571. ความศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จหลังรูป คาถากำบัง อัญเชิญผีตายโหงให้ช่วย

ต่อไปจะขอเล่าอภินิหารเพื่อบันทึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จหลังรูปบันทึกเอาไว้เพิ่มเติมดังนี้

นายเอียด เขาจะชื่อละเอียด หรือชื่อเอียดเฉย ๆ ผมไม่แน่ใจ ครั้งสุดท้ายเขามาพบผมมาขอสมเด็จหลังรูปขอเฉย ๆ เลย ยังกับว่าผมทำได้เองและเขามาหาว่านไพรดำด้วย เพราะเขาทราบว่าผมมีพระของหลวงพ่อและเคยเล่นว่าน(ปลูกว่าน) ผมได้เตือนสติเขาไปว่าไพรดำไม่มีง่าย ๆ หายาก ให้จำไว้ว่า เหล็กไหล ไพรดำ สองคำจำไว้ ตายเสียเมื่อไร อาจได้เจอะเจอ

เขามีศักดิ์เป็นญาติกับน้องเขยผม ญาติห่าง ๆ นะ เขาเป็นศิษย์รุ่นอา เคยได้รับตะกรุด แหวนแขน พระพิมพ์ต่าง ๆ แต่ได้สูญหายหมด เหลือติดตัวแต่หลังรูปรุ่น พ.ศ.๒๕๑๓ เขามีเมียหลายคน มีลูกหลายคน ทำงานหนักไม่ค่อยเอา ถ้างานเบาพอทำได้ เรียกว่า เรื่องกิน เรื่องเล่น กูไม่ย่นย่อ เรื่องพายเรื่องถ่อ กูไม่สู้ใคร

เขาเล่าถึงอภินิหารของสมเด็จหลังรูปไว้ดังนี้ เล่าเรื่องเดียว เขาไปเข้ากับพวกโจร ทางทุ่งนาตาปืน อ.เดิมบางนางบวช บังเอิญหัวหน้าโจร เขามีลูกสาว อยู่ ๑ คน สวยด้วย นายเอียดเลยลักลอบได้เสียกับลูกสาวหัวหน้า

แต่หัวหน้าคิดว่าชอบพอกันเฉย ๆ ไม่พอใจ คิดแต่ว่านายเอียด ชาติคางคก คิดจะชิมเนื้อห่านฟ้า และคิดอีกว่าคนเรากินบนเรือนแล้วขึ้นไปถ่ายบนหลังคาใช้ไม่ได้ ความจริงหัวหน้าโจรน่าจะถามนายเอียดและลูกสาวให้แน่ชัด และไม่ควรแบ่งชนชั้น คนเราเกิดมาหญิงชายสร้างไว้คู่กัน ไม่มีแผ่นดินและแผ่นฟ้า

และนายเอียดนี้ นอกจากฝีมือจะจัดแล้ว หัวใจยังเกินร้อยอีกด้วย หัวหน้าโจรได้เรียกประชุมลูกน้อง ลูกน้องบางคนก็หมายปองลูกสาวหัวหน้าไว้เช่นกัน จึงมีความเห็นว่า กินบนเรือนแต่ถ่ายรดบนหลังคา ใช้ไม่ได้ ตอนนั้นนายเอียดเริ่มรู้ตัวและระวังตัวบ้างแล้ว เพราะหันหน้าเรียกประชุมแต่ไม่เรียกตน เมื่อมติออกมาว่าใช้ไม่ได้ ลูกน้องต่างคนก็ไปเอาปืนลูกซองยาว ปืนสั้น มีด ซึ่งเป็นของคู่ตัว

แต่กว่านายเอียดจะรู้ตัวก็โดนยิงเสียแล้ว ครั้งแรกโดนยิงด้วยปืนลูกซอง บรรจุลูก ๙ เม็ด ประมาณ ๕ ๖ กระบอก ปรากฎว่ายิงไม่ถูกเลย ได้แต่ถูกห่อผ้า ๓ รู คราวนี้เองนายเอียดวิ่งสุดชีวิต โจรก็ตามสุดชีวิตเหมือนกัน ปืนตก ๒๐ กว่ากระบอก ยิงเขาไม่ถูก

หนี ๑๐ กว่ากิโลเมตรหมดแรง พอดีเขาไปเจอหุ่นไล่กาของชาวนาอยู่ เขาเลยเอางอบ(หมวก)มาใส่ เอาเสื้อหุ่นไล่กามาใส่ เจอตะค่อง(ที่ใส่ปลา) เก่า ๆ เขาทิ้งไว้ เอาเสื้อผ้าใส่ในตะค่อง เอาดินฝุ่นมาทาหน้าว่าคาถาหายตัว (บทที่ลงท้ายว่าโสหับ)

คาถาว่าดังนี้

พุทโธ ภะคะวา อิรัตนัง สิโสกัง บังภะคะวา อะระหังติดตาม อะระหังติดตาม สัมมาบังไว้ พุทโธ เป็นกกปรกเกล้า แห่งข้าพเจ้าอันได้น้อมนมัสการ อิติปิโสภะคะวา ติดตั้งบังตน กูโสหับ

เสกฝุ่นทาหน้าหาไม้มาอันหนึ่ง เอาปืนเหน็บเอว เอาผ้าขาวม้าคาดทับ ปล่อยชายเชื้อลงมา เอาไม้มาทำเป็นแหย่รูปู ทำเป็นหาปูหากบพอดีโจรตามมาทัน ได้ถามแกว่าเห็นคนผ่านมาทางนี้บ้างไหม ตอนนั้นโจรจำไม่ได้ แกเอาไม้สั้น ๆ ยัดปากแล้วตอบว่าเห็น เห็นวิ่งไปทางโน้น ชี้ไปอีกทางหนึ่งที่เขาเอาไม้ยัดปากพูดเพื่อให้โจรจำไม่ได้ พอโจรไปแล้วเขาก็วิ่งต่อ

คราวนี้เป็นป่าแฝก โจรเกิดเอะใจคิดว่าคนที่ใส่งอบ(หมวก) เมื่อสักครู่ต้องเป็นนายเอียดแน่ โจรได้ตามมาทันแถมตัดหน้าไว้อีก เขาไม่รู้จะทำอย่างไร เลยว่าคาถากำบัง มุดเข้าป่าแฝกไม่ลืมตาเลย แปลกมาก แฝกฤดูร้อน ต้นไม่หนา แต่หาเขาไม่เจอเดินรอบตัวเขาถึง ๓ รอบก็ไม่เห็น พวกโจรเลยคิดว่านายเอียดต้องข้ามแม่น้ำท่าจีนแน่ โจรเลยไปดักนายเอียดที่ท่าวัดปากน้ำ

ส่วนนายเอียดรู้แล้วว่าโจรต้องไปดักคอยตนแน่ เขาวิ่งเป็นทางอ้อมจากป่าแฝกมาวัดปากน้ำตก ๑๐ กว่ากิโลเมตร กะว่ามาให้ไวกว่าโจร แต่ป้องกันการผิดพลาด เขาเข้าไปในป่าช้าตอนนั้นประมาณ ๖ โมงเย็นได้ เขาหาไม้หามผี เป็นไม้ไผ่ทั้งลำ ยาวอันละ ๑ วาเศษ อันนี้เป็นเคล็ดหาได้ ๒ อัน เอาไว้พยุงตัวข้ามแม่น้ำ แล้วว่าคาถาอาราธนาพระระลึกถึงหลวงพ่อ อัญเชิญผีตายโหงให้เข้าช่วย

วิธีอาราธนาว่าดังนี้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน คล้าย ๆ กันได้

พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดา-มารดา คุณพระพรหม คุณพระฤๅษี คุณพระภูมิเจ้าที่ เทพเทวดา ที่สิงสถิต ณ ที่นี้ ขออัญเชิญเจ้าพ่อป่าช้า เจ้าแม่ป่าช้า จิเจรุนิ เจตะสิ กังรูปัง วิญญานัง ขออัญเชิญผีตายโหง ผีตายบนบก ผีตกน้ำตาย ผีตายในทุ่ง ผีตายในท่า ผีตายในป่า ผีตายในเขา ผีตายท้องกลม ผีชื่อดำ ผีชื่อแดง ชื่อเขียว ชื่อเหลือง ข้าขออัญเชิญฝูงผีทั้งหลายได้ปกปักรักษาข้าด้วย ข้าถึงคราวคับขันถูกขับไล่ล่ามา เมื่อท่านช่วยข้าแล้ว เมื่อไปถึงบ้านข้าจะเลี้ยงสุราอาหารอย่างดี

แล้วเขาก็หยิบดินในกองฟอนมาเสกด้วยคาถากำบัง แล้วทาหน้า ระลึกถึงหลวงพ่อเป็นที่สุด เขาคิดว่าเขาต้องมาก่อนพวกโจรแน่ เพราะเขาวิ่งมา แม้จะเป็นทางอ้อมก็ตาม ทางข้ามแม่น้ำท่าจีน

ตอนนั้นเป็นตรอกสำหรับใช้ในการนำวัว-ควายข้าม ข้างทางจึงเป็นป่า พอเขาเดินมาได้กลางตรอกเท่านั้น คาถากำบังก็ไม่ได้ผล ผีตายโหงก็ช่วยไม่ได้ พวกโจรยิงเขาระยะประชิด ประมาณ ๑ วาได้ ปืน ๒๐ กว่ากระบอก ลูกละ ๙ เม็ด เสียงปืนยิงเป็นประทัดเลย เขาวิ่งสุดชีวิต เอาไม้หามผีคีบไว้ใต้แขน เอาปืนสั้นชูไว้ ไม่ให้เปียกน้ำพวกโจรก็ตามมายิง ยิงเป็นร้อย ๆ นัด ยิงยันเขาขึ้นฝั่ง เขาเลยบังต้นไม้ยิงสวนไป ๒-๓ นัด เดินกลับบ้านเหนื่อยแทบขาดใจ

กลับไปถึงบ้านยิงปืนขึ้นฟ้า ๓-๔ นัด เพื่อนฝูงมากันเต็ม เล่าให้เพื่อนฟัง หุงข้าวกิน ซื้อเหล้ามา ต้มเปรตปลาไหล(ต้มทั้งตัว ต้มขณะน้ำเดือดแล้วเอาฝาหม้อปิด) แล้วจัดสำรับให้ผีที่หนึ่ง ผมได้ถามเขาว่าจัดให้มันทำไมไม่เห็นกำบังได้เลย เขาตอบว่าจะว่าบังไม่ได้ก็ไม่เชิง คือขณะว่ายข้ามน้ำมีลูกปืนหลายสิบนัด ตกห่างจากตัวเขาตั้ง ๓-๔ วา บางคนยิงเขาด้วยลูกโดดแท้ ๆ ยังตกห่าง ๓-๔ วาเช่นกัน เหมือนพวกโจรจะมองเห็นเขาอยู่หลายตำแหน่ง หรือโจรอาจจะมองเห็นผีเป็นพวกของเขาก็ได้ จึงยิงปืนออกไปแบบนั้น

ผมได้ถามเขาแล้วตอนหลังทำอย่างไร เขาตอบว่าผมไปกับเพื่อนอีก ๓ คน ไปยิงหัวหน้าโจรตายคาวงเหล้าเลย(ว่าที่พ่อตา) ผมจะให้เขาเล่าเรื่องอภินิหารของวัตถุมงคลของหลวงพ่ออีก เขาไม่ยอมเล่า ผมได้ถามว่า แล้วมีดหมอ ตะกรุด แหวนแขนไปไหนหมด เขาบอกถูกตำรวจยึดเอาไปบ้าง ผู้คุมบ้าง ขายไปบ้าง ตอนนี้มาหาไพรดำ และขอพระผมดื้อ ๆ ๑ องค์ นั่งยอง ๆ ยกมือไหว้อีกด้วย

ผมถามเขาว่าติดคุกมากี่ครั้งแล้ว เขาตอบ ๖ ครั้งแล้ว ผมเลยตัดใจไปหยิบสมเด็จหลังรูปมาให้ ๑ องค์แล้วสั่งกำชับว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก เขายกมือไหว้ผม คือผมไม่ชอบโจร แต่โจรมักจะมาขอของ ขอคาถาจากผมประจำ บางคนมาขอคาถาคัดพระ คือจะเอาไปยิงตำรวจ เขาถามผมว่าหลวงพ่อเคยให้ผมไว้ใช่ไหม ผมตอบใช่ เขาขอใหญ่เลย ผมตอบไปว่าให้ไม่ได้ ผมเอาไว้ยิงโจร ความจริงผมไม่เคยได้คาถานี้ไว้แต่ผมขู่มัน แล้วไล่ให้มันไปให้พ้น ๆ

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : ฒ สุพรรณ
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: