1109. ลาวลองตะกรุดและมอบวิชาปอบ

ลาวลองตะกรุดและมอบวิชาปอบ

สมัย ที่หลวงปู่ดู่ยังทำตะกรุดอยู่นั้น ท่านเล่าว่าทำยากมาก เพราะต้องว่าอักขระให้ครบทุกตัว ขาดไม่ได้ จึงเป็นที่ต้องการของคนทั้งหลาย ถึงกับมาขอให้ท่านทำให้ ท่านจึงถามความประสงค์ว่า “จะให้ทำแบบไหน แบบชาวบ้านธรรมดา ขุนนาง ท้าวพระยา หรือแบบพระมหากษัตริย์ หมายถึง ตะกรุดพระมหาจักรพรรดิ” เขาทั้งหลายเหล่านั้นก็บอกว่า อยากได้อย่างที่พระมหากษัตริย์ใช้ หลวงปู่เล่าว่า

“ไม่นานก็เอากลับมาคืนหมด ข้าเลยโยนใส่สระน้ำมนต์หน้าวัด” เมื่อผู้เขียนเรียนถามถึงเหตุผลการนำกลับมาคืน ท่านจึงเล่าต่อว่า “ก็ได้ไปแล้วเอาไปกินเหล้า ก็จะฟันแต่คนเขา พระเจ้าแผ่นดินฆ่าคนได้หรือ” ท่านพูดแล้วหัวเราะ และบอกว่า “ของที่ดีที่สูง คนนำไปใช้ ก็ต้องทำจิตของตนให้สูงตามไปด้วย ต้องมีศีลจึงจะได้ผล”

เกี่ยวกับตะกรุดนี้เคยมีคนนำไปลอง ซึ่งหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า “เป็นพวกลาว แถววัดตะโหนด พวกนี้เขามีวิชาทำลายของขลัง ของขลังใครก็ตาม ถ้าเขาจับแล้วแตกทุกราย รายของข้านี่เขาได้ไปแล้ว ก็เอาไปจับแต่ไม่แตก กลับขึ้นทิ่มหน้าทิ่มตาเสียหน้าแหกไปหมด” แสดงถึงอำนาจคุณพระกับอำนาจใฝ่ต่ำ ธรรมย่อมชนะอธรรม ผู้เขียนจึงเรียนถามต่อว่า แล้วเขาไม่โกรธเอาหรือครับ ท่านตอบว่า “โกรธ ซิ วันนั้นข้านั่งกรรมฐานรู้สึกว่าจิตใจเป็นอย่างไรไม่รู้ จึงเดินออกมาหน้ากุฏิ มองไปที่หลังคากุฏิ ตักน้ำมนต์สาดขึ้นไปได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ แสดงว่าเขาคงทำมา กะเอาเราให้ตาย” ท่านพูดเสร็จแล้วก็หัวเราะ แถมยังเสริมอีกว่า “พวก ที่เรียนของเหล่านี้น่ะ เขาปรารถนาอเวจีเป็นที่พึ่งทั้งนั้น ต้องฆ่าพระหรือเณร ไม่ก็ฆ่าพ่อฆ่าแม่จึงจะขลัง ส่วนใหญ่มักจะฆ่าพระหรือเณร ข้าเองยังเกือบได้เรียนกับเขาเลย เขาเรียกว่า วิชาปอบ”

เมื่อท่านพูดจบผู้เขียนก็ซักว่า วิชาปอบเป็นอย่างไร เรียนได้หรือ ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า “มี ลาวคนหนึ่ง เขามาที่วัดสะแก เขามาบอกข้าว่า ผมมีวิชาบิดไส้ บังฟันต้องการจะมอบให้ ผมมองยังไม่เห็นคนไหน จะเรียนได้นอกจากท่าน แน่ะ…ยอเราเสียด้วย ข้าก็รับเอาไว้ยังไม่ได้เรียน วางไว้บนหิ้งบูชาพร้อมเงิน ๑ สลึงเป็นค่าครู คืนแรก…ก็ฝันว่าออกไปจะกินควายกับเขา คืนที่สอง…ฝันว่าออกไปกินไส้ควาย ตอนเช้าเขามาบอกว่าควายบ้านที่ฝันนั้นตาย เลยนึกว่าวิชานี้ไม่ดีแน่ เดี๋ยวจะไปฆ่าคน ต้องเป็นวิชาปอบแน่ๆ ก็เลยเอาลงมาจากหิ้งไปเผาไฟ ลาวคนนั้นนอนอยู่หลังวัด เขารู้ตอนเดินผ่านกุฏิ ไม่ยอมมองหน้า ค้อนให้เสียด้วย เออ…เกือบไป เกือบได้เรียนวิชาปอบเสียแล้วเรา”

แสดง ว่าวิทยาการทางไสยดำนั้นมีจริง แต่เป็นไปในด้านของการทำลายล้างบุคคล ซึ่งจัดเป็นบาปอย่างยิ่ง พระอาจารย์ทางไสยดำนี้ ส่วนใหญ่เมื่อตายไปจะเป็นมหิทธิกาเปรต ซึ่งเป็นผลเศษกรรมจากบุคคลที่ เมื่อคราวเป็นมนุษย์ชอบเล่นของคุณไสยฝ่ายต่ำ…

ที่มา : คุณ นิรทุกข์ รัตนจักร
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : เรื่องเล่าชาวสยาม
นำเสนอโดย : แอพเกจิ – AppGeji

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: