507. เมื่อศิษย์หลวงพ่อปานลองวิชากัน

เมื่อศิษย์หลวงพ่อปานลองวิชากัน

เกจิอาจารย์รุ่นเก่า ถ้าไม่คุ้นเคยกัน เวลาพบหน้ากันท่านจะลองวิทยาคมกัน ดังเช่นครั้งหนึ่ง ในงานพุทธาภิเศกงานหนึ่ง หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว ท่านได้มาร่วมงานด้วย ท่านได้บอกศิษย์ที่ติดตามว่าวันนี้ท่านจะลองของเกจิกรุงเก่าดูว่าจะเก่งจริงไหน

 หลวงพ่อมี

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2518
ทางวัดบางนมโค จัดพิธีมหาพุทธภิเษกในงานทำบุญ 100 ปีของหลวงพ่อปาน ซึ่งครั้งกระนั้นมีพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมมาร่วมพิธีปรกปลุกเสก 4 องค์ด้วยกันคือ

หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว

หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง

หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา

หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย

ซึ่งท่านเป็นพระเถระจารย์ในศิษย์หลวงพ่อปาน ที่วัดบางนมโคต้องนิมนต์ท่านมาร่วมพิธีทุกครั้งเมื่อมีงาน….
หลวงพ่อมีเข้าไปในโบสถ์วัดบางนมโค เป็นองค์ที่3ต่อจากหลวงพ่อเชิญและหลวงพ่อเมี้ยนและด้วยความที่หลวงพ่อมีเป็นพระอาจารย์ที่มีอุปนิสัยนอบน้อมถ่อมตนเห็นว่าตนเองยัง มีอายุน้อย ท่านจึงเลือกธรรมมาสน์ที่หันหน้าเข้าหาประธานตรงที่นาคนั่งขานนาคในเวลาอุปสมบท

ขณะนั้นหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัวมาถึงพอดี ท่านจึงขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ที่เหลือซึ่งตั้งอยู่หน้าพระประธาน อันเป็นที่นั่งพระอุปัชฒาย์จึงหันหน้าชนกับหลวงพ่อมีโดยมีประรำอิทธิ์มงคลขึ้นอยู่ระหว่างกลาง
พอพระภิกษุสงฆ์สวดพุทธาภิเษา หลวงพ่อมีก็เข้าสมาธิจิตปลุกเสก ฉับพลันนั้นท่านก็รู้สึกว่า มีสิ่งของตกลงมาธรรมาสน์ใกล้หน้าแข็งของท่านดัง “กึก” หลวงพ่อมีนั่งเข้าสมาธิจิตเฉยเมยไม่ได้มีความสนใจไยดีต่อเสียงรอบข้างแต่อย่างใด

สักครู่หนึ่ง ก็มีเสียงตกลงมาดังกึกบนธรรมาสน์ที่เดียวกันอีกครั้งและมีเสียงกุกๆกักๆพอได้ยินหลวงพ่อมีทราบได้ในทันทีว่า ถูกลองของแน่แล้ว แต่ไม่มีอารมณ์หวั่นไหวยังคงนั่นหลับตาเฉย พร้อมกับเข้าเตโชกสิณ อธิษฐานจิตให้เห็นว่าสิ่งที่ตกลงมา2ครั้งนั้นมันเป็นอะไรกันแน่ด้วยทิพยอำนาจแห่งเตโชกสิณ สิ่งที่ปรากฏภายในดวงจิตของหลวงพ่อมีก็คือ ตะปูโลงผี ขนาด3นิ้ว2ตัว กำลังเคลื่อนไหวดุจมีชีวิตอยู่ไปมา

หลวงพ่อมีจึงลืมตาก้มหน้าลงมามองดูด้วยตาเนื้อเพื่อให้รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไรสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาหลวงพ่อมีขณะนั้นตะปูจริงๆและกำลังหันปลายแหลมตั้งชี้พุ่งขึ้นมาหาหลวงพ่อมีทั้ง 2 ตัว

พระเถระแห่งวัดมารวิชัย วางมือขวาลงไปใช้นิ้วชี้กดตะปู2 ตัว พร้อมกับว่าพระพระคาถาเป่าพรวดลงไปเบาๆตาปูโลงผีก็หมดฤทธิ์ ท่านจึงเก็บไว้ใต้ผ้าอาสนะแล้วเริ่มเข้าสมาธิจิตปลุกเสกอิทธิมหามงคลต่อไป

ทันใดนั้น ก็มีตะปูตกลงมาใกล้หน้าแข้งท่านอีกเป็นตัวที่3ตัวที่4และตัวที่5ซึ่งหลวงพ่อมีก็เก็บแล้วเขี่ยเข้าไปในอาสนะที่ท่านนั่งจนครบ5ตัวอธิษฐานจิตเพื่อดูให้รู้แน่ว่าถูกพระอาจารย์ดีองค์ไหนในจำนวนทั้ง3รูป คือ หลวงพ่อขอม หลวงพ่อเชิญ หลวงพ่อเมี้ยน

ภาพของพระอาจารย์ที่แกล้งทดสอบวิทยาคมก็ผุดขึ้นจักขุทวารและมโนทวาร…….
หลวงพ่อมียังไม่แน่ใจว่าจะเป็นหลวงพ่อขอมหรือไม่ท่านจึงอธิษฐานนึกถึงภาพหลวงพ่อเชิญและหลวงพ่อเมี้ยนตามลำดับ แต่ภาพนิมิตที่เกิดขึ้นภายในความคิดทุกครั้งกลับกลายเป็นภาพของหลวงพ่อขอมเช่นเดิม

ต้องเป็นหลวงพ่อขอมแน่ๆหลวงพ่อมีนึกคิด พอเสร็จพิธีพุทธาภิเษกจบที่ 4 ผู้คนเข้าไปกราบสักการะหลวงพ่อขอมอย่างล้นหลาม เพราะท่านเป็นพระเกจิมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในขณะนั้น

หลวงพ่อมีหยิบตะปูใส่พาน 4 ตัว แล้วเก็บไว้ 1 ตัว เพื่อเป็นที่ระลึก 1 ตัว และเอาดอกไม้ธูปเทียนวางทับปิดบังตะปูไว้ เดินตรงรี่เข้าไปถวายหลวงพ่อขอม เป็นการแสดงความคารวะ

หลวงพ่อขอมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับเฉยๆเสียอย่างนั้น หลวงพ่อมีจึงพูดขึ้นว่า

“หลวงพ่อผมเอาดอกไม้ธูปเทียนมาถวาย”

หลวงพ่อขอมจึงรับประเคนจากหลวงพ่อมี อย่างขัดไม่ได้ ปกติท่านไม่ได้รับทั้งพานคงใช้มือรวบเอาเฉพาะธูปเทียนเท่านั้น ท่านจึงมองเห็นตะปูวางอยู่ในพาน หลวงพ่อขอมจึงเอ่ยถามหลวงพ่อมีขึ้นว่า

“นั่นอะไร”

หลวงพ่อมี ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ แบบคนจริงว่า

“ตะปูของหลวงพ่อ ผมนำมาถวายคืน”

หลวงพ่อจึงรับพานไป แล้วพูดติดขำขันอย่างสบายอารมย์ เป็นการยอมรับหลวงพ่อมี แถมรู้ทันถามตรงๆขึ้นว่า

“แล้วตะปูอีกตัวหนึ่ง เก็บเข้าไว้ในย่ามทำไม”

หลวงพ่อมีตอบอย่างนอบน้อมว่า

“ขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ”

นั่นแสดงถึงความลึกล้ำในเวทวิทยาคมขององค์พระเกจิอาจารย์สมัยนั้นว่าลึกล้ำเก่งกาจ มีอำนาจพลังทางจิตมากมายขนาดไหน …..

………คำตอบนั้นไม่ได้อยู่ในสายลม หากแต่เป็นเรื่องจริงที่พบเห็นอยู่ตรงหน้า……..

เรื่อง…จากหนังสือประวัติหลวงปู่มี
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ศิษย์สายวัดสะพานสูง
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: