก

อีกรูปหนึ่งเห็นมีหลวงตากา วัดแค เดิมทีท่านจำพรรษาอยู่วัดกลางบางแก้ว เป็นอีกหนึ่งศิษย์ก้นกุฏิที่เรียนวิชาจากหลวงปู่เพิ่ม คือ ไม่ใช่ได้แต่ตัวตำราคาถามาเท่านั้น แต่ท่านเสกทำได้เกิดผลจริงตามตำรา ในอดีตคุณจิรศักดิ์ศิษย์หลวงตากาเคยถามท่านว่า สมัยที่ท่านเรียนวิชาอยู่กับหลวงปู่เพิ่ม ตัวท่านเคยเห็นหลวงปู่เพิ่มเสกเบี้ยเคลื่อนไหวหรือไม่ หลวงตากาตอบว่าเคยเห็นแค่ขยับเดินมาที่ขอบถาด ศิษย์จึงย้อนถามว่าแล้วตัวท่านเสกได้ขยับตามตำราหรือไม่

หลวงตากาท่านตอบเพียงว่า ท่านทำเต็มที่ได้ตามตำรา แต่ตอนเสกหลับตาเสกจึงไม่เห็น หลวงตาการูปนี้สมัยที่ท่านไปอยู่วัดแค ท่านเป็นเพียงพระหลวงตาแก่ ๆ อยู่อย่างสมถะมาก ในกุฏิท่านมีพระปูนปั้นกับพระไม้ที่แกะสลักเอง มีหมอนเก่า ๆ กับเสื่อหนึ่งผืนไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดเลย เบี้ยหลวงตากาท่านพลิกแพลงเพิ่มให้มีคุณยิ่งขึ้นไปอีก โดยท่านนำฝาโซดาสิงห์มาทุบให้แบนเป็นแผ่น แล้วนำมาลงอักขระหัวใจราชสีห์แล้วนำไปหุ้มปิดปากเบี้ย แล้วจึงนำเอามุ่งกันยุงมาหุ้มแล้วทายางลักเคลือบอีกที ที่ท่านใช้ฝากโซดารูปสิงห์มาลงยันต์เพื่อผลทางมหาอำนาจนั้นเอง

เบี้ยหลวงตากากับของพระปลัดใบสองรูปนี้ ไปถามฅนท่านาแถบนครชัยศรีเขาดูว่าเป็นอย่างไร ฅนพื้นที่จริงที่เขาแขวนติดตัวต้อง ๒ อาจารย์นี้สำหรับเรื่องเบี้ย เขามั่นใจมากว่าปืนไม่ได้กินยิงไม่เคยดัง ปัจจุบันเบี้ยหลวงตากามีราคาสูงมากขึ้นทุกวัน แต่ราคายังไม่สูงเท่าหลวงปู่เพิ่ม ส่วนเบี้ยพระปลัดใบราคายังพอเช่าหาได้ แต่หาตัวจริงยากเอาการอยู่เหมือนกันเพราะสร้างน้อย สำหรับพระปลัดใบนี้สมัยที่ท่านเสกเบี้ย ถึงขนาดหลวงปู่เพิ่มออกปากชมเลยว่าเสกได้ดีใช้แทนท่านได้เลยมีคุณเหมือนกัน ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะเคยมีฅนเดินผ่านกุฏิยามวิกาล มักได้ยินเสียก๊อกแก๊กคล้ายเสียงเบี้ยขยับบนถาดอยู่ประจำ และเคยมีฅนแอบส่องดูก็เห็นว่าเบี้ยที่ท่านเสกเคลื่อนไหวดั่งมีชีวิต

เรื่องราวของเบี้ยแก้นี้ขอบอกเล่าให้ทราบพอสังเขป ในส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ เบี้ยถือว่าเป็นเครื่องรางสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปในที่ห่างไกล เข้าป่าดิบแดนอาถรรพ์หรือต้องผจญภัยอันตรายนับว่าเหมาะสมมาก เบี้ยนี้พวกผีปีศากกลัวเกรงมากเป็นของดีวิเศษ ที่นำเรื่องราวมาบอกเล่านี้เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับผู้สนใจในทางเข้มขลัง สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ตามสมควรดังนี้

อ่านตอนที่ 1 คลิกที่นี้ –> เบี้ยแก้เครื่องรางคู่กายนักเวทย์ ตอนที่๑

ขอบคุณขอมูลดีๆจาก : ฅนขลัง คลังวิชา

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: