739. สุดยอดเกจิย์ แห่งเมืองแปดริ้ว ในยุค สงครามอินโดจีน อันลือลั่น

สุดยอดเกจิย์ แห่งเมืองแปดริ้ว ในยุค สงครามอินโดจีน อันลือลั่น คงไม่มีใครไม่เคยได้ยิน ชื่อนี้ ” ลพ ดิ่ง วัดบางวัว ”
… จากประสบการณ์ ต่างๆนาๆ ที่เล่าขานกันต่อๆมา ไม่รู้จบสิ้น ในวัตถุมงคล ของท่าน ที่แสดงปฏิหารย์ มากมายเหลือคณานับ…. ชาติภูมิ ท่านเป็น คน บางวัว บิดา มารดา ได้นำท่านไปฝากที่วัดบางวัว เพื่อเล่าเรียนหนังสือการอ่านเขียน พอโตขึ้น ท่านก็ได้ช่วย บิดามารดา ทำนา มีความขยันอดทน ครั้นเมื่อถึง อายุ 20 ปี ก็ได้เข้าอุปสมบท ณ วัดบางวัว เมื่อ วันที่ 10 เมษายน 2440 หลวงพ่อ ได้ จำพรรษา อยู่ 2 พรรษา จึงได้ย้าย ไปศึกษาพระธรรมวินัย และ บาลี ที่วัด ไตรมิตรวิทยาราม ( วัดสามจีน) กทม ได้อยู่ศึกษา เป็น เวลา 1 พรรษา ระหว่างนั้น วัด บางวัว เจ้าอาวาสได้มรณภาพลง หมู่พระภิษุสงฆ์และญาติโยม ได้เห็นพ้องต้องกันว่าควร นิมนต์ ท่าน กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางวัว

เมื่อ ปี 2443 จวบจนถึง วันที่ 6 สิงหาคม ปี 2495 จึงมรณภาพลง รวมเวลา ปกครอง 52 ปี เมื่อ หลวงพ่อ กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางวัว ท่านได้ ปรับปรุงด้านการศึกษาเล่าเรียนให้แก่พระภิกษุสามเณรและเด็กเล็กเด็กโต ตลอดจนปฏิสังขร สิ่งก่อสร้างในวัดต่างๆให้ดีขึ้น จนเป็นที่รักใคร่แก่ญาติโยม และพระในวัด ท่านมีความเป็นกฏระเบียบ เข้มงวด ทำให้พระและสามเณรในวัดมีความน่าเลื่อมใสต่อผู้ที่พบเห็น ท่านไม่เคยยึดติดกับสิ่งของใดๆ ทั้งจตุปัจจัยและข้าวของที่ญาติโยมถวายเวลาท่านรับกิจนิมนต์ ท่านจะคืนเจ้าภาพทุกครั้ง ไม่มีของมีค่าติดกายใดๆเลย มีช่วยเหลือญาติโยม แจกจ่ายยาแผนโบราณที่ท่านผสมทำไว้ให้กับคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ใช้พลังจิตรรักษาคนที่โดนของโดนคุณ มนต์ดำ หรือด้านโหราจารย์ ชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จ และท่านยังมีความสามารถ ในการ เทศ มหาชาตฺด้วยทำนองเสนาะได้ไพเราะมากจนญาติโยมติดใจ จนบางคนฟังแล้วถึงกับร้องห่มร้องให้ ท่านมีความสามารถ คาดการณ์อนาคตล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ มีวาจาศิษ ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ท่านได้ศึกษาวิชาอาคม เวทมนต์ ยาสมุนไพรจาก 1. หลวงพ่อ ดิษฐ์ วัดบางสมัคร 2. หลวงพ่อ เปิ้น วัดบ้านเก่า ชลบุรี 3. หลวงปู่เป้อะ วัดจวนเขื่อนขันธ์ สมุทรปราการ จนมีความแตกฉานด้านวิชาอาคมเป็นอย่างมาก ประกอบกับท่านมีสมาธิญาณ และพลังจิต อันแก่กล้า จึงทำให้ ปลุกเสก วัตถุมงคลใดๆ ก็ขลังมาก ไม่เสื่อมคลายเลย

เรื่องวัตถุมงคลของท่านนั้นได้สร้างมาแจกจ่าย หลายวาระครั้งละไม่มาก เพราะท่านจะสร้างด้วยความพิถีพิถันและใช้เวลาปลุกเสกนานเพื่อให้เพียบพร้อมด้วยพระพุทธคุณในทุกด้าน อย่างเช่นเสื้อยันต์และผ้ายันต์ ลูกอมยาดำ ลูกอม เจ็ดพญาช้างสาร และ หนุมาน แต่ละอย่างทำขึ้นมาด้วยความยากลำบากทั้งในด้านการรวบรวม ผงพุทธคุณต่าง ทำลูกอมขึ้นมาแต่ละครั้ง หรือ หนุมาน ต้องหาฤกษ์ยาม คนต้องชำระตัวให้สะอาดนุ่งขาว นำสิ่งของไปพลี่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้นพุดที่จะขุด ให้ขุดด้านทิศตะวันออกซึ่งไม่ให้เงาทับ เมื่อได้รากพุดมาแล้ว ก็แกะหนุมานให้ได้ขนาดกำลังดี ประมาณหนึ่งองคุลีเป็นพื้นฐาน เสร็จแล้วหาฤกษ์ดีลงอักขระ

เมื่อลงเสร็จ ก็หาฤกษ์ดีทำพิธีปลุกเสก ต้องหาอาวุธหลากหลายชนิดมากองรวมๆกันในอุโบสถแล้วเอาหนังเสือที่ ลพ ท่านได้ลงอักขระไว้มาปูทับอาวุธอีกที พอถึงฤกษ์ยาม ท่านก็จะขึ้นไปนั้งบนหนังเสือ บริกรรมคาถาปลุกเสกตลอดคืนจนรุ่งสร่าง วัตถุมงคลของท่านจึงมีพุทธคุณ สูงมาก ป้องกันได้หมด ศาตราวุธต่างๆ คุณสไยมนต์ดำ ยาสั่ง สิ่งไม่ดีต่างๆที่จะเข้ามา และยังเป็นเมตตามหานิยมไปใหนไม่มีอด

เข้าหาผู้ใหญ่รักใคร่เอ็นดูยิ่งนัก ถือได้ว่าพุทธคุณครอบจักวาล ลูกอมเจ็ดพระยาช้างสารของท่านสร้างจาก ไคลเจดีย์ ๗ วัดไคลเสมา ๗ วัด ไคลโบสถ์ ๗ วัดเมื่อได้วัตถุมงคลดังกล่าวมาแล้ว ท่านก็จะนำ มาคุลีการ เข้ากับผงวิเศษที่ท่านได้ทำขึ้น คือ ผงมหาราช ผงอิทธิเจ เมื่อปั้นเป็นลูกแล้วก็นำไปชุบรักปิดทอง มีคุณวิเศษในด้าน มหาอำนาจผู้คนเกรงขาม มีตบะเดชะ มหาอุต คงกระพันชาตรเป็นเลิศประสบการณ์เพียบ และเมตตามหานิยมผู้คนรักใคร่ เข้าหาผู้ใหญ่เอ็นดูรักใคร่ ยิ่งนัก ถือได้ว่า ครบเครื่องที่สุดแล้วครับ

ลูกอมท่านนี้ มีคำบอกเล่าจากคนเฒ่าคนแก่แถบวัดว่าสมัยก่อนมีการนำ ลูกอมของท่านมาลองกัน โดย ไส่ในปากปลาช่อน แล้วใช้มีดอีโต้ฟันที่ปลาช่อนแต่มีดอีโต้กลับเด้งบึ้งกลับ เหมือนกับฟันลงบนยางรถยนต์เลยที่เดียวเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวบ้าน หลายคนที่ดูการลองครั้งนี้ จนชาวบ้านต่างต้องมีติดตัว กันในสมัยก่อน ทุกคนไป …. และยังมีประสบการณ์ ด้านคงกระพันชาตรี เรื่องมีดและปืนอีกมากมายซึ่งเล่าขานกันต่อๆๆมา ยิ่งผ่าน สงคราม อินโดจีนมาได้ ก็เป็นเครื่อง การันตรี ได้ยิ่งขึ้น ว่า ของจริงครับ

ท่านโดนลองวิชา มีครั้งหนึ่งท่านได้ชวนนาย ปอ บุตรสร้อย ให้ไปเป็นเพื่อนเดินทางไป จังหวัด สุราษฏร์ธานี เพื่อไปเยี่ยม นายทองคำ ลูกศิษย์ เก่า ที่ไปทำงานที่นั้นแล้วเกิดป่วยหนัก พอดีเดินทางไปพรบค่ำที่วัดแห่งหนึ่ง จึงแวะเข้าพบ สมภารวัด เพื่อขอพำนักอาศัย สมภารท่านนั้นให้การต้อนรับอย่างดี ได้ให้พักที่กุฏิไม้ยกพื้นสูง พอเข้าพักได้สักครู่ ก็มีสามเณร รูปหนึ่งเดินมาพูดกับ ลพ ในเชิงเป็นห่วงว่า หลวงตาๆ หลวงตาจะพักได้เร้อ แล้วก็เดินกลับไป คืนนั้นขณะที่ ลพ กำลังสวดมนต์ ก่อนจำวัด ได้มีเสียงขู่กระโชกดังลั่นมาจากทางหน้าต่างด้านนอก ลพ สวดมนต์เสร็จ จึงลุกไปดู เห็นเป็น เสือตัวใหญ่โตมาก กำลังจะกระโดด ขึ้นมาที่หน้าต่างที่ ลพ ยืนอยู่ แต่กระโดด แล้วกระโดดเล่าก็ไม่ถึง จนหมดแรงนอนหมอบลง แล้ววิ่งกลับไปทาง กุฏิสมภาร รุ่งเช้าสมภารท่านนั้นได้นำภัตตาหารอย่างดีมาถวาย ลพ พร้อมกับขอขมาในเรื่องเมื่อคืนนี้ และขอเรียนวิชาจาก ลพ แต่ ลพ บอกว่าตอนนี้ยังสอนให้ไม่ได้เพราะกำลังรีบไปเยี่ยมลูกศิษย์ที่กำลังป่วยหนักอยู่

ครั้งหนึ่งท่านได้รับกิจนิมนต์ ไปฉันที่ อ.สนามชัยเขต ได้มีผู้ที่มีวิชาด้านวางยาเบื่อยาสั่ง นำอาหารมาถวายท่าน ลพ ท่านก็ทราบแต่ก็รับประเคนมาฉัน แล้วก็กลับวัด มาก็ใช้ยาของ ลพ เอง ถอน ยาสั่งนั้น ในยุคสงครามอินโดจีน วัตถุมงคลของท่าน มีประสบการณ์ เลื่องลือมากในด้าน คงกระพันชาตรี อย่างมาก ตั้งแต่สมัยก่อนจวบจนมาถึงบัดนี้วัตถุงมงคลของท่านก็ไม่มีวันเสื่อมคลายครับ ซึ่งขณะนี้ เหรียญรุ่นแรกของท่านราคาไปถึงล้านกว่าแล้วครับ ว่าด้วยเรื่อง ปฏิหารย์ของเหรียญท่านที่มีประสบการณ์มากมายจนเป็นที่เลื่องลือ ในความคงกระพันชาตรีเป็นเอกอุ ในสมัยนั้น มี ตาหรวย คนสติไม่ดีเดินไปมาอยู่แถบบางวัว จังหวะวันนั้น มีผู้มีอิทธิพลแถบบางปะกง บางวัว ( ไม่ขอเอ่ยนามและกราบขออภัยที่กล่าวถึงครับ) โดน มือปืนดักยิง โดนเข้าหลายนัด ถึงกับเซถลา พอดีกับจังหวะนั้น ตาหรวย เดินเข้ามาพอดี จึงถลาไปกอด ตาหรวย มือปืนก็ได้ตามมายิงซ้ำ โดนตาหรวย ด้วย

แต่ไม่ระคายผิว ตาหรวยเลยสักนิด ผู้คนต่างสงสัยว่า ทำไมลูกปืนจึงไม่ระคายผิว ตาหรวย แต่ก็ได้แต่สงสัยกันไป จนความจริงได้มาปรากฏ ก็วันที่ ตาหรวย เสียชีวิตลงด้วยโรคภัยไข้เจ็บ สัปเหร่อ วัดบางวัว ได้สงเคราะห์ เผาศพ ตาหรวย ให้ แต่ก็ได้เกิดปฏิหารย์ ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ศพตาหรวย เผายังไงก็ไม่ติดไฟ ไม่ใหม้ไฟ จนปัญญาของสัปเหร่อ จึงช่วยกันนำศพ ตาหรวย ลงมาตรวจดูว่ามีอะไรกันแน่ ค้นตัวค้นตามเสื้อผ้า พบ ” เหรียญ ลพ ดิ่ง วัดบางวัว รุ่น 2 พ ศ 2492 ” เหน็บอยู่ในสาบหูร้อยเข็มขัด กางเกง ของตาหรวย จึงนำเหรียญออก แล้วนำศพ ขึ้นไปเผาอีกครั้ง ทีนี้ ไฟลุกพรึบเลยใหม้ร่าง ตาหรวย จนมอดใหม้ ปริศนาจึงถูกไข ให้ได้รู้กันทั่ว ว่า ทำไมลูกปืน ไม่ระคายผิว ตาหรวย แม้แต่น้อย…

เหรียญ รุ่นนี้ มีประสบการณ์อีกมากมาย จากที่ได้ฟังมา เป็น เอกอุด้าน คงกระพันชาตรี ยิ่งนัก ( กราบขออภัยผู้ที่ผมได้เอ่ยนามและกล่าวถึงทุกท่าน มิได้มีเจตนาลบหลู่แต่ประการใด มานะที่นี้ด้วยครับ) และมิใช่เฉพาะเหรียญที่ทัน หลวงพ่อ ปลุกเสกที่จะมีฤทธานุภาพ ปฏิหารย์บังเกิด เหรียญรุ่นหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว ที่ทางวัดจัดสร้าง มีรูปท่าน หลังปี 2500 อีกหลายรุ่นก็มีประสบการณ์ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น รุ่น 3 รุ่น 4 ล็อคเก็ต รูปถ่าย รุ่น ภ.ป.ร คงเพราะผู้ใช้ศรัทธาใน หลวงพ่อ แค่นึกถึงหลวงพ่อ บางคนอมใส่ปาก โดนยิง มิได้ระคายผิวแต่อย่างใด มีประสบการณ์มานักต่อนักแล้ว การได้มี วัตถุมงคลของท่านไม่ว่า รุ่นใหน ไว้บูชาติดตัว ถือได้ว่า ท่าน โชคดี ได้ของ วิเศษ อันศักดิ์สิทธิ์ ที่เพรียบพร้อมไปด้วยคุณค่า อย่างมหาศาล หาที่เปรียบ มิได้

หลวงพ่อดิ่ง ท่านได้รับนิมนต์นั่งปรกในพิธีสำคัญๆหลายวัดด้วยกัน เช่น 1.วัดราชบพิธ กทม 2 ครั้ง 2.วัดคลองภูมิ ยานนาวา กทม 3.วัดสุนทรธรรมทาน ป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม 4.วัดทองนพคุณ คลองสาน ธนบุรี 5.วัดสนามจันทร์ บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา 6.วัดเทพราช บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา 7.วัดหัวเนิน บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา 8.วัดคลองสวน ฉะเชิงเทรา 9.วัด หลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา*** 10.วัดวัดท่าอิฐ ฉะเชิงเทรา 11.วัดโพธิ์ บางคล้า ฉะเชิงเทรา 12.วัดลาดบัวขาว บางคล้า ฉะเชิงเทรา 13.วัดกกสับ พนมสารคาม ฉะเชิงเทรา 14.วัดท่าสะอ้าน บางปะกง ฉะเชิงเทรา 15.วัดใหญ่อินทรราม ชลบุรี 16.วัดน้อยคลองด่าน บางบ่อ สมุทรปราการ 17.วัดหนามแดง บางพลีใหญ่ สมุทรปราการ 18.วัดมงคลนิมิตร บางพลีใหญ่ สมุทรปราการ 19.วัดเอี่ยมประชามิตร สมุทรปราการ 20.วัดโบสถ์พลอยแหวน จันทบุรี ในยุคนั้นการจัดพิธีพุทธาภิเษกขึ้นแต่ละครั้ง ทำได้ยาก ลำบากมาก นานๆจะได้จัดขึ้นสักครั้ง

เกจิย์ที่ได้รับการนิมนต์มาในพิธีจึงต้องมี วิชาอาคมแก่กล้าจนเป็นที่กล่าวขานและยอมรับเลื่อมใสของประชาชนจริงๆ บารมียิ่งใหญ่ตราบจนสิ้นลมปราณ หลังจากที่ท่านมรณะภาพ ทางวัดได้จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ มีประชาชนที่เคารพท่านหลังไหลกันมาอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์ อย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในขณะที่ประชุมเพลิง มีทั้งพลุ ไตร ดอกไม้ไฟ ลูกศิษย์ลูกหาต่างจุดกันอย่างมากมายดั่งสนั่นหวั่นไหว ได้มี นกกะยางที่เคยอาศัยพึ่งบารมี ลพ ดิ่ง ได้พากันบินวนรอบเหนือ เมรุเผาศพ หลวงพ่อ โดยมิได้เกรงกลัวหรือแตกตื่นเลย คงเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อที่ครั้งยังมีชีวิตได้ช่วยอณุเคราะห์ ฝุงนกกาเหล่านี้ได้อาสัยพักพิงและปลอดภัยจากผู้คนจึงมาแสดงความกตัญูญูรู้คุณแด่ท่าน ในขณะที่กำลังประชุมเพลิงนั้น พระเพลิงได้ลุกลามศพจนเหลือแต่อัฐิ แต่ไฟยังแดงอยู่ ประชาชนที่มาต่างกรูกันเข้าไปแย่งเอาอัฐิ หลวงพ่อกันอย่างชุลมุนวุ่นวายโดยไม่หวาดกลัวต่อไฟที่ยังลุกใหม้ทางวัดได้จัดสารวัตรทหารเข้ากันได้มาแค่เพียงส่วนหนึ่ง แต่ก้สู้กำลังประชาชนไม่ไหว ยื้อแย่งนำไปบุชากันจนหมดสิ้นแม้แต่เถ้าถ่าน บางคนถึงกับแย่งมาได้เอาไส่ปากอมบ้างกลืนบ้าง บางคนนำกลับไปบุชาบนหิ้งที่บ้าน นำไปเลี่ยมห้อยคอ ด้วยความศรัทธาทั้งสิ้น… ถือได้ว่า ท่านเป็นหนึ่งในสุดยอดอมตเถราจารย์ ที่มีอาคมและพลังจิตอันแก่กล้าอย่างที่สุด แห่งเมืองแปดริ้ว ที่โด่งดังไปทั่วฟ้าเมืองไทยในยุคนั้นตราบจนปัจจุบัน …….บอกได้คำเดียว สุดยอดดดดดด

ศิษย์มีครู
รูปภาพ : sanook.com

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: