732. เรื่องเล่าลูกถีบสยบเจ้าที่ (หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม)

ปกิณกะ และเรื่องเล่า
……ลูกถีบสยบเจ้าที่……
หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตารา

หลวงพ่อกวยท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่รักศิษย์มาก โดยทั่วไปคำว่ารักและเมตตาใครก็พูดได้ แต่ความรักเมตตาจากการกระทำถือเป็นการยาก ยิ่งความเมตตาช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่สนใจว่าผู้ที่ช่วยไปนั้นจะรับรู้หรือไม่ เช่นนี้เรียกว่าความรักดั่งบิดา-มารดา ผู้ให้ชีวิตอันมากมายประมาณดั่งผืนน้ำในมหาสมุทร ไม่สามารถถอดเป็นคำบรรยายได้หมด ซึ่งความรักเมตตาของหลวงพ่อกวยท่านเป็นดั่งที่กล่าว คือ รักเมตตาโดยไม่หวังให้ใครมารับรู้ หรือมาตอบแทนท่านอย่างใด

เรื่องความเมตตารักศิษย์นี้ ครูบาอาจารย์ทุกท่านย่อมมีต่อศิษย์ตนทั้งสิ้น แต่ครูบาอาจารย์ที่ข้าพเจ้าสัมผัสรับรู้มากับตนเอง ว่าท่านเป็นผู้วิเศษที่เมตตาต่อศิษย์มาก แม้นต้องเจ็บปวดแทนศิษย์ก็ยอม ที่สำคัญดวงจิตท่านยังไม่ไปไหน คือ อธิษฐานบอกกล่าวท่านรับรู้ได้ แถมช่วยได้จริงและรับรู้ได้ด้วยใจ ทั้งนี้อาจเพราะมีวาสนาเกี่ยวเนื่องกัน ท่านจึงช่วยได้ในภาวะต่าง ๆ ซึ่งอาจมีครูบาอาจารย์อื่นก็ช่วยได้เช่นกัน แต่ผู้เขียนไม่รู้จัก ไม่มีวาสนาเกี่ยวเนื่องกับท่าน อาจารย์ผู้วิเศษในชีวิตของผู้เขียน ที่จัดว่านับถือสุดชีวิตสุดหัวใจ เปรียบได้หากท่านเอ่ยปากขอชีวิตก็ยินยอม มีอยู่ ๓ ท่านคือ

๑.หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร พระผู้อยู่เหนือกาลเวลา บรมครูใหญ่ อภินิหารมากมายประมาณเกิดอธิบายได้ครบ ท่านนี้นับว่าที่สุดของชีวิต
๒.หลวงพ่ออภิชิโต ภิกขุ ศิษย์ในดง ผู้เป็นทั้งศิษย์น้อง และศิษย์ของ หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านผู้นี้เสกใบไม้กลายเป็นนกได้
๓. หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร ผู้วิเศษแห่งเมืองสรรคบุรี อาจารย์ผู้เมตตาเคยช่วยให้รอดตายและการคุมขัง เอาชีวิตรอดพ้นมาหลายคราว

พระอาจารย์ทั้งสามท่านนี้นับเป็นที่สุดในชีวิต เรียกว่าอธิษฐานถึงท่านรับรู้ได้ หากเรื่องใดไม่เกินวาสนาหรือฝืนกรรมเกินไป ท่านช่วยได้ชนิดรู้ผลเห็นประจักษ์จริงทีเดียว หากใครบูชาท่านทั้งสามนี้รับรองต้องรู้ หรือสัมผัสสิ่งอัศจรรย์เหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องเหนือธรรมชาติที่ว่านี้ไปพ้องกับเรื่อราวที่นำมาเล่าสู่กันฟังดังนี้

ในอดีตมีศิษย์หลวงพ่อกวยผู้หนึ่ง เป็นศิษย์รุ่นหลังที่เคารพหลวงพ่อกวย รู้จักหลวงพ่อกวยจากบทความข้อเขียน เกิดเคารพรักท่านจับใจคล้ายผูกพันมาแต่ปางก่อน ขออนุญาตเรียกขานนามศิษย์ท่านนี้ ตามที่ศิษย์ของหลวงพ่อกวยรู้จัก เรียกท่านผู้นี้ว่า **เฮียเคี้ยง** บ้านพักอยู่แถว ๆ สุทธิสาร กรุงเทพฯ ท่านผู้นี้เป็นนักสะสมวัตถุมงคลหลวงพ่อกวยตัวยง จัดเป็นรังใหญ่รังหนึ่งในสายนี้ทีเดียว โดยเฉพาะพระสมเด็จพิมพ์ปรกโพธิ์ เฮียเคี้ยงสะสมไว้หลายเนื้อหยิบมาให้ดูทีก็ **อลังการตระการตากันไป** เฮียงเคี้ยงแม้นไม่ทันกราบหลวงพ่อกวยสมัยทรงสังขาร แต่ได้ไปที่วัดโฆสิตารามจุดธูปบอกกล่าวฝากตัวเป็นศิษย์ต่อหน้าหลวงพ่อกวย

เฮียเคี้ยงมั่นใจมากว่าหลวงพ่อกวยรับแกเป็นศิษย์ เรื่องแบบนี้ว่าไปเรียกว่า
**คิดไปเองก็ว่าได้ เพราะหลวงพ่อท่านไม่ได้ตอบหรือแสดงออกใด เห็นท่านยังคงนั่งเฉยอยู่**

แต่สิ่งที่ทำให้เฮียเคี้ยงมั่นใจว่า หลวงพ่อกวยรับแกเป็นศิษย์ คือ ศรัทธา คำเดียวมั่นอยู่ในใจเฮียเคี้ยงอย่างเต็มเปี่ยม เขาว่าฅนเราลองมีความศรัทธาแล้ว

**อภินิหารและความอัศจรรย์ย่อมเกิดขึ้นได้**

ทั้งครูบาอาจารย์ท่านก็มักเมตตาผู้มีศรัทธาแรงกล้า ด้วยมีจิตเชื่อมั่นยึดถือท่านอย่างสุดโต่ง !! บุคคลประเภทนี้ครูบาอาจารย์ช่วยเหลือได้รวดเร็ว มักช่วยได้อย่างอัศจรรย์กว่าผู้ฅนทั่วไป ด้วยศรัทธาเป็นพื้นฐานลองรับความอัศจรรย์ทางจิตได้ดีเยี่ยม ตัวอย่างฅนโบราณแขวนบูชาวัตถุมงคลกับตัว มักเห็นมีประสบการณ์อัศจรรย์มากมาย ด้วยฅนสมัยก่อนเขามีศรัทธาเชื่อมั่นจริงนั้นเอง

เรื่องราวของเฮียเคี้ยงเคยรับฟังมานานมากแล้ว อาจไม่ละเอียดนักในข้อมูล แต่ทั้งหมดเกิดกับเจ้าของเรื่อง คือ เฮียเคี้ยงโดยตรง ท่านบอกเล่าไว้นานหลายปีแล้ว ขอนำเสนอเท่าที่พอจำได้ดังนี้

สมัยก่อนเฮียเคี้ยงแกมีที่อยู่แปลงหนึ่ง แกอยากขายที่แปลงนี้เพื่อเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นทุน น่าแปลกที่ที่ดินแปลงนี้ อยู่มาจนแล้วจนรอดขายไม่ได้ซักที ทำทุกวิถีทางแล้วก็ยังขายไม่ได้ค้างคามานาน บางคราวมีผู้ติดต่อมาจะซ้ำ ๆ พอนาทีสุดท้ายเปลี่ยนใจกะทันหันเสียงเฉย ๆ ก็มีน่าแปลก เฮียเคี้ยงจนปัญญาหวนนึกถึงหลวงพ่อกวยองค์อาจารย์ แม้นท่านมรณภาพไปแล้วนานปีแต่ผู้ฅนยกย่องท่านเป็นผู้วิเศษ ทั้งหมดหนทางจนปัญญาหาทางแก้ไม่ได้ เฮียงเคี้ยงได้จุดธูปบอกเล่าความทุกข์ต่อหลวงพ่อกวย แล้วนำผ้าจีวรของหลวงพ่อกวยที่เก็บรักษาอยู่ แกนำผ้าจีวรหลวงพ่อไปปัดไปโบก ณ ที่ดินแปลงที่จะขาย จุดธูปบอกหลวงพ่อให้ช่วยให้ขายที่ดินนี้ได้ บอกว่าอะไรที่ขัดขวางกลั่นแกล้งขอให้หลวงพ่อกวยช่วยปัดเป่า แล้วนำผ้าจีวรไปผู้ไว้กับปลายยอดไม้ไว้ ณ ที่นั้น

เวลาผ่านไปไม่นานก็มีผู้มาซื้อที่แปลงนี้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประกาศขายนานเป็นปี ฅนผลัดเปลี่ยนมาดูหลายเจ้าไม่ซื้อ ด้วยความสงสัยภายหลังเฮียเคี้ยงไปพบเจอกับผู้มีสมาธิจิต ได้สอบถามว่าเหตุใดที่แปลงที่ประกาศขายแล้วขายไม่ได้นั้น แล้วจู่ ๆ ทำไมจึงขายได้อย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อ ผู้ทรงสมาธิเมื่อตรวจดูทางจิตแล้วตอบว่า

**เดิมท ที่ดินแปลงนี้มีดวงวิญญาณดวงหนึ่ง สิงอยู่ เป็นเจ้าที่อยู่ที่นี่ วิญญาณดวงนี้นี่เองที่คอยกลั่นแกล้งขัดขวางต่าง ๆ ที่ดินแปลงนี้จึงขายไม่ได้ซักที แต่เห็นมีเห็นมีพระสงฆ์รูปหนึ่ง รูปร่างผอม สูงโปร่ง ลักษณะขาวเหลือง ลักษณะหน้าตาท่านคมกล้าดูดุดันจริงจัง พระสงฆ์รูปนี้เวลานี้ท่านเห็นท่านอยู่บนยอดไม้ ถามท่าน ๆ ว่าดวงวิญญาณมันกลั่นแกล้งศิษย์ท่าน จึงได้ถีบมันลงเสียจากศาล แบบนี้ให้อยู่ไม่ได้คอยกลั่นแกล้งกัน แล้วยังเห็นวิญญาณอดีตเจ้าที่ ที่เวลานี้ลดอันดับ กลายเป็นผีเร่รอนไปเสียแล้ว วิญญาณนี้ไปยืนร้องไห้อยู่นอกเขตที่ดินของเฮียเคี้ยง เข้าใจว่าแกคงว่าคิดตนผิดที่ไประรานศิษย์ของพระสงฆ์รูปนี้**

ผู้ทรงภูมิทางจิตถามเฮียเคี้ยงว่า พระสงฆ์รูปนี้เป็นใครท่านชื่ออะไรเห็นท่าทางท่านดุและเงียบขรึม แต่บารมีท่านมากเหลือเกิน รู้สึกศรัทธาท่านจับใจ เฮียเคี้ยงพูดตอบอย่างภูมิใจว่า

**ท่านชื่อหลวงพ่อกวย อยู่วัดบ้านแค่ ผมเป็นลูกศิษย์ท่านครับ**

เรื่องราวของเฮียเคี้ยง สุทธิสาร นี้แม้นไม่ละเอียดดั่งทุกเรื่องที่เคยเสนอไป แต่เรื่องราวนี้เคยเกิดขึ้นจริง เฮียเคี้ยงเคยบอกเล่าไว้นานนับสิบกว่าปี ท่านนับถือหลวงพ่อกวยมาก ทั้งพูดกับฅนรู้จักรอบข้างเสมอว่า

**หลวงพ่อกวยท่านยังอยู่ มีอะไรติดขัดไปวัดจุดธูปบอกท่านเถอะท่านช่วยได้จริง**

แกพูดด้วยความเชื่อมันและศรัทธาในองค์หลวงพ่อกวยทุกครั้ง
ปัจจุบันเฮียเคี้ยงถึงแก่กรรมไปแล้นานปีด้วยโรคมะเร็ง เห็นควรนำเรื่องราวของแกมาบันทึกไว้ และนำเสนอต่อศิษย์หลวงพ่อกวยให้รับรู้ เรื่องผ้าจีวรหรือผ้าห่มองค์หลวงพ่อกวยนี้ หากถามผม ๆ บอกได้อย่างมั่นใจที่สุดว่า ผ้าที่ห่มรูปหล่อเหมือนของหลวงพ่อนั้น ผมเชื่อมั่นว่าศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ตัวผมเองมักซื้อผ้าเหลือง ๒ ผืน ไปห่มองค์หลวงพ่อผืนหนึ่ง อีกผืนหนึ่งวางที่ตักท่าน จุดธูปบอกท่านว่าจะขอผ้ากลับ โดยรอจนหมดชั่ว ๑ ก้านธูป แล้วลาเอาผ้ากลับมาบูชา หรือจะเอาแบบมั่น ๆ นาน ๆ ก็ซื้อผ้าไป ๑ ผืนห่มองค์ท่านแล้วทำเครื่องหมายไว้ รอสัก ๗ วัน ค่อยขึ้นกลับไปวัดจุดธูปบอกท่าน แล้วเอาผ้าผืนใหม่ไปเปลี่ยน เอาผ้าผื้นแรกกลับเอามาบูชาที่บ้าน

แม้นทรายที่กระถางธูปยังศักดิ์สิทธิ์ หากใครอยากได้ทรายเสกให้ซื้อทรายไปที่วัด แล้วจุดธูปบอกหลวงพ่อขอตักเปลี่ยนเอาทรายเก่าออกกลับมาบูชา แล้วนำทรายใหม่เทกลับคืนให้ท่าน ทรายหน้ากระฐานธูปนี้วิเศษมีอภินิหารมาแล้ว เอาไปโรยรอบบ้านขนาดวิญญาณบรรพบุรุษ ชอบมาทักเด็กเล็ก โบราณว่า **ฅนทักดี ผีทักร้าย** เข้าใจว่าวิญญาณบรรพบุรุษท่านคงเอ็นดูเด็กเล็ก แต่เด็กจิตอ่อนเมื่อพบเจอดวงวิญญาณทักทายบ่อยเข้าก็เจ็บป่วย ภายหลังท่านผู้นี้นำทราบที่กระถางธูปไปโปรยหว่าน รอบบ้าน ปรากฏว่าวิญญาณไปเข้าสิงฅนข้างบ้าน บอกว่าใครเอาหนามไฟไปไว้รอบบ้าน วิญญาณเขาเข้าไปดูหลานไม่ได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลก
ขอบพระคุณท่านเจ้าาของรูปภาพประกอบครับ

ที่มา : ฅนขลัง คลังวิชา

แอพเกจิ – AppGeji
——————————————————————————-

ติดตามเรื่องราวครูบาอาจารย์ได้เพิ่มเติมที่

แอพเกจิ Facebook: www.facebook.com/appgeji

Web Sit: www.appgeji.com

App Store (IOS): https://appsto.re/th/wlGScb.i

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: