574. หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เกจิสายเหนียวที่มีร่างอมตะ

ในจังหวัดเพชรบูรณ์ เกจิที่ขึ้นชื่อเรื่องคงกระพัน หรือหนังเหนียว จะมีอยู่สองท่าน ถ้ารุ่นเก่า ก็ต้องหลวงพ่อทบ วัดชนแดน แต่รุ่นหลังเขาก็ว่าเป็นหลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย หลวงพ่อทบตอนแรกเลย ท่านดังเฉพาะท้องถิ่น และคนนอกที่รู้จักอีกไม่มากนัก แต่ท่านมาดังเป็นพลุแตก เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ เพราะลูกศิษย์ท่านที่เป็นปลัดอำเภอ ดวลปืนกับโจร๙คน เป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ แอดมินรู้เรื่องนี้มานาน แต่หาข้อมูลไม่ได้ เพิ่งมาเจอข้อมูล จึงขอนำมาลงไว้ที่นี่

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2500 ข้าพเจ้ากับ ร.ต.อ.เทียน มงคลการ ได้ไปพบผู้ใหญ่เอ็บที่ตลาดเขาทราย อำเภอตะพานหิน เพื่อขอความร่วมมือให้ไปจับตัวนายเทียน โพธิ์ศรีอาจ ซึ่งเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายที่บ้านกล้วย อำเภอชนแดน ผู้ใหญ่เอ็บ แจ้งว่ารู้จักนายเทียน โพธิ์ศรีอาจดีเพราะว่าตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านไคอีเผือก เจ้าตัวจะอยู่หรือไม่ต้องให้สายสืบไปสืบดูก่อน พรุ่งนี้เวลา 2 โมงเช้าพบกันที่บ้านผู้ใหญ่เอ็บตลาดเขาทราย

วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นวันนัด ร.ต.อ.เทียน มงคลการไม่ไป ข้าพเจ้าแต่ผู้เดียวได้ขึ้นรถเมล์ทรัพย์มงคลปัญญาไป ขณะนั่งรถเมล์ไปนั้นสังเกตคนโดยสารไปด้วย รถวิ่งไปถึงตลาดตำบลดงขุย ได้มีผู้ชายวัยกลางคนจำนวน 3 คน ในคราบคนร้ายขึ้นรถเมล์ไปนั่งเบาะหลังข้าพเจ้า ท้ายรถมีการลุกลี้ลุกลนเหลียวซ้ายแลขวา พอรถวิ่งไปถึง ก.ม. 26 ถนนสายเพชรบูรณ์ – ตะพานหิน ห่างจากตลาดเขาทราย 4 ก.ม. ได้มีคนร้าย 2 คน ยืนโบกมือให้รถหยุด

รถก็หยุดเป็นเวลา 7.00 น. ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าชักปืนออกจี้คนโดยสารด้านซ้าย อีกคนหนึ่งชักปืนออกจี้คนโดยสารทางข้างขวา พร้อมกับพูดว่าเครื่องประดับมีของอะไรเรียงตัวไปมอบ ขัดขืนตาย และคนร้ายออกจากที่ซ่อนตัวด้านขวาอีก 4 คน วิ่งเอาปืนและเคาะรถไปด้านขวาพูดว่าเอามาให้ดีๆ ขัดขืนตายรวมเป็นผู้ร้าย 6 คน ทุกคนยกมือยอมแพ้จะเอาอะไรก็ยอมขอชีวิตไว้ก่อน

ข้าพเจ้านั่งแถวริมด้านซ้ายติดกับช่องทางเดินปลายสุดลงประตูรถเมล์ เห็นคนร้ายประกาศการปล้นโดยตลอด ข้าพเจ้าจึงภาวนาพระคาถาของหลวงพ่อทบและคุณพ่อคุณแม่ช่วย ข้าพเจ้าขนลุกตั้ง ใจสู้ ข้าพเจ้าจึงทำหน้าที่เพื่อปกป้องคุ้มครองคนโดยสาร เป็นเจ้าพนักงานไม่สู้เสียชื่อเสียงยอมตายดีกว่า

จึงชักรีวอลเออร์ขนาด 9 ม.ม.ออกจากพเอวเป็นเวลาที่คนร้ายที่ขึ้นมาจากตลาดดงขุย 3 คนแสดงตัวเป็นคนร้ายจะเก็บทรัพย์สินของคนโดยสาร เห็นข้าพเจ้าสู้ชักปืนออกมาแล้วคนร้ายคนหนึ่งพูดว่ามึงสู้มึงตาย เอาปืนจี้หลังแล้วยิงข้าพเจ้าทันที 1 นัดแต่ปืนไม่ดัง ข้าพเจ้าจึงเอี้ยวตัวยิงคนร้าย 1 นัดดังสนั่น คนร้ายได้โดดรถไปดิ้นตายข้างๆ รถต่อหน้าหัวหน้าทางซ้าย

หัวหน้าพูดว่าเสียงปืนดังในรถไม่ใช่ของพวกเรามีคนสู้จัดฆ่าอย่างเดียว พูดเสร็จก็วิ่งข้นมาถึงประตูรถเมล์พบกับข้าพเจ้าห่างกันไม่เกิน 2 ศอก ต่างคนต่างยกปืนขึ้นยิงต่อสู้กัน ปืนคนร้ายไม่ดังส่วนปืนของข้าพเจ้าดังปังถูกคนร้าย คนร้ายไม่สู้หันหลังวิ่งไปทางหน้ารถ

ข้าพเจ้าคิดถึงผู้โดยสาร ถ้าสู้กันในรถจะต้องมีการตายกันขึ้นจึงตัดสินใจยอมตายให้สมศักดิ์ศรีที่เป็น เจ้าพนักงานให้ความคุ้มครองประชาชน จึงประโดดลงจากรถวิ่งไปไล่ขับหัวหน้าคนร้ายทันบนถนนหน้ารถเมล์แล้วยิงซ้ำอีกนัดหนึ่ง หัวหน้าคนร้ายดิ้นตายต่อหน้าคนร้ายที่อยู่ข้างรถ

ข้าพเจ้ายิงคนร้ายตายไป 2 คนแล้ว คนร้าย 2 คนที่อยู่บนรถได้ลงรถมาช่วยคนร้ายข้างล่างรวมเป็น 7 คนช่วยกันยิงข้าพเจ้า แต่ปืนไม่ดังข้าพเจ้าจึงยิงคนร้ายบาดเจ็บไป 1 คนจนกระสุนหมด 6 ลูก คลำหากระสุนในกระเป๋ากางเกงไม่มี ปรากฏว่าไม่ได้เอาลูกปืนอะไหล่มา กำลังใจของข้าพเจ้าตกวูบวิ่งหนีคนร้ายไปขออาวุธปืนจากนายเหลียง โคศุพ นายละมุดหรือยุทธ์ ตันอุดม นายกเทศมนตรีเมืองหล่มสักไม่ได้และไม่มีผู้ใดยิงตอบโต้ช่วย

ข้าพเจ้าคิดว่าวันตายของข้าพเจ้าคือวันนี้ คนร้ายได้ระดมยิงข้าพเจ้าเสียงปืนดังสนั่นเป็นประทัดแตก ไม่ทราบว่ากี่นัดต่อกี่นัด กระสุนถูกตัวข้าพเจ้าตั้งแต่ปลีน่องจนถึงศีรษะ แต่กระสุนปืนไม่เข้า เพียงแต่มีเลือดออกเป็นยางบอนเท่านั้น เพราะพระคาถาบุญบารมีหลวงพ่อทบและคุณพ่อแม่ช่วยคุ้มครองอยู่

แต่ข้าพเจ้ายังวิ่งหนีคนร้ายได้อยู่ ได้กระโดดเกาะหน้ารถด้านขวา และสั่งให้คนขับรถหนีไปอย่างเร็ว คนร้ายได้ยิงรถโดยสารด้านหลังอีก 1 นัด เป็นรู 9 รู และยิงขึ้นบนหลังคาอีก 1 นัด ถูกไม้แตกฉีก คนโดยสารปลอดภัยและไม่ได้ทรัพย์สินของคนร้ายเลย จากนั้นข้าพเจ้าได้นำรถวิ่งมาถึงบ้านผู้ใหญ่เอ็บตลาดเขาทราย อำเภอตะพานหิน

ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร ข้าพเจ้าได้เล่าเหตุการณ์ให้ผู้ใหญ่เอ็บและตอนประเทือง ตอนการทางฟัง และให้ช่วยจับคนร้ายด้วย ผู้ใหญ่เอ็บได้นำลูกบ้าน 10 กว่าคนขึ้นรถไปจับคนร้ายในที่เกิดเหตุ แต่คนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว สรุปแล้วข้าพเจ้าต่อสู้กับคนร้าย 9 คน มีกระสุน 6 นัด ยิงคนร้ายตายไป 2 คน บาดเจ็บ 1 คน แต่ข้าพเจ้าถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บเป็นแผล 53 แผล

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้รายงานการต่อสู้คนร้ายปล้นรถเมล์ทรัพย์ ปัญญาให้ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทราบและพิจารณาความดีความชอบให้ข้าพเจ้า 2 ขั้น พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ ข้าพเจ้าไปพบ ขอดูบาดแผลและเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง

ข้าพเจ้าจึงไปพบพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ให้ดูบาดแผลและได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ท่านสั่งให้ข้าพเจ้าไปเล่าเหตุการณ์ให้อธิบดีกรมการปกครองฟังและดูบาดแผลอีก อธิบดี กรมการปกครองสั่งให้ข้าพเจ้าไปรายงานเล่าเหตุการณ์ในที่ประชุมของคณะกรรมการ ศูนย์อาชญากรรมกองปราบปรามสามยอดฟัง

มีท่านรองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายปราบปรามได้สอบถามข้าพเจ้าว่า คุณมีความรู้สึกอย่างไรตอนที่คนร้ายเอาปืนจี้หลังคุณ ข้าพเจ้าได้ตอบทันทีว่า คนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปราบปรามและปกป้องคุ้มครองประชาชน กลัวคนร้ายควรลาออกจาตำแหน่งไปเป็นครูประชาบาล ซึ่งไม่มีหน้าที่จับคนร้าย พฤติการณ์ต่างๆซึ่งข้าพเจ้ายิงสู้กับคนร้ายในรถแล้วกระโดดจากรถวิ่งไล่ขับ ยิงกันรอบรถ

ท่านว่าผมกลัวตายหรือไม่ ข้าพเจ้าตอบท่านว่า ไม่กลัว ในที่ประชุมไม่มีคณะกรรมการท่านใดสอบถามอีก คณะกรรมการศูนย์อาชญากรรมกองปราบปรามสามยอดได้พิจารณาได้ให้เงินเดือน 4 ขั้น เงินรางวัลเกี่ยวกับการปราบปรามผู้ร้าย เงิน 5,000 บาท พร้อมด้วยเงินรักษาพยาบาล และให้แหวนอัศวินทองคำ 1 วง นอกจากนี้ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการขอพระราชทานเครื่อง อิสริยาภรณ์ให้อีกนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นชอบด้วย

เรื่องการต่อสู้ยิงกับผู้ร้ายปล้นรถเมล์ทรัพย์ปัญญาของข้าพเจ้านี้นักข่าว หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวในการต่อสู้กันอย่าง เกรียว กราวหลายวัน นอกจากนี้ยังได้มีหนังสือของทางราชการลงข่าวอีก เช่นหนังสืออาชญากรรมของการมตำรวจ หนังสือเทศาภิบาลของกรมการปกครอง หนังสือวารสารกำนันผู้ใหญ่บ้านกรมการปกครองอีก หนังสือทั้ง 3 เล่มนี้ข้าพเจ้าเก็บไว้เป็นอนุสรณ์

แต่มีเหตุสุดวิสัยเก็บไว้ไม่ได้ เนื่องจากโรงสีเพชรเจริญเผาเอาเงินประกัน ปี พ.ศ. 2523 บ้านของข้าพเจ้าปลูกติดอยู่กับโรงสีเพชรเจริญได้ถูกไฟไหม้บ้านไปด้วย ทรัพย์สินเสียหายเก็บไม่ทัน เพราะเหตุเกิดกลางคืน ตอนตีหนึ่ง ตีสอง หนังสือทั้ง 3 เล่มถูกไฟไหม้หมด ตอนนั้นข้าพเจ้าไปปฏิบัติราชการเป็นปลัดอำเภอเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ปล่อยให้ลูก 4 คนเฝ้าบ้านภรรยาข้าพเจ้าก็ตายไปแล้ว หาญาติพี่น้องช่วยไม่ทันเพราะเป็นเวลานอนหลับกัน ข้าพเจ้าและบุตร 4 คนเดือดร้อนมาก ข้าพเจ้าได้นำบุตรทั้ง 4 คนไปให้นางทัศนีย์ น้องสาวเลี้ยงและให้กำลังใจ

ข้าพเจ้าวิ่งเต้นขอย้ายเข้าบ้าน เพื่อมาเลี้ยงลูกและให้กำลังใจลูก กรมการปกครองได้เมตตาสั่งย้ายข้าพเจ้าไปเป็นปลัดอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ข้าพเจ้าเดินทางมารับตำแหน่งได้เพียง 5 วัน ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์สั่งย้ายไปเป็นปลัดอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์

ข้าพเจ้าเดือดร้อนจึงเข้าพบปลัดจังหวัดว่าอย่าย้ายข้าพเจ้าอีกเลย ข้าพเจ้ามีความผิดอะไรนึกถึงความดีของข้าพเจ้าบ้าง ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ไม่ยอมต้องย้าย

คุณไม่เหมาะสมอยู่อำเภอเมือง เหมาะสมอยู่อำเภอหล่มสักตอนนั้นข้าพเจ้าอายุได้ 52 ปี เหลือเวลาครบเกษียนอีก 8 ปี เมื่อท่านไม่เห็นความเดือดร้อนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจำใจต้องลาออกปลัดจังหวัดได้สั่งให้ข้าพเจ้ายื่นไปลามา ข้าพเจ้าจึงยื่นไปลาออกในปี พ.ศ. 2523 มาเลี้ยงลูก ให้ขวัญและกำลังใจกับลูกทั้ง 4 คน ซึ่งยังไม่มีครอบครัว

ขอขอบคุณ ท่านเจ้าของข้อมูล
ศิษย์สายวัดสะพานสูง
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: