ถนนสีดำ ตอนที่ 2 เมืองสู่ป่า (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

ถนนสีดำ ตอนที่ 2 เมืองสู่ป่า (สุริยัน ศักดิ์ไธสง)

แก้วที่คิดถึง

ออกจากห้องไปพบ ๑๐ ชีวิตชายหญิงต่างช่วยกัน หั่นผัก หมู-เนื้อ โดยมีไอ้สอนโชเฟอร์วัยลำพองนั่งตำนํ้า พริก จ่าดำเป็นพ่อครัวอยู่หน้าเตาแก๊ส จ่าคอนกำลังนำ เบียร์ใส่ตู้เย็นอย่างขะมักเขม้น

ถ้วนหน้าแย้มยิ้มให้บอกมิตรไมตริชวนอบอุ่น เมื่อ โถงกว้างถูกยึดทำครัวก็ฉากออกไปหน้าระเบียงบ้านชมงาน จัดสวนหย่อมไม้ดอกไม้ประดับ ตลอดไปถึงการวางตำแหน่ง หินภูเขารูปทรงชวนมอง อีกด้านหนึ่งเป็นที่ตั้งตระหง่าน วัดเขาบันไดอิฐที่พระเกจิอาจารย์ดังหลวงพ่อแดงจำ พรรษา ลมร้อนพัดรวยริน

เสียงลูกบิดประดูทำให้ต้องหันไปพบพลร่มค่ายนเรศวรยิ้มกว้าง มือขวาถือแก้วเบียร์ยื่นส่งให้

“มื้อเย็นนี้อาคอยดูฝืมือพวกผมบ้าง”

พี่รับไว้ จิตเกิดความรู้สีกประทับใจบุคลิกกับการแสดงออกด้วยที ท่าพี่เป็นธรรมชาติก็ชม

“คุณนี่มองไม่เหมือนตำรวจที่เคยพบ มีทั้งความอ่อนโยนแข็งกร้าว ในตัว”

หนุ่มฉกรรจ์ยิ้มจืดๆ หล่นคำล้มเสียงจริงจังแลเปิดเผย

“ผมดีใจที่มีอาร่วมทีม เพราะอยากจะบอกให้ ‘นาย’ รู้ผู้รับปฏิบ้ติ ตามคำทั้งนั้นทำงานกันอย่างไร เผื่ออาเขียนถึง ‘ยาบ้า’ ที่เราต้องเป็น ฝ่ายเข้าไปหามัน ไม่ใช่ไปไล่จับผู้ชายรายย่อย”

“จับรายใหญ่ก็เจอสอบ” พี่เสียบ

จ่าพลร่มดุจแค่นหัวเราะสะใจกล่าวเรียบๆ “ผมถึงเป็นสารพัด เดี่ยวเป็นผู้ช่วยหมอ, เดี่ยวเป็นครูดอย กระทั่งอาจารย์ขอคัวไปอีกจึงได้ มาเจออา”

“คุณมองอาบ้าง”

“พวกผมยังเอาเรื่องของอาไปประยุกต์เลยครับ จากนี้ไปผมคาดว่า นายคงมีรายงานเสริมกับอาจารย์ เพราะตอนเอาเบียร์เข้าไปให้อาเหิน โทร.คุยกันอยู่…คนดีครับอาจารย์วโรทัย แกเป็นนักวิชาการของ ป.ป.ส.ที่ ออกมาลุยงานเอง”

พี่ยกเบียร์ขึ้นดื่ม จ่าคอนขอตัวไปช่วยพรรคพวกในบ้านทำกิจกับ อาหารมื้อเย็น เหลือตัวเองลำพังกวาดตามองพื้นที่บ้านก็ทราบมีทางเข้า ออกได้ ๒ ทาง ที่จ่าคำขับรถนำเข้ามาคงเป็นหลังบ้านเพราะรถจอดอยู่ เป็นแถว

แดดร่ม ลมตก วลืนี้กระมังที่คอสุราบัญญัติคือเวลาชันควรอุทิศ ไห้กับการดื่มและเสวนา นึกแล้วก็อดยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มไม่ได้ นั่งเดียวดาย นึกกับคิดไปสารพัน แต่จมูกสัมผัสกลิ่นหอมของอาหารจากกุ๊กค่าย นเรศวรลอยมากับลม

กลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครา จำคอนคว้าแก้วไปเติมเบียร์ ปาก บอกระคนยิ้ม

“อานั่งดูทีวีก่อนครับ”

พี่ปฏิบัติตามขณะบรรดาลูกมือกุ๊กพากันล้างมือ ๒ ตำรวจหญิง กำลังทำความสะอาดพี่นไม้ประดู่ขัดมัน กับเคาน์เตอร์เล็กๆ ด้านหลัง เป็นตู้เย็นชันจ่าคอนเจ้าบ้านเปิดเบียร์ตามมาให้เลยหลุดปาก

“นี่คือเป้าหมายส่วนหนึ่งทางจิตวิทยามวลชน แฟนคุณคงรักคุณ มากเลย เธอไม่ห่วงคุณหรือ อาหมายถึงงานที่คุณทำ”

“ผมพอรู้…แต่มันเป็นหน้าที่ครับอา เรื่องขบวนการมือปืนคุ้มกัน จริงๆ ผมกล้าชน กลัวสีเดียวกันเท่านั้น”

“ถ้าอาอึดพอก็คงแห่ตามได้ยาว สังขารมันทอนความคล่องคัวไป

เยอะ”

จบคำยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มเร่งเลือดลม โดยมิรู้ดอกว่าจะถูกนักรบ จากค่ายนเรศวรมองอย่างไร จวบเขายกก้นทางลมปาก

“อานึ่ผมมองแล้วแกร่งครับ”

แก้วจ๊ะ…คิดในอกอยู่แล้วว่าหนุ่มฉกรรจ์ผู้นี้เข้าสเปักตา ยิ่งได้พูด คุยก็มั่นใจ เราฝากความอยู่รอดกับพวกเขาได้ ทั้งมั่นใจในตนต้องไม่เป็น ตัวถ่วงต่อภารกิจนานา ป.ป.ส.กลุ่มนี้แน่

ฟังพี่เล่าต่อนะแก้ว…

นั่งอยู่หน้าจอทีวี พลางดื่มเบียร์ กับคุยกับจ่าคอนถึงภารกิจซึ่งเจ้า ตัวเองยังไม่รู้ จนหัวหน้าทีมงาน ป.ป.ส. ออกจากห้องเรียกทุกคนประชุมแจ้ง ภารกิจ

จ่าดำเดินหน้ามันปลาบเข้ามาหา บอกฟันขาว

“อาคุยกับไอ้นี่ถูกคนแล้วครับ’’

ทันใด ประดูห้องถูกเปิด พี่กับ ๒ จ่าสะบัดหน้าไปมอง หัวหน้าทีม เห็นเรา ๓ คนจ่ออยู่หน้าจอแก้วย่างมาหา

“ขอคุยกับทุกคนหน่อย…เชิญพี่ด้วยครับ”

“ครับอาจารย์…ขอบคุณ”

จ่าเจ้าบ้านลุกไปปิดทีวี ใจพี่เต้นรัว มิคิดจะได้รับเกียรติล่วงรู้ความ ลับของทางราชการ เพราะในวัยลำพองเราอยู่คนละฝัง เป็นอริกันระ- หว่างผู้ล่ากับผู้ถูกล่า ทว่าวันนี้ลูกหลานอันอัดแน่นพลังไว้วางใจให้เข้า ร่วมรับฟัง จึงนับเป็นเกียรติอย่างสูง

พื้นไม้ลายสวยของโถงใหญ่นั่นเองที่ใซ้เป็นที่ประชุม จ่าคอนซึ่ง ออกไปสังเกตการณ์รอบบ้านกลับเข้ามารายงาน

“ปกติครับ”

หัวหน้าทีม ป.ป.ส. คลี่แผนที่ประเทศไทยออกกางพลางชี้ยังบริเวณ เส้นสีแดงที่ลากมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรี ลงมาถึงพื้นที่ราชบุรี ณ อำเภอสวนผึ้ง

“ตามแนวเส้นสีแดงนั่นทุกคนคงทราบเป็นแนวเทือกเขาตะนาวศรี พวกเราจะต้องออกหาข่าวแหล่งผลิตยา เพราะฝ่ายความมั่นคงรับราย งานจากสายข่าวตรงกับเรา ดังนั้นการทำงานจึงต้องแยกกลุ่มเหมือนเก่า แต่ปฏิบัติการครั้งนี้อนุมัติงบล่อซื้อเพี่อขยายผลวงเงินไม่เกินหนึ่งล้านบาท เบี้ยเลี้ยงเดือนนี้ห้าหมื่นบาท ผมจะให้ติดตัวไปคนละสามพันบาทก่อน บิลน้ำมันอย่าลืมขอจะได้เบิกค่าน้ามันรถคู่กับรายงานผลปฏิบัติ ประกอบ…,ลัดดา, วิมล กับไอ้ยักษ์ไปกับผม อ้อ…ฝากพี่ร่วมด้วยนะให้ เข้าพื้นที่หาข่าวกับจ่าคอน”

ไม่ทันจบกระบวนความ โทร.มือถือของหัวหน้าทีมระรัวขึ้น หนุ่ม

ใหญ่ทิ้งคำค้างไว้กดปุ่มรับสัญญาณเข้า

“วโรท้ยครับ”

ทุกคนหุบปาก แต่สายตากับโสตเงี่ยฟังเสียงจากต้นสาย

“ขอพูดกับพี่คอนด้วยครับ”

“อ้าว…” จ่าคอนอุทานรับโทร.ไร้สายจากหัวหน้าทีมกรอกคำ

“คอนครับ”

ต้นสายรายงานเหมือนครวญ “ผมถูกจับยาตอนจะเข้าไปหาพี่”

“ได้ของกลางหรือยัด” จ่าคอนถามติด

“ค้นในตัวได้เม็ดเดียวครับ…ช่วยผมออกไปทีครับ”

จ่าคอนขมวดคิ้วย่นกดปุมโทร.ไร้สายปิดการสนทนาพลางรายงาน หัวหน้าทีม “ไอ้สือ เด็กของผมจากสวนผึ้งครับ”

“ก็ต้องเอามันออกมา” มือปราบ ป.ป.ส.ออกความเห็น

“ขอบคุณครับ” จ่าหนุ่มสนองรับ

“หยั่งงั้นสรุปการประชุมไว้ก่อน ทุกคนรู้เป้าหมายแล้ว แต่ละชุด ให้จ่าคอนกำหนดพื้นที่รับผิดชอบ เอาละ ไปกินข้าวกันก่อน”

เหล่านักรบภูเขาสลายตัวไปช่วยกันจัดตั้งสำรับกับข้าวดุจครัวบ้าน ตน หัวหน้าทีมที,ทุกคนเรียก “อาจารย์” จำยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ พี่กระดก ตามบ้าง

ต่อมา พี่กับจ่าเจ้าของบ้านพากันไปส่งหัวหน้าทีมที่รถเก่งญี่ปุ่น สีครีม พอปิดประดูรถกลับเปิดกระจกโฟนออกมา

“ไอ้นั่นชื่ออะไรนะ เด็กคุณน่ะ”

จ่าหนุ่มก้มลงบอก “ชื่อไอ้สือ สัญชาติกะเหรี่ยงครับ”

โตโยต้าเก่งเคลื่อนออกจากลานจอดขณะฟ้าหลัวจึงพลิกนาฟักา ข้อมือซ้ายดูเวลา โสตสัมผัสเสียงเทลมหายใจยาว จ่าวัยฉกรรจ์หันไป มองยิ้มผัดๆ ก็ปลอบ

“มันเป็นเรื่องของนายที่ดีน่าประพฤตินะคุณ”

“ผมอยากทำงานกับเจ้านายที่ลุยจริงอย่างแก ก่อนนั้นทีมเราทำ งานหาข่าวตามรอยตะเข็บชายแดน มีรถผม รถอาจารย์กับรถดู้ของ ป.ป.ส. มาตอนนี้ได้แกให้ยืมเงินดาวน์รถจากเงินส่วนตัวจนมีรถใช้กับมือถือติดต่อ งานที่อาเห็นนี่แหละ”

ฟ้ามืดแล้ว…พื่กับเจ้าบ้านยังยีนตากลมคอยไล่ยุงเหมือนจะนับดาว รออาจารย์วโรมัยยังลานจอดอีกพักหนึ่ง จึงปรากฏแสงไฟรถพุ่งเข้ามา ขณะเลี้ยวเข้าบ้าน จ่าคอนจับแขนหลุดคำบ่งอาการนับนาทีคอย

“มาแล้วครับ”

หนุ่มใหญ่นักวิชาการเคลื่อนรถเข้าจอด ณ ที่เดิม ห่างราว ๓ เมตร ประดูเก๋งด้านหน้าทั้ง ๒ ส่งเปิด หัวหน้าทีมยิ้มให้เหมือนคนขี้เล่นกล่าว กับลูกน้อง

“ช้าหน่อย ต้องไปตามผู้กำกับฯ…ไปขึ้นไปกินข้าวปลาก่อน”

จ่าหนุ่มผงกศีรษะรับแทนตอบพลางกอดคอกะเหรี่ยงหนุ่มผิวเม็ด มะขามวัยเคียงกันก้าวตามหัวหน้าทีมขึ้นบ้าน ไอ้สอนโชเฟอร์ประจำรถ ลุกจากหน้าจอทีวี แจ้งความประสงค์

“ผมไปนอนในรถนะครับ”

“ยุงกัดตายห่า”

“จ่าดำให้นั้ามันทากันยุงผมมาขวดนึง”

“อิ่มท้องหรือยัง”

“สองจานเลยครับ”

“ตามสบายเถอะ”

อาหารเย็นแต่รับประทานแกล้มเบียร์ต้นราดีที่เจ้าบ้านจัดให้ใน ครัวอันอีกฟากหนึ่งตั้งโต๊ะเก้าอี้อยู่เดิม ระหว่างการเดินทางของอาหาร บวกนํ้าเมรัย พี่ให้ความสนใจคำซักถามของ ๒ เจ้าหน้าที่ที่รีดเอาจากปาก

ไอ้สีอจึงขยายภาครับเต็มที่

แก๊วจ๊ะ ก่อนนั้นพี่รู้แต่ว่าว้าแดงผลิตยาบา ไม่เคยคิดกะเหรี่ยงของ โบเมี้ยะจะแตกแยกเป็นคริสต์-พุทธ แล้วไปให้ความร่วมมือกับพม่า ซึงอาศัยนักรบว้าแดงล้มขุนส่าลงได้ เพราะมีข้อตกลงระหว่างว้าแดงกับ พม่าเจ้าของอาณาจักร

ส่วนบำเหน็จล้มขุนส่าของพม่าอันมีว้าแดงเป็นหัวหอกได้แก่พื้นที่ สร้างเมือง ซึ่งต้องใช้ทรัพย์มหาศาลจนขบวนการผลิตยาอุบาทว์ของว้าแดง ซึ่งเคยมีเฮโรอีนขุธงถูกลดการผลิต ไปเพิ่มการผลิตยาบ้าที่มีใบสังจากฝัง ไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยบางคนเข้าไป “ไฟเขียว” ให้ผ่านไปพักยา นรกละแวกชานกรุงเพื่อกระจายงานจัดจำหน่ายออกไปอย่างเป็นขบวนการ

กลุ่มเป้าหมายยานรกอยู่ที่เยาวชนของเรา!

ว้าแดงมีโครงการขยายการผลิตไปตามรอยตะเข็บชายแดนไปจรด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันมีอำเภอสวนผึ้งเป็นหนึ่งในเครือข่ายตั้ง โรงงานปัมยาบ้าซึ่งเดินเครื่องมากว่า ๓ เดือน ณ เขากระทิง ตำบลซับปา หวาย

ไอ้ลือ “สาย” ของจำคอนรายงานสำเนียงกะเหรี่ยงพูดไทยคล่อง

แคล่วมาแต่ต้นสรุป

“เป้าหมายที่ตั้งโรงงานต้องปีนเขาขึ้นไปจนถึงรอยต่อเขตพม่า ชั่วโมงเศษจะได้ยินเสียงเครื่องปันไฟ ผมเดาเอาว่าอยู่ฝังไทยครับ”

“มันลำเลียงยาออกทางไหน” จ่าคอนตามเรื่อง

“มีทางลงจากเขากระทิงสองทาง ผมเจอตอนขึ้นไปหาไม้หอมกับ เห็ด แต่ก่อนถึงโรงงานปัมยาตลอดสันเขาปลูกกัญชาแซมข้าวเป็นแปลงๆ ดูเขียวไปหมด สำหรับทางลำเลียงยาสองทาง ทางหนึ่งไปลงแถบนํ้าตก เกาโจร อีกทางลงแถบแก่งส้มแมว พื้นที่อื่นเป็นภูเขาลาดชันตลอดแนว พวกขนยาคงไม่กล้าเสี่ยงไปออกแม่นํ้าเพชรฯ เพราะเป็นเขตของกะ- เหรี่ยงโอลิเวอร์เจ้านายผม”

กะเหรี่ยงหนุ่มแจงทุกกระทงความราวเขื่อนรั่ว อันบ่งถึงชั่วโมงบิน และก่อให้เกิดปัญญามองปัญหาชนกลุ่มน้อยกว้างไปอีกโข เพราะก่อน นั้นพี่เคยศึกษานับแต่บ้านหินแตกของขุนส่าถูกกองทัพไทยถล่มพ่ายยับเยิน จนล่าสุดเขียนสารคดีชนกลุ่มน้อยในขื่อ “๕-๐ ปีไพ่สร้างชาติของโบเมี้ยะ” ก็ติดต่อนายพลโอลิเวอร์ของกะเหรี่ยงขอเข้าไปสังเกตการณ์ให้

นับแต่วันนั้นจรดบัดนี้กะเหรี่ยงทำศึกกับพม่าโชกโชนราวครึ่ง ศตวรรษก็ยังไม่มีแผ่นดินสร้างชาติ นอกจากเอาศพทหารกะเหรี่ยงอาศัย พม่าอยู่จนทุกวันนี้

เสร็จกิจบนโต๊ะอาหารพร้อมงานสัมภาษณ์ “สาย” ประมาณ ๓ ทุ่มเศษก็มีคำสังหัวหน้าทีมให้จ่าคอน, พี่ เข้าไปฝังตัวหาข่าวกับไอ้สือ ให้ได้ข้อเท็จจริง

อาจารย์หนุ่มใหญ่ถอยเก้าอี้ออกลุกขึ้นยืนปากบอกมือขวาตน

“จ่าคอนคอยเดี๋ยว”

“ครับ”

พอหัวหน้าทีมผละเข้าห้อง จ่าหนุ่มชักเสริมกับ “สาย” ตน

“นายสะดวกไหมถ้าเราจะไปพักพิงที1บ้านในฐานะพ่อค้า เพื่อซื้อหา ไม้หอม ตะโก หิน ตอไม้เนื้อแข็ง รวมไปถึงของปาอื่นๆ”

“ไปแบบนี้ได้ครับ”

สิ้นเสียงกะเหรี่ยงสวนผึ้งตอบ อาจารย์หิ้วกระเปาหนังสีดำกลับมา นั่งที่เก้าอี้เดิม เปิดกระเปาหยิบซองธนบัตรที่เขียนขื่อไว้หน้าซองให้ จ่าหนุ่มพลางบอกสิ้นๆ

“คุณช่วยจำหน่ายให้ด้วย ผมจะกลับบ้านเขียนรายงาน”

“ครบ”

“ผมไปก่อนนะพี่ เที่ยวให้สนุก สิ้นเดือนพบกันครับ”

ประโยคหลังนั่นอาจารย์คงหมายถึงพี่ ก็ได้แต่ยิ้มให้ เจ้าบ้านออก ไปส่งนายถึงรถกลับขึ้นมา มือหนึ่งถือธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทใหม่เอี่ยม ยื่นส่งให้กะเหรี่ยงหนุ่ม

“อาจารย์แกฝากให้นายไว้ใช้”

“ขอบใจครับ”

ครานี้ เขามองมาที่พี่บอกระคนยิ้ม

“อารอเดี๋ยวนะ ผมเอาซองไปจ่ายเพื่อนๆ หน่อย”

“ตามสบายครับ”

ช่วงที่จ่าพลร่มค่ายนเรศวรผละไปยังห้องโถง พี่รีบลงจากบ้านไปดู ลูกน้องที่รถเห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาร่างโชเฟอร์ ก็เปิดประดู รถดูพบที่เบาะนั่งมีกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งเขียนถึงพี่

“อาครับ…ผมรู้แล้วว่าอาจะไปไหน แต่ผมไม่กล้าเสียง ไม่กล้าบอก อา อย่าโกรธผมนะครับ ให้จ่าดำหรือพี่คอนหาคนขับรถใหม่ให้ไม่ยาก หรอก…โชคดีครับ-สอน”

อกเอย…นี่เป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึกเฉียบพลัน

กระนั้น ย่อมถือว่างานนี้พิ่ผิดที่มิได้ซักถามความสมัครใจให้ถ่อง แท้จึงพลาดมองคนอื่น เขาคงคิดกับรู้สึกเหมือนตัวเองถึงพลาดกับคนใกล้ ตัวได้ง่ายดาย

และถ้ามันพูดได้คงถามพี่

“คิดฆ่าโจรด้วยกัน ลืมรอยตีนคัวเองแล้วหรือ?”

นักรบนเรศวรทราบเป็นรายแรกอาสา

“อาไปหากับผมที่เมืองกาญจน์เถอะ เจ้าถิ่นที่นั่นเขาจะคัดตัวให้” “เริ่มเลยหรือ”

สุริยัน ศักดิ์ไธสง
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก : The People
แอพเกจิ แอพรวมเรื่องราวประสบการณ์จริง เกี่ยวกับ พุทธคุณ ไสยศาสตร์ วิชาอาคม

error: ถ้าจะก๊อปกรุณาให้เครดิตท่านเจ้าของบทความ
%d bloggers like this: