915.หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ปาฏิหาริย์ปลัดขิกบินได้

“ปลัดขิก” หรือ “ขุนเพ็ด” เป็นเครื่องรางของขลังที่โบราณาจารย์นิยมจัดสร้างขึ้น มีลักษณะรูปร่างแปลกตาไปจากวัตถุมงคลประเภทอื่น กล่าวคือ จะมีสัณฐานเป็นรูป “ลึงค์” หรืออวัยวะเพศชาย จะทำจากไม้มงคล กัลปังหา เขาสัตว์ หรืองา นิยมแขวนไว้ระดับเอวโดยจัดสร้างขึ้นมามากมายหลายขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วกว่าปลายนิ้วก้อย ไปจนถึงขนาดเท่าของจริง และขนาดใหญ่โตมโหฬาร สูงท่วมหัว

ด้วยความนิยมใช้ปลัดขิก ถึงขนาดที่ว่ามีการท่องไล่เรียง “ของดี” หรือของสุดยอดของเครื่องราง ที่คู่ควรสะสมไว้ว่า “ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อปาน หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัวปั้นหุ่นวัดศีรษะทอง เบี้ยแก้วัดนายโรง ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง”

ในสมัยโบราณปลัดขิกถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของเพศชาย ทั้งนี้จะผูกปลัดขิกดอกน้อยๆ ไว้ที่สะเอวของเด็กเพศชาย ซึ่งนอกจากความเชื่อในด้านป้องกันอันตรายแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่บ่งชี้ในเรื่องเพศอย่างเด่นชัด

ต่อมาเมื่อกิตติศัพท์ทางแคล้วคลาดรอดพ้นจากโรคภัยและอันตรายต่างๆ ขจรขจายออกไป ก็เกิดความนิยมในการเสาะแสวงหา บรรดาพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ก็รวบรวมเอาความรู้ต่างๆ ดำเนินการปลุกเสกและจัดสร้าง มีการเลือกไม้หรือวัสดุอันเป็นมงคลตลอด จนจดจารพระคาถา เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นใจให้ผู้คนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นอานุภาพของปลัดขิกจึงมิได้จำกัดอยู่เพียงการรักษาป้องกันโรคแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ได้กลายสภาพเป็น เครื่องรางของขลัง (Charm and Talismans) โดยมีความเชื่อว่ามีอานุภาพทางด้านป้องกันอันตราย มีเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ การทำมาค้าขาย หรืออื่นๆ อีกด้วย คาถาบูชาปลัดขิกหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก

อย่างไรก็ตาม ถ้านึกถึงปลัดขิกของพระคณาจารย์รุ่นหลังๆ ทุกคนก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงปลัดขิกของ พระครูนิยุตธรรมสุนทร หรือ หลวงพ่อยิด แห่ง วัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยเกียรติคุณด้านประสบการณ์นั้นเหลือคณานับ เครื่องรางของขลังพุทธคุณอันเลื่องลือ ปลัดขิกหลวงพ่อยิด ที่ผ่านการปลุกเสกจากหลวงพ่อยิดเป็นที่กล่าวขานตั้งแต่เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน คือ

พุทธคุณปลัดขิกหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
๑.การค้าขาย ใช้เอาไปทิ่มกับของที่ขาย ไม่นานจะเห็นผลและจะค้าขายดีอย่างเทน้ำเทท่า โดยมีเรื่องเล่าว่า มีพ่อค้าคนจีนทำอัญมณีส่งต่างประเทศ เมื่อส่งของไปแล้วถูกส่งกลับคืนมาอ้างว่าของไม่มีคุณภาพ พ่อค้าท่านนี้กลุ้มใจมาก มีคนนำไปหาหลวงพ่อยิดท่านจึงมอบปลัดขิกและบอกให้นำไปทิ่มที่ของซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่ถูกส่งกลับคืน แล้วส่งไปอีกครั้ง ปรากฏว่าต่างประเทศชมมาว่าของชุดนี้ถูกใจมาก

๒.เรื่องแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น ตะขาบ แตน ต่อ แมงป่อง เอาไปวนบริเวณที่ถูกกัดต่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง รวมทั้งงูมีพิษจะอ้าปากไม่ขึ้นถ้าเราเหยียบ หรือนอนทับงูจะตาย ทั้งนี้มีเรื่องเล่าว่า พ.อ.อ.ศักดิ์ชัย ทรงโกมล สังกัดกองบิน ๕๓ ประจวบคีรีขันธ์ เล่าว่าลูกชายของเขาตอนอายุประมาณ ๑๑ ขวบ ถูกต่อหัวเสือ ๓ ตัว ต่อยศีรษะร้องด้วยความเจ็บปวด นึกถึงหลวงพ่อยิดจึงนำ ปลัดขิกหลวงพ่อยิด ขึ้นมาอาราธนาแล้วจิ้มลงไปที่บริเวณโดนต่อย ปรากฏว่าลูกชายหายปวดและหยุดร้องได้

ขณะเดียวกันก็มีเรื่องเล่าของชาวบ้านในแถบทุ่งน้อยและเขาแดงว่า หลวงพ่อยิดเสกน้ำทะเลจืดได้ จากปากคำของคุณวิเชียร อ่วมอ้อ เล่าว่า เมื่อครั้งหลวงพ่อยิดเป็นฆราวาส คุณวิเชียรยังมีอายุ ๑๗ ปี ตามหลวงพ่อยิดไปออกทะเลจับปลา จึงเตรียมน้ำจืดไปไว้ดื่มแต่ไม่เห็นหลวงพ่อยิดเตรียมน้ำไปด้วย

ขณะพักกินข้าวกลางวันเห็นหลวงพ่อยิดเอามือกอบน้ำทะเลดื่ม จึงลองดื่มบ้างปรากฏว่าเค็มบ้วนทิ้งแทบไม่ทัน หลวงพ่อยิดมองแล้วอมยิ้ม จากนั้นท่านจึงเอามือวนในน้ำทะเลเป็นวงกลมแล้วให้คุณวิเชียรเอามือกอบน้ำในวงกลมดื่ม ปรากฏว่าน้ำนั้นไม่เค็มเหมือนน้ำทะเลแต่จืดเหมือนน้ำบ่อ

นอกจากนี้แล้วความแตกต่างของหลวงพ่อยิดที่ไม่เหมือนเกจิอาจารย์รูปใด คือท่านสรงน้ำปีละครั้ง ซึ่งสืบเนื่องจากหลวงพ่อยิดเรียนคาถาเลขยันต์จากอาจารย์ของท่าน อาจารย์บอกว่าจะต้องรับสัจจะว่าจะอาบน้ำ (สมัยฆราวาส) ปีละครั้ง ท่านก็รับปากอาจารย์จึงสอนวิชาให้ เมื่อท่านเรียนวิชาจบแล้ว ท่านก็อาบน้ำจนกระทั่งบวชเป็นพระท่านก็สรงน้ำปีละครั้งตลอดมาในเดือน ๔ วันอาทิตย์แรกของข้างแรม หลวงพ่อยิดสรงน้ำปีละครั้งลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาจะเอาแปรงทองเหลืองขัดตัวท่าน ท่านจะยิ้มเพราะไม่เจ็บไม่ระคายผิวหนังท่านเลย

ประวัติหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก
พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง “ยิด สีดอกบวบ” เป็นชื่อและสกุลเดิมของหลวงพ่อยิด เกิดที่บ้านดอนหัวกรวด ต.นาพันสาม อ.เมือง จ.เพชรบุรี แม้ว่าในใบสุทธิระบุว่าท่านกำเนิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๗ ปีชวด ตรงกับวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๗ แต่จากปากคำของท่านเล่าว่า ท่านเกิดวันจันทร์ ปีชวด พ.ศ.๒๔๖๐ โยมบิดาชื่อ แก้ว โยมมารดาชื่อ พร้อย มีพี่น้องรวม ๗ คน

ท่านเป็นบุตรชายคนที่ ๔ ในวัยเยาว์ โยมบิดา-มารดาได้นำไปฝากเรียนหนังสือกับ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม ที่มีศักดิ์เป็นน้าของท่าน จนอายุ ๙ ขวบ จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดนาพรม โดยมีหลวงพ่อหวล เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาอักขระสมัย อักขระขอม เลขยันต์ และแพทย์แผนโบราณ ภายหลังหลวงพ่อหวลได้พาไปฝากศึกษาต่อกับ หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน พออายุได้ ๑๔ ปี ท่านได้ลาสิกขาบทออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาประกอบอาชีพ เพราะครอบครัวย้ายไปประกอบอาชีพที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ขณะนั้นครอบครัวของท่านมีความลำบากยากจน ท่านจึงต้องช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ และเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดนาพรม โดยมี หลวงพ่ออินทร์ วัดยาง (เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์พ่วง วัดสำมะโรง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา จนฺทสุวณฺโณ แปลว่า ผู้มีวรรณะดุจพระจันทร์

วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ หลวงพ่อยิดเกิดอาพาธปัจจุบันทันด่วนด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก และเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลตำรวจ และมรณภาพลงด้วยอาการสงบในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ เวลา ๐๓.๕๐ น. คณะศิษย์นำสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงแก้ว และได้รับพระราชทานเพลิงศพในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๐ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ เมรุวัดหนองจอก ปัจจุบันพระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านเป็นที่นิยมในการสะสมในหมู่ลูกศิษย์ ประวัติหลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน วัดหนองจอก

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ คุณสมศักดิ์ ศกุนตนาฏ บรรณาธิการอำนวยการ สำนักพิมพ์คเณศ์พร ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลและภาพจากหนังสือ “อมตวัตถุมคลหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ” ปลัดขิกพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ขวัญทอง สอนศิริ

ที่มา : คม ชัด ลึก
ขอบคุณขอมูลดีๆจาก : tumsrivichai.com
รูปภาพสวยๆจาก : กรุสยาม

แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: